BY Zreast
Less than a minute ago

วิธีผ่านด่าน Metaphor: ReFantazio – ภารกิจ Necromancer Takedown (ดันเจี้ยน Regalith Grand Cathedral)

0 Views

วางจำหน่ายมาแล้วสำหรับ “Metaphor: ReFantazio” อีกหนึ่งเกม JRPG ที่เป็นหมุดหมายของหลาย ๆ คนในปีนี้ และพร้อมที่จะใช้เวลาอยู่กับเกมได้เป็นหลักหลายสิบ จนถึงหลักร้อยชั่วโมง

และเพื่อให้ทุกคนได้ตั้งต้น ปรับตัว รวมถึงช่วยให้คืบหน้าไปได้ไวยิ่งขึ้น เราจึงขอแนะนำวิธีผ่านด่าน (Walkthrough) สำหรับเกมนี้ โดยเน้นไปที่ดันเจี้ยนหลักของเกมซึ่งมีความซับซ้อนอยู่ประมาณหนึ่ง

⚠️สปอยล์ไม่เยอะ – บทความไกด์ Metaphor: ReFantazio ของ GamingDose จะพยายามหลีกเลี่ยงการเผยชื่อบอส รวมถึงฉากสำคัญของเนื้อเรื่อง

Metaphor: ReFantazio บนหน้าร้านค้า Steam : https://bit.ly/4dALesk


 

โดย Regalith Grand Cathedral ถือเป็นดันเจี้ยนเต็มรูปแบบแห่งแรกที่ผู้เล่นจะได้สัมผัสกันในเกม ซึ่งจะเข้าถึงได้หลังจากที่กลับมายังเมืองหลวง Grand Trad รอบที่สอง และดำเนินคัทซีนสำคัญชุดใหญ่ จนปลดล็อคดันเจี้ยนนี้ให้มุ่งตรงเข้าไปได้ทันที

ทีมแนะนำสำหรับผ่านด่าน

ภายในเกมมีระบบที่เรียกว่า “Traveller’s Voice” ทำให้เราตรวจสอบข้อมูลได้ ว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ใช้ Party แบบใดและมีเลเวลเท่าไร ในตอนที่ผ่านด่านนั้น ๆ

โดยสำหรับแนวทางที่เราแนะนำ มีดังนี้

  • ตัวเอก : Healer หรือ Mage
  • อีก 2 ตัวละครที่เหลือ : Archetype เดิมที่ติดมากับตัวละคร
  • ติดตั้งเวท “Hama” สำหรับโจมตีธาตุแสง ประมาณ 1-2 คนในปาร์ตี้ (ทำได้ที่เมนู Inherit Skills ใน Akademia โดยต้องปลดล็อค Healer ให้กับคนนั้น ๆ ก่อน)

บุก Regalith Grand Cathedral ทางประตูหน้า

  • ผู้เล่นจะได้บุกเข้ามายัง Regalith Grand Cathedral เพื่อไล่ตามศัตรูและช่วยเหลือเหล่าชาวบ้านที่ยังติดอยู่ภายใน
  • ตรงนี้จะยังไม่มีอะไรมาก ศัตรูส่วนใหญ่จะเป็นทหารกระดูกที่ต้านทานต่อธาตุน้ำแข็ง ให้มุ่งหน้าสำรวจไปตามฉาก
  • อย่าลืมเก็บไอเท็มบนพื้น (ดวงแสงสีฟ้า ๆ) ให้ครบถ้วนเท่าที่เราสามารถเดินทางไปเก็บได้ในตอนนี้

  • สำหรับห้องโถงแรกสุด ทางไปต่อจะอยู่บริเวณมุมบนซ้ายของแผนที่
  • เราจะทราบข้อมูลว่ามีเด็กคนหนึ่งที่พลัดหลงไปจากแม่ ตัวเอกและ Strohl จึงอาสาเป็นผู้ตามหาให้เอง
  • มุ่งหน้าไปตามบันได ขึ้นชั้นบนไปเรื่อย ๆ เราจะเจอกับห้อง ๆ หนึ่งที่ต้องเปิดประตูเข้าไป
  • ในห้องนี้จะมีชั้นหนังสือและถังไม้จำนวนมาก ให้ทำลายถังไม้ทางซ้าย แล้วมุมลอดชั้นหนังสือเข้าไป ก็จะพบกับเด็กที่ทุกคนตามหาอยู่
  • อย่าลืมเปิดรับหีบสมบัติ และเก็บไอเท็มที่ตรงจุดนี้ด้วย

