เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 12 ปี Kane & Lynch 2: Dog Days เกมยิง TPS ดังแบบคัลท์ ๆ ซึ่งแม้เป็นเกมที่หลายคนไม่ชื่นชอบ แต่อีกหลายคน ก็ยกให้มันเป็นเกม “Guilty Pleasure” ที่มีข้อเสีย แต่เพราะความเอกลักษณ์จัด ๆ ของเกมดังกล่าวที่หาไม่ได้ในเกมอื่น จึงเป็นเรื่องยากที่จะเกลียดเกมนี้ได้ลงคอ
บทความนี้จะเป็นการทำความรู้จักกับ Kane & Lynch 2: Dog Days เกมเนื้อเรื่องดิบ กับมุมกล้อง Handheld ที่เจ้าอื่นไม่กล้าทำ แล้วทำไมจึงกลายเกมคัลท์ได้นั้น เราจะเล่าข้อดีของเกมนี้ที่มักโดนมองข้ามกัน
Kane & Lynch 2 คือเกมอะไร แล้วทำไมจึงมีเอกลักษณ์
สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Kane & Lynch 2: Dog Days (จากนี้จะเรียกแค่ว่า Kane & Lynch 2) คือเกมแอ็กชันยิง Third-Person ที่พัฒนาโดยทีมงาน IO-Interactive (HITMAN) จัดจำหน่ายโดย Square Enix ซึ่งออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 2010
โดยเนื้อเรื่อง Kane & Lynch 2 มีเนื้อหาต่อจากภาคแรกที่ Kane อดีตทหารรับจ้าง และ Lynch อาชญากรที่มีจิตใจไม่คงที่ ต้องหนีตายในกรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน จากการโดนตั้งค่าหัวถูกไล่ล่าแบบพลิกแผ่นดิน โดยแก๊งมาเฟียจีน (Triad) และเจ้าหน้าที่ เพราะเผลอฆ่าลูกสาวของคนใหญ่คนโตโดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้ Kane & Lynch 2 มีกระแสเป็นที่น่าสนใจในช่วงแรก แต่น่าเสียดายที่เกมดังกล่าว กลับมีกระแสตอบรับไม่ค่อยน่าประทับใจ รวมถึงทำยอดขายได้ไม่ดี ซึ่งเป็นเหตุผลหลัก ทำให้ Kane & Lynch ไม่มีภาคต่อจนถึงทุกวันนี้
แล้วปัญหาของเกม Kane & Lynch 2 คืออะไร ? ก็ต้องบอกเลยว่าข้อเสียของเกมนี้ มีหลายอย่างที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ตั้งแต่ระบบการยิง Cover ที่ค่อนข้างธรรมดา, เนื้อเรื่องดาร์ก Edgy ที่เล่าเรื่องได้ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แถมเนื้อเรื่องสั้นเพียง 2-4 ชั่วโมงก็จบแล้ว
นอกจากนี้ ตัวเกมขาดการขัดเกลาที่ดี ไหนจะมีแอนิเมชันการเคลื่อนไหวตัวละครที่แข็งโป๊ก, ตัวละครไม่มี Lip-sync ในเกมเพลย์ กับปัญหาสารพัดอื่น ๆ ที่มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการที่ Kane & Lynch 2 จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นเกม Mediocre นั้น ก็จัดว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เพราะคุณภาพของเกมดังกล่าวยังห่างไกลจากคำว่า “เกมดี” อยู่หลายขุม
แต่ในดงกองขยะ Kane & Lynch 2 ก็มีข้อดีกับเอกลักษณ์บางอย่างที่เกมอื่นไม่มี และไม่ได้รับการชื่นชมมากพอ ส่งผลทำให้มันกลายเป็นเกมคัลท์ (ไม่คลาสสิก) ที่คนชื่นชอบ เพราะมีไอเดียล้ำ ๆ ที่หาไม่ได้ในเกมอื่น
มุมกล้อง Handheld และการนำเสนอเป็นวิดีโอคุณภาพต่ำ คือจุดเด่นของเกมนี้
Kane & Lynch 2 ใช้มุมกล้องแบบ Third-Person ที่มีการเหวี่ยงของภาพรุนแรง คล้ายกำลังถือกล้องถ่ายวิดีโอ Handheld แล้วถ่ายภาพตามหลังตัวละครอยู่ตลอดเวลาทั้งในช่วงฉากยิงแอ็กชัน และฉากคัตซีน ทำให้ตัวเกมมอบความดื่มด่ำเหมือนคุณกำลังอยู่ในเหตุการณ์จริง ๆ หรือเป็นพยานคนหนึ่งที่เจอวิดีโอต้องห้ามตัวนี้
