เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัท Microsoft ได้ภูมิใจนำเสนอ เปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ Windows 11 อย่างเป็นทางการ พร้อมกับระบบใหม่เอี่ยมที่น่าสนใจมากมาย จนสร้างความตื่นเต้นให้กับคนใช้ PC หลายคน แล้ว Windows 11 มีลูกเล่นใหม่อะไรบ้าง บทความนี้จะมีการเก็บตกฟีเจอร์ทีเด็ดของ Windows เวอร์ชันนี้กัน
เกมเก่าก็สีสดได้ด้วย Auto HDR Gaming
ระหว่างการถ่ายทอดสด ทีมงาน Microsoft ระบุอย่างชัดเจนว่า “Windows 11 เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบเพื่อเกมมิ่งโดยเฉพาะ” แล้วระบบอะไรที่ทำให้ Windows 11 เหมาะสำหรับการเล่นเกม ฟีเจอร์ Auto HDR Gaming ที่สิ่งแรกที่สามารถตอบโจทย์ให้นักเล่นเกมได้แน่นอน
ระหว่างการเล่นเกมใน Windows 11 ผู้ใช้สามารถเปิด Auto HDR Gaming เพื่อให้ภาพเกมมีสีสันสดใส ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดย Microsoft ยืนยันว่าระบบดังกล่าวจะใช้งานได้กับเกมเก่าหรือเกมคลาสสิกที่ไม่รองรับ HDR รวมถึงสัญญาว่าในอนาคต จะมีจำนวนเกมเก่ามากกว่า 1,000 เกม เช่น Age of Empires Definitive Edition, Rocket League, Day Z และ Doom 64 สามารถเปิดใช้งาน Auto HDR Gaming ได้
แอปพลิเคชัน Android สามารถรันใน Windows ได้แล้ว
สำหรับมุมมองของคนเล่นเกม ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเกมเมอร์บางคน นิยมหันมาใช้ซอฟต์แวร์ Emulator เล่นเกมมือถือมากขึ้น เพราะนอกจากเล่นสะดวกสบาย ไม่ต้องคอยสลับอุปกรณ์ให้วุ่นวายแล้ว ยังช่วยรักษาแบตเตอรี่มือถือไม่ให้หมดไว ซึ่งส่งผลลัพธ์ทำให้อายุการใช้งานมือถือนานขึ้นตามมา
ทาง Microsoft จึงสร้างฟีเจอร์ใหม่ด้วยการให้ Windows 11 สามารถรันแอปพลิเคชัน Android ได้โดยใช้เทคโนโลยี “Intel Bridge” ซึ่งทำให้แอปพลิเคชัน Android สามารถรันบนระบบ x86 System พร้อมยืนยันว่าการรันแอปพลิเคชัน Android ใน Windows 11 จะมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหล
Windows 11 จะรองรับแอปพลิเคชัน Android บน Amazon App Store และ Windows Store ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมก็ต้องติดตามกันต่อไป
ดีไซน์ใหม่ ไฉไลกว่าเดิม ปรับแต่งหลากหลายขึ้น
Windows เกือบทุกเวอร์ชัน มักมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ User Interface ใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ PC สามารถใช้ง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวนานจนเกินไป ซึ่งแน่นอนว่า Windows 11 ก็ไม่มีข้อยกเว้น ในเวอร์ชันดังกล่าวได้มีปรับเปลี่ยน UI อีกครั้ง
สังเกตจากตัวอย่างที่ทีมงานนำเสนอมา Windows 11 มีการย้ายตำแหน่งปุ่ม Start ไปอยู่ตรงกลางด้านล่างจอ (สามารถตั้งค่าเปลี่ยนไปอยู่ด้านริมซ้ายล่างได้เหมือนเดิม) , เปลี่ยนดีไซน์ไอคอนซอฟต์แวร์ Microsoft เน้น Simplistic เรียบง่ายแต่หรูหรา, สามารถจัดแบ่งสัดส่วนของจอได้ง่ายขึ้น, ตั้งค่า Workspace ได้สะดวกสำหรับคนที่ต้องการสลับระหว่างโหมดการทำงานทั่วไปกับโหมดเล่นเกม และอุปกรณ์ Widget ได้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งช่วยให้การปรับแต่ง Personalize หน้าจอมีลูกเล่นเยอะกว่าที่เคย