  • เมื่อมุดชั้นหนังสือกลับมา จะมีประตูอยู่ทางขวา ซึ่งเป็นทางไปต่อ
  • มุ่งหน้าไปตามทางเรื่อย ๆ เราจะได้กลับไปรวมตัวกับ Hulkenberg อีกครั้ง
  • เมื่อไล่ตามเข้าไปยังอาคารหลักของ Grand Cathedral เราจะพบว่าเพดานถล่มลงมา และไปต่อไม่ได้
  • อย่างไรก็ตาม Hulkenberg รู้ทางเข้าลับอีกหนึ่งแห่ง ซึ่งต้องเดินทางผ่านบริเวณสุสาน ทั้งสามจึงถอยกลับมาก่อน และเตรียมตัวบุกไปทางสุสานดังกล่าว

บุกฝ่าสุสาน และสู้กับบอส

  • ผู้เล่นจะกลับมาที่จัตุรัสบริเวณหน้า Grand Cathedral, ให้วิ่งอ้อมไปตามทางที่ Hulkenberg บอก (ตามที่ Objective เกมชี้) ก็จะพบกับอีกหนึ่งทางเข้าดันเจี้ยนนี้
  • เมื่อเข้าดันเจี้ยนมาสักพัก ก็จะพบกับประตูที่มีออร่าสีดำแผ่ออกมา อันจะนำไปสู่การเผชิญหน้ากับบอส

สู้กับบอส

  • สำหรับบอสตัวนี้จัดว่าไม่ยากนัก เพราะจะเป็นไฟต์ที่เน้นให้ Hulkenberg ได้ฉายแสงเป็นครั้งแรก
  • เน้นใช้สกิล “Knight’s Proclamation” ของ Hulkenberg เพื่อดึงความสนใจจากบอส
  • ไฟต์นี้ยังเป็นการแนะนำระบบใหม่ “Synthesis Skill” หรือการโจมตีประสานของ 2 ตัวละคร ที่จะใช้เพชร (Turn Icon) เยอะขึ้นเป็น 2 เม็ด
  • หลังจบการต่อสู้นี้ Hulkenberg จะเข้าร่วมกับปาร์ตี้เราอย่างเป็นทางการ