ตัวเกมใช้เอฟเฟกต์อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้เกมดูดิบเถื่อนมากขึ้น อย่างการเซนเซอร์ศพหรือตัวละคร เมื่อศัตรูถูกยิงตรงหัว เห็นฉากโป๊เปลือย และฉากความรุนแรงต่าง ๆ โดยอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า การเซนเซอร์เนื้อหาความรุนแรงนั้น เป็นสิ่งที่เกมเมอร์หลายคนเห็นแล้วต้องส่ายหน้า แต่สำหรับเกมนี้ กลับสามารถใช้เอฟเฟกต์เซนเซอร์ได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้การยิงหัวสนุกสนานมากขึ้น
Kane & Lynch 2 ใช้ระบบฟื้นฟูเลือดเองตามอัตโนมัติคล้ายเกม FPS หลายเกม แต่แทนที่เกมจะแสดงผลว่าตัวเองบาดเจ็บเป็นหน้าจอแดงปกติ เกมนี้เลือกที่จะใช้เอฟเฟกต์ภาพแตก เมื่อถูกยิง และหากใกล้ตาย หน้าจอของผู้เล่นจะเต็มไปด้วยหยดเลือดสีแดง คล้ายกับเลนส์ของกล้องกำลังเปื้อนเลือด
รวมไปถึงทีมพัฒนาเกม จงใจออกแบบดีไซน์เสียงให้มีคุณภาพต่ำ หรือถูกบีบอัดคล้ายกับเสียงที่บันทึกจากกล้อง Handheld ในยุค 2000 ซึ่งมีข้อจำกัดของประสิทธิภาพมากมาย โดยปืนเกมนี้จะมีเสียงดังก้องกว่าเกมไตเติลอื่น ๆ และเสียงระเบิด ก็ดังมากจนทำให้เสียงในเกมแตกจนแสบหูได้ ถึงอย่างนั้น ตรงกันข้ามกับเสียงตัวละคร Kane กับ Lynch กลับมีเสียงพากย์ที่ดีเยี่ยมเข้ากับคาแรคเตอร์เป็นอย่างดี
แม้กราฟิกเกมนี้จะดีงามอยู่แล้ว แต่ต้องขอบคุณพลังของ “วิชวลเอฟเฟกต์” ที่ใช้ Lens Flare กับ Bokeh ที่เยอะจนเกือบรกหน้าจอ และการนำเสนอบรรยากาศเมืองจีนก็เต็มไปด้วยตึกราวบ้านช่องที่ประดับด้วยแสงนีออนแสบตา ทำให้เกมนี้มีความสวยงาม และสมจริง (แบบเฟค ๆ) ได้อย่างน่าประหลาด
ด้วยเทคนิคทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้การผจญภัยติดตามเรื่องราวของ Kane และ Lynch ที่ต้องหนีตายในประเทศจีนเกือบตลอด 2-3 ชั่วโมง จึงเต็มไปด้วยความรุนแรงสมจริง บ้าบิ่นอะดรีนาลีนพุ่ง และดิบเถื่อน เหมือนเรากำลังรับชมวิดีโอ Snuff Flim ที่หาดูได้จากเว็บไซต์ใต้ดิน
แต่แน่นอน การใช้กล้อง Third-Person ในสไตล์ Handheld ที่ส่ายอย่างรุนแรงตลอดเวลา และการใช้เอฟเฟกต์อย่างจัดจ้านนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เกมเมอร์ทุกคนจะทนกับมันได้ มีหลายคนวิจารณ์ว่าระบบดังกล่าว ทำให้คนเล่นมีอาการป่วย Motion Sickness ในเวลาเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง
ถึงตัวเกมจะมี Option สามารถเปิดปิดเอฟเฟกต์การส่ายของกล้องได้ แต่การปิดเอฟเฟกต์ดังกล่าว ดันทำให้เวทมนตร์ของเกมนี้หายไป เพราะผู้เล่นจะรู้ทันทีว่าตัวเกมขาดการขัดเกลาเหมือนที่กล่าวไว้ด้านบน
ความจริงแล้ว Kane & Lynch 2 ก็มีโหมด Multiplayer อย่าง Fragile Alliance, Undercover Cop และ Cops & Robbers แต่น่าเสียดายเราที่ไม่มีโอกาสได้เล่นโหมดดังกล่าว เพราะห้อง Lobby ที่เงียบจัดในโซนไทย โดยเท่าที่ได้ยินจากสังคมเกมมา โหมดเกมเหล่านั้นก็จัดว่าเล่นเพลิน ๆ สนุกสนานใช้ได้เลยทีเดียว
ถึงแม้ข้อเสียของเกม Kane & Lynch 2 (โดยเฉพาะการเหวี่ยงกล้องอย่างรุนแรงระหว่างการเล่น) ทำให้เราไม่อยากแนะนำให้ทุกคนเล่นเกมนี้ แต่ด้วยการนำเสนอน่าสนใจ การกำกับศิลป์ที่ชัดเจน และมีเอกลักษณ์โดดเด่น จนกลายเป็นเกม “One-of-the-Kind” ที่หาไม่ได้ในเกมอื่น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเกมนี้จึงเป็นเกมคัลท์ ๆ และได้รับการชื่นชมจากสังคมเกมมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
