เครื่องเกมคอนโซล PlayStation 2 เป็นเครื่องเกมของ Sony ที่เต็มไปด้วยเกมชื่อดังหลากหลายแนวที่ตบเท้ากันมาลงในเครื่อง ด้วยที่คุณภาพการแสดงผลกราฟิกของเครื่องที่ดีงามสุดๆ หลายซีรี่ย์เกมก็แจ้งเกิดกันบนแพลตฟอร์มนี้ เช่น God of War, Devil May Cry, Shadow of the Colossus และ GTA ในแบบฉบับมุมมองบุคคลที่สามเป็นครั้งแรก และแน่นอน เกมแนว Racing ก็ยังได้รับความนิยม โดยเฉพาะเกม Racing ที่สามารถเล่นได้หลายคนพร้อมกัน
ในยุคนั้นก็มีเกมแนว Racing ออกวางขายจำนวนมาก เช่น Burnout 3: Takedown, Need for Speed หลากหลายภาค แต่เกมเมอร์หลายคนกลับไม่ค่อยจดจำเกมเหล่านั้น แต่จะเลือกจดจำเกมแนว Racing ปั่นจักรยาน ที่หน้าปกดูเป็นเกมแข่งขันกีฬาแนวเอ็กซ์ตรีมสุดร้อนแรง แถมเนื้อหาข้างในยังร้อนแรงยิ่งกว่า นั่นคือเกม Downhill Domination
Downhill Domination วางขายทั่วโลกอย่างเป็นทางการในปี 2004 โดยทีมงาน Incognito Entertainment ที่พัฒนาเกม Twisted Metal ของยุค PS2 พร้อมกับส่วนหนึ่งของทีมงาน Santa Monica Studio ดูจากทีมงานแล้วก็ถือได้ว่าการันตีคุณภาพ
เนื้อหาของเกมได้จำลองการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาขึ้นมางานหนึ่ง ในงานนั้นมีนักแข่งจักรยานชื่อดังจำนวนมาก (และมีนักแข่งที่มีตัวตนอยู่จริงมาด้วย) ภาพลักษณ์ของเกมเลยดูจริงจังเลยทีเดียว สำหรับตัวเกมสามารถเล่นได้พร้อมกันถึง 4 คน ถ้าคุณมีช่องเสียบคอนโทรลเลอร์มากพอ แต่การที่จะเล่นเนื้อเรื่องเพื่อให้ปลดล็อคด่านกับตัวละครใหม่ จะเล่นได้พร้อมกันแค่ 2 คนเท่านั้น และการตั้งค่าตัวเกมที่สามารถปรับความยากง่ายได้อิสระ ที่ล้ำลึกไปกว่านั้น อันนี้ผู้เชียนก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าสามารถปรับมุมกล้องระหว่างบุคคลที่ 1 – บุคคลที่ 3 ได้ด้วย และมีระบบการเล่นท่ากลางอากาศที่หลากหลาย ยิ่งเล่นท่ามากก็ยิ่งได้โบนัสที่จะเป็นประโยชน์ในการเล่นต่อไป แต่ถ้าล้มก็ไหลยาวเลยทีเดียว เป็นการเพิ่มความท้าทายให้เกมได้เป็นอย่างดี
ด่านที่ใช้แข่งขันก็มีมากเช่นกัน ส่วนตัวผู้เขียนยังเล่นไม่ครบเลย และต้องชมเลยว่าเป็นเกมที่ออกแบบได้สุดยอดอีกเกมนึงเลย เพราะความอิสระในการปั่นที่มีหลายช่องทาง ยาก-ง่ายให้ตามใจ เอาที่ถนัด ความต่างของทางที่ง่าย – ยากเหล่านี้ก็คือคะแนนตอนจบเกมนั้นเอง และด่านก็เต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ ทั้งจากสภาพอากาศ พายุฝนฟ้าคะนอง หิมะ หรือจากความยากของด่านเอง เช่น บ่อน้ำ เหวลึก ลาวา หินถล่ม ช้างม้าวัวควาย คนปีนเขา เดี๋ยวๆ ชักจะเยอะเกินความจริงไปแล้ว เคยอยู่ดี ๆ โดนฟ้าผ่าทั้ง ๆ ที่ยังปั่นก็มี แต่ก็แอบงงอยู่นิดนึงว่า มันปั่นจักรยานบนลาวาในบางจุดได้ด้วย จริง ๆ คิดว่าถ้านักกีฬาเจอการแข่งแบบนี้ ไม่น่ารอดกลับบ้านมาได้แน่นอน