โดยรวมแล้ว Windows 11 มีการเปลี่ยนดีไซน์ UI ใหม่ เพื่อให้ PC สามารถทำงานแบบ Multitasking สะดวกสบายขึ้น และดีไซน์ส่วนใหญ่จาก Windows 10X ได้กลับมาใช้งานในเวอร์ชันนี้อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าฟีเจอร์นี้ต้องเป็นสวรรค์สำหรับคนที่ใช้ PC ในการทำงานเป็นประจำอย่างแน่นอน
และสุดท้าย Taskbar ได้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Dock โดย Dock ได้ออกแบบใหม่มา เพื่อรองรับการใช้งานทั้งแบบระบบสัมผัสและการใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงอย่างเมาส์เช่นเดิม
เร็วแรง โดนใจเกมมิ่งกว่าทุก Windows ที่ผ่านมา
Microsoft สัญญาว่า Windows 11 จะมีประสิทธิภาพการทำงาน “เร็ว” กว่า Windows เวอร์ชันที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักที่ Windows 11 สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ก็เพราะเทคโนโลยี Direct Storage จากเกมคอนโซล Xbox Series X/S ได้ถูกนำมาใช้ใน Windows เวอร์ชันนี้
ตามทฤษฎี Direct Storage จะอนุญาตให้เกมสามารถอัปโหลดส่งข้อมูลไปยังการ์ดจอโดยตรง ด้วยการอาศัยพลัง NVMe SSD ซึ่งจะช่วยให้เกมใช้เวลาโหลดฉาก และประมวลผลภาพกราฟิกรวดเร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ทีมพัฒนาต้องเปิดให้ตัวเกมสามารถรองรับเทคโนโลยี Direct Storage ก่อนจึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ พื้นหลัง (Background) ของ Windows 11 จะทำงานลดลงกว่าเดิม 40% ส่งผลลัพธ์ให้ Windows 11 ทำงานอย่างลื่นไหล ซอฟต์แวร์รันได้ราบรื่น และลดปัญหาจุกจิกระหว่างการใช้งาน เช่น อาการค้าง เป็นต้น
Xbox Game Pass ติดตั้งมาพร้อมใน Windows 11
Xbox Game Pass เป็นระบบให้บริการ Subscription ที่เพียงแค่ผู้เล่นจ่ายเงินรายเดือน ก็สามารถเล่นเกมของ Microsoft และเกม Third-Party ได้หลายร้อยเกม รวมถึงสามารถเล่นได้ทั้งผ่าน Cloud Gaming, เกมคอนโซล Xbox หรือ PC
เนื่องจาก Xbox Game Pass ได้รับความนิยมจากคนเล่นเกมมากขึ้น รวมถึง Xbox พยายามผลักดันให้ Game Pass เข้าถึงทุกคนได้มากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการติดตั้ง Xbox Game Pass ลงใน Windows 11 ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบบริการดังกล่าวทันที ไม่จำเป็นต้องเข้า Microsoft Store หรือเว็บไซต์ Xbox ทางการให้เสียเวลาหลายขั้นตอนอีกต่อไป
Snap Layouts และ Group Layouts โดนใจขา Multitasking
ใน Windows 11 มีฟีเจอร์ใหม่เรียกว่า Snap Layouts ซึ่งจะเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเรียงหน้าต่างการทำงานได้ตามต้องการ ไม่จำเป็นต้องล็อกเป็นแบบหน้าจอคู่กันอีกต่อไป รวมถึงเปิดให้โอกาสให้วางทั้งแบบเป็นคอลั่มหรือแบ่งจอตามต้องการ และยังมีฟีเจอร์ Snap Group ให้ผู้ใช้งานสามารถย้อนกลับไปยังหน้าต่าง Snap เดิมได้โดยไม่ต้องออกจาก Dock