เริ่มลุยภารกิจ Necromancer Takedown แบบจริงจัง

  •  หลังจากนี้ไป เกมจะให้เราได้ทำความรู้จักกับระบบ Deadline ของภารกิจหลัก, ซึ่งสำหรับภารกิจ “Necromancer Takedown” นี้จะมีเวลาให้เคลียร์อยู่ 10 วัน
  • ระหว่างนี้ผู้เล่นสามารถบริหารจัดการเวลาอย่างไรก็ได้ จะแวะไปทำภารกิจรอง ๆ , เสริมแกร่งตัวละคร, หรือทยอยลุยดันเจี้ยนก็ทำได้ทั้งหมด
  • อย่างไรก็ตาม เราแนะนำว่าให้รีบเดินหน้าเคลียร์ภารกิจหลักก่อนเป็นอันดับแรกทุกครั้ง เพราะเราไม่รู้ว่าตัวดันเจี้ยนนั้นจะยาวนานขนาดไหน มีอุปสรรคยาก ๆ อะไรบ้าง ที่ทำให้ต้องเสียเวลาหลายวัน
  • การลงดันเจี้ยน ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำให้เสร็จภายใน 1 วัน (เป็นไปได้ยากด้วย) เพราะเมื่อเราสู้ไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ MP เราจะหมด และการฟื้นฟู MP ในเกมนี้ ทำได้ยากกว่า HP ดังนั้นเราจึงต้องถอยกลับไปพักผ่อนฟื้นฟู MP ที่เมืองเป็นครั้งเป็นคราว
  • การถอยกลับไปฟื้นฟู MP สามารถทำได้ด้วยการกดไอเท็ม “Ariadene’s Thread” กลับไปที่หน้าทางเข้า หรือทำจากในห้อง “Magla Hollow” ซึ่งเป็นเหมือนจุดเซฟโซนแวะพักของเรา ที่นอกจากจะใช้ Fast Travel ไปยังจุดต่าง ๆ ของดันเจี้ยนได้แล้ว ก็ยังใช้วาร์ปออกมาจากดันเจี้ยน และจบกิจกรรมในวันนั้น ๆ ได้
  • ทุกครั้งที่แวะ Magla Hollow แห่งใหม่ อย่าลืมกด “Talk To Allies” เพราะจะมีบทพูดใหม่ ๆ เพิ่มมาเสมอในแต่ละจุด ให้เราได้รู้จักกับเหล่าสมาชิกในปาร์ตี้มากขึ้น
  • ในวันไหนที่เราตัดสินใจลงดันเจี้ยนแล้ว ก็จะกินเวลาหมดไปทั้งช่วงกลางวัน ดังนั้นหากมีภารกิจย่อยอื่น ๆ ที่ต้องกินระยะเวลา (ในเกมจะมีไอคอนบอก) และทำได้เฉพาะกลางวัน ก็จำเป็นต้องจัดสรรให้อยู่กันคนละวันไปเลย กับวันที่เราจะลงดันเจี้ยน
  • เมื่อพร้อมจะลุยต่อแล้ว สามารถกดพูดคุยกับ Hulkenberg ที่บริเวณหน้าโรงแรม Honeybee Inn เพื่อลัดขั้นตอนไปที่หน้าดันเจี้ยนได้เลย หรือจะกด Fast Travel ไปตรงฉากที่ชื่อ “Catacombs Entrance” เองก็ได้

  • เมื่อมุ่งหน้าสู่ดันเจี้ยน ผ่านจุดที่เราเคยสู้บอสไปก่อนหน้านี้ เพียงครู่หนึ่งก็จะพบกับหญิงสาวเผ่า Paripus ซึ่งเธอจะมอบภารกิจเสริม “A Friend in Need” ขอให้เราช่วยออกตามหาเพื่อนของเธอที่ติดอยู่ในดันเจี้ยน
  • เดินหน้าสำรวจดันเจี้ยนต่อ ศัตรูส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นสุนัข ส่วนทางไปต่อจะอยู่ตรงบริเวณชั้นบน ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนเข้าสู่ฉากถัดไป
  • ที่ฉากใหม่นี้จะมี Magla Hollow ให้แวะพักอีกรอบ แต่เนื่องจากเราอาจจะเพิ่งลุยมาได้ไม่นาน ก็ยังไม่จำเป็นต้องออกดันเจี้ยนไปแวะพักก็ได้
  • เมื่อสำรวจต่อสักพัก เราจะได้เปิดประตูและพบกับห้องขนาดใหญ่ (จะมีคัตซีน แพนกล้องให้เห็นชัดเจน) เราจะได้ยินทหารยาม 2 คนกำลังพูดคุยกัน และเขาจะพูดถึง “กุญแจ” บางอย่าง ซึ่งวางไว้อยู่บนโต๊ะ รวมถึงการจับตัวประกันไว้ด้วย
  • ทหารเหล่านี้คือ Whiteclad ซึ่งเป็นกองกำลังส่วนตัวของ Louis เอกลักษณ์คือชุดยูนิฟอร์มสีขาวสะดุดตา
  • หลังจบจากคัตซีน เมื่อเดินต่อมาสักพัก จะพบกับห้องที่ล็อกไว้ และมีตัวประกันอยู่ข้างใน ซึ่งเราต้องนำ “กุญแจ” ที่ทหารยามพูดถึงเมื่อครู่ มาไขออก
  • ตำแหน่งของกุญแจ จะอยู่ในห้องบริเวณมุมล่างซ้ายของฉากนี้ ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปในห้องก็จะมีคัตซีนบ่งบอกไว้ชัดเจน ให้เราเข้าไปหยิบกุญแจออกมา ซึ่งจะเป็นแสงสีเขียว ๆ ที่อยู่บนโต๊ะตรงมุมห้อง

  • กลับไปที่ห้องตัวประกันที่ถูกล็อคไว้ และไขออก ก็จะพบกับเหล่าตัวประกัน รวมถึงหญิงสาวเผ่า Paripus คนเดิมที่ตามเรามาด้วย โดยฉากนี้ก็จะเป็นการจบเควสต์ย่อย​ A Friend in Need ลง
  • ขณะเดียวกัน เธอจะแนะนำตัวว่าเธอชื่อ “Catherina” และเข้ามาเป็น Follower คนใหม่ พร้อมกับปลดล็อค Achetype ใหม่ “Brawler”
  • มุ่งหน้าต่อ โดยไปที่ทิศเหนือสุดของฉากนี้ เราจะพบกับลิฟต์ที่ยังใช้งานไม่ได้ และต้องวิ่งขึ้นบันไดไปแทน

Servant’s Chamber & Altar Chamber

  • ลุยกันต่อในชั้นที่ 2 โดยจุดนี้เราจะได้เจอกับ Magla Hollow อยู่ใกล้ ๆ เลย หาก MP ใกล้หมดแล้วก็สามารถแวะออกไปนอนพักผ่อนก่อนได้ แต่ถ้ายังมีเหลือ ก็เตรียมลุยต่อแบบยาว ๆ
  • ทางเดินในนี้จะค่อนข้างวกวน ควรโฟกัสกับเป้าหมายหลักที่เกมชี้ไว้ก่อน ซึ่งในระหว่างทาง เราจะได้พบกับ “Trances Crystal” คริสตัลสีแดงที่จะอัญเชิญศัตรูออกมาใหม่เรื่อย ๆ และควรกำจัดทิ้งให้ไวที่สุด
  • เน้นเก็บไอเท็มตามฉากและไม่จำเป็นต้องสู้กับศัตรูทุกตัว, สามารถกดใช้ Fae Sight เพื่อสแกนดูความแข็งแกร่งได้ หากศัตรูถูกไฮไลท์เป็นสีฟ้า แปลว่าเราสามารถเข้าไปโจมตีให้ตายได้เลย โดยไม่ต้องกด Squad เข้าไปสู้แบบ Turn-based
  • จุดหมายของเราจะอยู่บริเวณประตูตรงซ้ายสุดของฉาก แต่ก่อนหน้านั้นเราจะต้องมีกุญแจก่อน โดยกุญแจจะได้รับจากการพูดคุยกับทหาร (Traumatised Soldier) ในห้องใกล้ ๆ ที่ประตูอยู่ตรงข้ามกัน
  • เมื่อได้รับกุญแจ ก็สามารถเปิดประตูและมุ่งหน้าต่อได้ทันที มายังบริเวณโซนห้องเก็บของ
  • ตรงส่วนนี้ไม่มีอะไรมาก เน้นการสังเกตตามกล่องต่าง ๆ ซึ่งเป็นจุดที่เราจะสามารถปีนขึ้น, กระโดดลง เพื่อไปเก็บไอเท็มเพิ่มเติมได้
  • เมื่อออกจากโซนห้องเก็บของมาแล้ว เราจะได้เผชิญหน้ากับทหาร Whiteclad หนึ่งยก และจะมี Magla Hollow ให้เป็นจุดพักกายพักใจอยู่ตรงบริเวณซ้ายมือพอดี
  • มุ่งหน้าต่อเพื่อเข้าสู่พื้นที่โซนใหม่