และมันก็อาจจะพอเรียกได้ว่า นี่คงเป็นเกม Mario Kart ในแบบฉบับที่ Sony ต้องการเลยทีเดียว เพราะตัวเกมมีระบบ Combat ที่ให้อารมณ์เหมือนหลุดมาจากเกม Road Rash หมายความว่าเราจะสามารถ “ต่อย” คันข้างๆ ให้กระเด็นได้ด้วย ความสนุกของเกมมันอยู่ตรงนี้แหละครับ และไม่ได้มีแค่การต่อยอย่างเดียวเท่านั้น ยังมี Item ให้เก็บตามทางที่จะสามารถอัพเกรดท่า จากที่เดิมเราต่อยได้ ก็เลื่อนขั้นเป็นลูกเตะมหาประลัยที่จะแรงขึ้น เลื่อนขั้นอีกเป็นกิ่งไม้ไล่ตีคันข้างๆ และที่พีคขั้นสุด ก็คือปาขวดแก้วใส่กัน (สูงสุดได้ 3 ชวด ไม่งั้นจะโกงมาก) และที่สำคัญ ในเกมจะปั่นจักรยานกันเร็วมาก ถ้าโดนปั่น โดนแกล้งด้วยท่าพวกนี้ก็มีโอกาสที่อันดับจะหลุดร่วงยาวๆ และถ้าเป็นผู้เล่นที่เป็นคนแกล้งกันเองแล้ว รับประกันว่ามิตรภาพจะยืนยาวกว่าที่เคยแน่นอน และก็มี Item ที่จะติดเทอร์โบพุ่งพรวดไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ไฮไลต์เด่นอีกอันหนึ่งที่ยิ่งตอกย้ำว่าเกมนี้ถูกสร้างมาให้ผู้เล่นแกล้งกันโดยเฉพาะ ก็คือ ช่วงต้นเกมตอนออกตัว และช่วงท้ายเกมตอนเข้าเส้นชัยไปแล้ว โดยช่วงต้นเกมที่ปล่อยตัวนักแข่งออกมาพร้อมกันที่จะสามารถต่อยคนข้างๆ ได้ทันที แบบใครไวใครได้ กลายเป็นการแข่งขันที่ไม่มีหรอกครับคำว่าน้ำใจนักกีฬา เอาเปรียบกันก่อน ที่เหลือก็แล้วแต่ว่าจะปั่นตามมาทันเองมั้ย ค่อยคิดบัญชี และตอนจบหลังเข้าเส้นชัย ที่จะมีเพียงแค่อันดับที่ 1 เท่านั้น ที่พอเข้าเส้นชัยไปแล้ว จะไม่สามารถควบคุมตัวละครได้อีก แต่ผู้เล่นอันดับอื่นๆ จะยังสามารถเคลื่อนไหวได้ นั่นหมายความว่า จะสามารถเข้าไปต่อยนักแข่งที่เข้าเส้นชัยไปก่อนหน้านั้นให้ล้มคะมำได้เช่นกัน
เกมนี้ถือเป็นเกมบน PS2 ที่สนุกติดอันดับของใครหลายคน แต่ก็น่าเสียดาย เพราะเกมนี้หลังจากที่วางขายไป ก็ไม่มีภาคต่อออกมาอีก ทั้งๆ ที่เกมได้รับความนิยมพอสมควร แถมในอีก 4 ปี ต่อมา สตูดิโอหลักผู้พัฒนาเกมนี้ก็ประกาศปิดตัว กลายเป็นการปิดตำนานเกมนี้อย่างเป็นทางการ ก็ได้แต่หวังว่าจะมีทีมงานสักทีมคิดจะปัดฝุ่นเกมแบบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง