อีกไม่กี่ชั่วโมง Overwatch 2 จะเริ่มเปิดให้บริการ Early Access ให้ทุกคนเล่นฟรีกันอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ก่อนจะสวมบทเป็นฮีโร่ เราต้องทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Overwatch 2 ที่ผู้เล่นเก่าและใหม่ควรรู้ซะก่อน เพื่อเตรียมปรับตัวได้ทัน
เปลี่ยนจากทีมละ 6 คน เหลือ 5 คน
เดิมที Overwatch เป็นเกมที่มีการแข่งขันกันทีมละ 6 คน (6vs6) แต่ภาคนี้ มีการปรับเปลี่ยนใหม่เหลือเป็นการแข่งขันทีมละ 5 คนเท่านั้น
Jeff Kaplan อดีตผู้กำกับเกม Overwatch 2 เคยอธิบายว่า สาเหตุหลักที่ตัวเกมหันมาใช้ 5v5 เพราะต้องการให้ผู้เล่นสามารถอ่านสถานการณ์ของสนามรบให้ง่ายขึ้น ลดความวุ่นวายลง ส่งผลให้เกมเมอร์สามารถตัดสินใจระหว่างการเล่นได้รวดเร็ว เกิดการเล่นเกมโดยมีการวางแผน พร้อมปรับบาลานซ์ใหม่ให้เกมสมดุลอย่างเห็นชัด
มีการจำกัดคลาส ให้ลง Tank เฉพาะ 1 คนเท่านั้น
จากเดิมที่ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นคลาสอะไรก็ได้ตามใจชอบ ใน Overwatch 2 มีการเสนอระบบใหม่ เป็นการจำกัดคลาสแล้วว่าในทีมต้องมีคลาสสายแทงก์ (Tank) แค่ 1 คนเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือนเป็นการโบกมือลาทีม META อย่าง Tank 2 ตัว ของเกม Overwatch ภาคแรกไปได้เลย แล้วให้ตัวละครสาย DPS กับ Support กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง หลังจากเกมภาคแรก มีการปรับเปลี่ยนตามคำร้องของผู้เล่น ESports มากเกินไป จนบาลานซ์ของเกมขาดความสมดุล
Tank มีการปรับบาลานซ์ใหม่
Overwatch 2 มีการปรับความสามารถของคลาสใหม่ ให้ Tank เป็นคลาสเดียวเท่านั้นที่มีทักษะสกิลในการทำ Stun ให้ศัตรูหยุดชะงัก
ตัวละครคลาส DPS กับ Support ทั้งหมด ที่มีความสามารถในการหยุดชะงักศัตรูจะถูกทดแทนด้วยสกิลใหม่หรือไม่ก็เนิร์ฟ ตัวอย่างเช่น การยิงค้างของอาวุธปืนหลัก Mei ใน Overwatch 2 จะทำได้แค่ชะลอการเคลื่อนไหวของศัตรูเท่านั้น ไม่สามารถแช่แข็งให้เป็นเป้านิ่งได้อีกต่อไป และระเบิด Stun ของ Cassidy ถูกทดแทนเป็น Magnetic Grenade ระเบิดติดแปะ ที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับระเบิด Semtex ของ Call of Duty
โหมด Hero Mission เน้นการต่อสู้ PvE มาในปี 2023
ใน Overwatch 2 มีโหมดใหม่เอี่ยมที่เน้นการเล่นเกมแบบ PvE ซึ่งโหมดดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า Hero Missions และ Story Experience
Story Experience เป็นโหมดเนื้อเรื่องของ Overwatch ที่เกมเมอร์ต้องรับบทเป็นฮีโร่ตัวต่าง ๆ แล้วร่วมมือต่อสู้กับศัตรู AI โดยระหว่างการเล่นโหมดดังกล่าว ผู้เล่นต้องเจอกับข้าศึกมากมาย, ต้องคอยอัปเกรดความสามารถ Talent. มีการต่อสู้กับบอส และแน่นอน มีฉากคัตซีนให้เกมเมอร์รับชมกันในช่วงเริ่มต้นเกม และท้ายเกมอีกด้วย
ส่วน Hero Missions คล้ายกับ Story Experience ยกเว้นมีการดัดแปลงระบบต่าง ๆ เพิ่ม Objective ให้เกมมีความท้าทาย และออกแบบให้สามารถเล่นซ้ำได้สูงมาก (highly replayable) โดย Blizzard ตั้งเป้าว่า Hero Missions จะมีภารกิจให้เล่นมากกว่าร้อยภารกิจ
Hero Missions กับ Story Experience มีกำหนดการวางจำหน่ายภายในปี 2023 (Mutiplayer เล่นฟรี แต่เนื้อเรื่องต้องซื้อแยก) โดยเนื้อเรื่องใหม่จะมีการอัปเดตทุกซีซัน
Push โหมดเกมใหม่สำหรับ Overwatch 2
Push คือโหมดเกมใหม่เอี่ยมของ Overwatch 2 ที่ทีมทั้งสองฝ่ายต้องแย่งกันดันหุ่นยนต์ 1 ตัว เพื่อผลักกำแพงกั้นของฝ่ายเราไปให้ไกลที่สุด คล้ายกับ Escort แต่มันการดันแบบ Race แทน โดยฝ่ายชนะจะเป็นทีมที่สามารถดันหุ่นยนต์ได้ไกลกว่า และจบเกมทันที หากดันหุ่นยนต์ไปถึงจุด Point ปลายทาง ซึ่งเป็นทางตันของแผนที่
เผยโฉม Scoreboard ใหม่
Overwatch 2 มีการปรับเปลี่ยนหน้าต่าง Scoreboard ใหม่ ด้วยการโชว์จำนวน DMG กับ Healing ให้ทุกคนในเกมเห็น จากเดิมที่ภาคแรก ตัวเลขดังกล่าวจะโชว์ให้เฉพาะตัวเองเห็นเท่านั้น พร้อมมีการโชว์ตัวเลขใหม่อย่าง MIT (Damage Mitigated) ที่บอกว่าคุณสามารถบล็อกการโจมตีได้เท่าไหร่ ซึ่งการแสดงผลดังกล่าว เปรียบเสมือนเป็นการเผยว่าผู้เล่นได้เล่นเกมอย่างเต็มที่ไปมากน้อยแค่ไหน
ส่วนด้านขวามือ เป็นการโชว์สถิติตัวละครคลาสที่คุณกำลังเล่นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น หากกำลังเล่นเป็น Lucio ก็จะมีการโชว์ว่าผู้เล่นได้ใช้ปืน Knockback ข้าศีกไปกี่ครั้ง ฆ่าศัตรูโดยใช้สภาพแวดล้อมไปกี่ครั้ง และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่คลาสแต่ละคลาสจะแสดงสถิติไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่า Scoreboard อาจมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ใหม่อีกครั้ง ฉะนั้นเมื่อเกมเปิดให้เล่น Early Access แล้ว ภาพที่เห็นล่างหัวข้ออาจจะแตกต่างเกมเวอร์ชันสุดท้ายก็เป็นไปได้
หันมาใช้ระบบ Battle Pass แทนการสุ่ม Loot Box
โบกมือลากับระบบ Loot Box จากเกมภาคแรกได้เลย เพราะภาคนี้จะหันมาใช้ระบบ Battle Pass ที่กำลังได้รับความนิยมในเกม Live Service ในยุคปัจจุบัน
ระบบ Battle Pass ของ Overwatch 2 จะคล้ายกับเกมอื่น คือ ผู้เล่นต้องเล่นเกม, ทำภารกิจรายวัน และภารกิจรายสัปดาห์ เพื่ออัปเลเวล Battle Pass ไปเรื่อย ๆ แล้วปลดล็อกคอนเทนต์ใหม่ โดยผู้เล่นสามารถเติมเงิน เพื่อปลดล็อก Battle Pass ระดับ Premium ซึ่งจะแจกของรางวัลมากกว่า Battle Pass ปกติ รวมถึงปลดล็อกสกินระดับ Legendary กับแรร์ไอเทมต่าง ๆ อีกด้วย
คอนเทนต์ใหม่ที่ปลดล็อกได้จาก Battle Pass มีตั้งแต่ชุดสกินตัวละคร, Weapon Charm, ลายสเปรย์, ท่า Emote, ฉาก Play of The Game, ฮีโร่ใหม่ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยทุก Battle Pass จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทุกซีซัน
นอกจากนี้ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าสิ่งของทั้งหมดใน Overwatch ภาคแรกจะหายไป เพราะ Blizzard ยืนยันว่าสกุลเงินที่มีอยู่ทั้งหมด ทั้งเครดิต โทเคน OWL และคะแนนการแข่งขัน รวมไปถึงกล่อง Loot Box จะถูกโอนย้ายไปเกม Overwatch 2 โดยอัตโนมัติ
ย้ำ ! Overwatch 2 เตรียมเปิดให้เล่นฟรี Early Access วันแรกทุกแพลตฟอร์ม ในวันที่ 5 ตุลาคม เวลา 02:00 น.