Reception Chamber

  • ที่ห้องนี้จะได้เจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยตัวที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ “Spekto” (ลูกตาลอยได้) ซึ่งจะป้องกันการโจมตีกายภาพ ดังนั้นจะไม่สามารถเปิด Auto สู้ได้ตามปกติ
  • Spekto แพ้ธาตุแสง สามารถร่ายสกิล Hama เพื่อโจมตีจัดการได้เลยทันที
  • เมื่อมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือตาม Objective, เราจะเจอกับลิฟต์ที่ถูกบาเรียบล็อกไว้ไม่ให้ไปต่อ และต้องอ้อมไปทำลายคริสตัลซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของมันก่อน
  • ให้ถอยกลับมาทางมุมล่างขวา จะพบบันไดให้ปีน ซึ่งเป็นทางไปต่อ
  • เดินหน้าไปเรื่อย ๆ เราจะพบกับทหาร Whiteclad เฝ้าอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เช่นเคยว่าไม่ต้องสู้ทั้งหมด สามารถกด Fae Sight และเลือกจัดการตามที่เราสะดวกได้
  • ให้มุ่งหน้าไปทางมุมล่างซ้ายของฉากนี้ และลงบันไดมาชั้นล่าง (จุดนี้จะมี Spekto อยู่เยอะ) เราจะเข้ามายังโถงขนาดใหญ่ซึ่งมีลักษณะเหมือนโบสถ์ และตรงทิศเหนือ จะมีประตูที่มีออร่าสีดำ ๆ แผ่ออกมา
  • ข้างหลังประตูนี้คือคริสตัลเจ้าปัญหาของเรา ซึ่งมี Spekto เฝ้าอยู่ 5 ตัว ให้จัดการพวกมันด้วยสกิล Hama เป็นหลักเช่นเคย โดยใช้สกิล Knight’s Proclamation ของ Hulkenberg คอยดึงความสนใจเอาไว้
  • เมื่อทำลายคริสตัลได้แล้ว จะมีตัวเลือกให้เราวาร์ปกลับไปที่ลิฟต์ได้ทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลา
  • ทั้งนี้ก่อนที่เราจะขึ้นลิฟต์ ก็จะมีทหาร Whiteclad มาขวางอีกรอบ สามารถจัดการได้ตามวิธีที่สะดวก จากนั้นกดขึ้นลิฟต์เพื่อเข้าสู่โซนถัดไป

Royal Portrait Hall

  • เมื่อมาถึงสักพัก เราจะได้พบกับห้องที่มีรูปภาพอยู่มากมาย ทางไปต่อของเราจะอยู่ที่ทิศตะวันตก (ด้านซ้ายของ Minimap)
  • ที่นี่ เราจะได้พบกับ Necromancer ที่เราตามตัวอยู่ อย่างไรก็ตาม เขาจะร่ายเวทโจมตีใส่อย่างดุเดือด และทำให้ทั้งสามต้องถอยออกมาตั้งหลักชั่วคราว
  • เมื่อทั้งสามปรึกษากันอยู่ จุดนี้ผู้เล่นสามารถเลือก “We could use a shield” และ “The painting of Louis” เพื่อนำมาใช้รับมือกับ Necromancer ได้
  • กลยุทธ์นี้สำเร็จไปด้วยดี และ Zorba (Necromancer) จะถอยไปก่อน
  • เดินหน้าต่อและขึ้นบันไดมาเรื่อย ๆ สักพักเราจะพบกับ Magla Hollow ให้แวะพักได้อีกรอบ
  • ทางไปต่อของเราจะอยู่ตรงทิศใต้ หากขึ้นบันไดใหญ่ก็จะเปลี่ยนผ่านไปสู่โซนสำคัญ Sceptre Chamber

Sceptre Chamber

  • ที่โซนนี้ไม่มีพัซเซิลอะไรซับซ้อนแล้ว สามารถเดินหน้าต่อไปตามเนื้อเรื่องได้เรื่อย ๆ เลย และสักพักเราก็จะได้เผชิญหน้ากับบอสที่รออยู่ตรงปลายทาง