Tablet Mode และระบบสัมผัสปรับปรุงใหม่
สำหรับผู้ใช้แท็บเล็ตที่มีระบบปฏิบัติการ Windows (เช่น Surface Pro, LENOVO Ideapad) เมื่อสลับเปลี่ยนไปใช้โหมดแท็บเล็ต (Tablet Mode) หรือถอดคีย์บอร์ดออกจากการเชื่อมต่อแล้ว UI จะมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาเองโดยอัตโนมัติ
UI สำหรับโหมดแท็บเล็ตใน Windows 11 มีการออกแบบใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น ไม่ว่าเป็นการเพิ่มระยะห่างระหว่างไอคอน เพิ่มเป้าหมายในการสัมผัสให้ใหญ่ขึ้น ใช้แอนิเมชันใหม่ในการเคลื่อนย้ายตำแหน่งแอปพลิเคชัน รวมถึงคำสั่ง Gusture ใหม่อีกมากมาย
นอกจากนี้ Windows 11 ได้เพิ่มความแม่นยำในการขยับหน้าต่าง รองรับเทคโนโลยีระบบสัมผัส Haptic เมื่อใช้งานผ่านปากกา พร้อมปรับปรุงหน้าตา Keyboard บนระบบสัมผัสใหม่ และเพิ่ม Keyboard ขนาดเล็กรองรับการใช้งานแบบพิมพ์ผ่านนิ้วโป้งอย่างเดียว
ปรับเปลี่ยนดีไซน์ Microsoft Store
Windows 11 มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์หน้าตาร้านค้า Microsoft Store ใหม่ทั้งหมด เพื่อผู้ใช้งานสามารถสอดส่องหน้าร้านค้าต่าง ๆ ใน MS Store ได้สะดวกและสบายตา พร้อมยืนยันว่ามีการอัปเดตนโยบายใหม่ เพื่อคัดเลือกเอาแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมั่นใจมาวางขายในร้านค้า
นอกจากนี้ ได้มีการจัดเรียงโปรแกรมต่าง ๆ ใหม่ พร้อมปรับปรุงหน้าต่างโปรแกรมหลายตัว เช่น Disney+, Adobe Creative Cloud และ Pinterest รวมถึงแอปพลิเคชันที่เป็น WPA, EWP กับ Win32 จะเปิดใช้งานบน Windows Store และพร้อมออกวางจำหน่ายทันที
แล้ว Windows 11 เริ่มใช้งานได้วันไหน ?
Microsoft ยืนยันว่า Windows 11 จะปล่อยให้ใช้งานโดยทั่วไปในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงผู้ใช้งาน Windows 10 จะได้รับการอัปเกรดฟรี ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อ Windows ใหม่ ส่วนเวอร์ชันทดลองจะเปิดให้สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ Insider Program ได้ทดสอบในช่วงเวลาสัปดาห์หน้า
สเปกความต้องการขั้นต่ำของระบบ สำหรับการใช้งาน Windows 11
- CPU : 1 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) หรือเร็วกว่า พร้อม 2 คอร์ขึ้นไปบน CPU 64 บิตที่เข้ากันได้ หรือ System on a Chip (SoC)
- RAM: RAM ขนาด 4 GB
- HDD: 64 GB ขึ้นไป (เฉพาะการติดตั้ง Windows 11)
- GPU: การ์ดจอที่เข้ากันได้กับ DirectX 12 / WDDM 2.x
- Monitor: มากกว่า 9 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ HD (720p)
- Internet : ต้องมีบัญชี Microsoft และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อตั้งค่า Windows 11 Home
ข้อมูลดังกล่าวที่ทาง Microsoft เปิดเผยมาทั้งหมดเป็นเพียงแค่ข้อมูลเบื้องต้น หรือน้ำจิ้มเท่านั้น ฉะนั้นคาดหวังได้เลยว่าในอนาคต ทีมงานต้องมีการเปิดเผยรายละเอียด Windows 11 เพิ่มเติมอย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง: IGN, The Verge, tom’s guide