สู้กับบอสประจำดันเจี้ยน

  • บอสตัวนี้รับมือได้ไม่ยาก แต่มี HP อยู่เยอะ กลยุทธ์คือการให้ Hulkenberg ใช้สกิล Knight’s Proclamation เพื่อดึงความสนใจเอาไว้ตลอด
  • หากตัวเอกของเราเป็น Healer หรือติดตั้งสกิลฟื้นฟู HP ไว้ ก็คอยกดฮีลให้กับ Hulkenberg (หรือทั้งปาร์ตี้) เมื่อ HP ลดเกินครึ่งหลอด
  • เมื่อสู้สักพัก บอสจะเรียกลูกน้องออกมา ตรงจุดนี้เราสามารถใช้ Synthesis Skill เพื่อโจมตีหมู่และจัดการทีละหลาย ๆ ตัวในคราวเดียวได้
  • อย่างไรก็ตาม ควรเน้นโจมตีไปที่ตัวบอสเป็นหลัก พยายามปิดจบให้ไว
  • หากสมาชิกในปาร์ตี้ติดสถานะผิดปกติ สามารถกดเลือกข้ามเทิร์นของคนนั้น ๆ ไปก่อน และนำเพชร Turn ไปใช้กับคนอื่นแทน หรือถ้าตัวเอกเราเป็น Healer ก็สามารถร่าย Patra ล้างสถานะได้เป็นครั้งคราว
  • เมื่อเอาชนะบอสได้แล้ว ก็จะเป็นอันปิดจบภารกิจ Necromancer Takedown ลง
  • อย่างไรก็ตาม เรื่องราวความวุ่นวายครั้งนี้ก็ยังไม่จบลง และเราจะได้สู้บอสเพิ่มเติมอีกหนึ่งตัว

สู้กับบอสเนื้อเรื่อง

  • สำหรับบอสตัวนี้จะเน้นสู้เป็นขั้นเป็นตอนและมี Gimmick ค่อนข้างตายตัว ซึ่ง Gallica และคนอื่น ๆ จะคอยบอกผู้เล่นอยู่แล้วว่าควรโจมตีไปที่จุดใดบ้าง
  • หลัก ๆ แล้วคือโจมตีไปที่ลำตัวก่อน (เปลือกไข่) เพื่อให้บอสล้มลงมา แล้วจึงโจมตีใส่หัวใจของมัน
  • งัดทุกอย่างที่มีเพื่อโจมตีใส่หัวใจบอส แม้จะติด Resist ก็ไม่เป็นไร เน้นทำความเสียหายใส่ให้ได้ก็เพียงพอแล้ว เพราะสักพักหนึ่ง บอสจะฟื้นฟูเปลือกไข่กลับไปดังเดิม และต้องวนกลับไปตีเปลือกไข่อีกครั้ง
  • หลังจากที่เปลือกไข่ถูกฟื้นฟู ตัวเกมจะแนะนำให้เราโจมตีใส่มือทั้งสองข้างของบอส ก็เล็งไปที่ 2 จุดนี้และจัดการให้เรียบร้อย
  • เมื่อบอสไม่มีมือทั้ง 2 แล้ว, การสู้จะง่ายขึ้นเยอะมาก เพราะเปลือกไข่จะฟื้นฟูใหม่แบบไม่สมบูรณ์ และถูกโจมตีจนแตกได้ง่ายขึ้น
  • ในบางครั้ง Gallica ก็จะช่วยเราโจมตีด้วย อย่าลืมกดตอบรับความช่วยเหลือจากเธอ
  • วนตีเปลือกไข่ / ตีหัวใจ ใส่บอสแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะจัดการลงได้ไม่ยาก แค่อาจจะใช้เวลานานและต้องอาศัยความอดทน

 

ก็จะเป็นจบภารกิจอันยาวนาน และเรื่องราวความวุ่นวาย ณ Regalith Grand Cathedral ซึ่งหลังจากนี้เนื้อเรื่องก็จะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ภารกิจหลักลำดับถัดไป

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม และสั่งซื้อ Metaphor: ReFantazio ได้ที่ : https://bit.ly/4dALesk

Satthathan Chanchartree

ฟ่าง - Content Writer

Back to top