ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนว่าผมชื่อเจมส์ (วรกิต นนธิบุตร) ผมทำหน้าที่เป็น Graphic Design ประจำเว็บไซต์ GamingDose หลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหน้าผมสักเท่าไหร่เพราะผมอยู่เบื้องหลังมากกว่าเบื้องหน้า เดือนนี้ (มีนาคม 2562) จะเป็นเดือนที่ครบรอบ 1 ปีในการเข้ามาทำงานที่นี่
ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนอยากมาทำงานที่นี่ หลาย ๆ คนอยากร่วมงานกับพวกเรา หลาย ๆ คนอยากมีส่วนร่วม อยากเป็นส่วนใดส่วนหนึงของ GamingDose และวันนี้ผมอยากมาเล่าประสบการณ์ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผมอยู่ที่นี่มา 1 ปีเต็ม ที่ GamingDose
หนึ่งปีที่เป็นมากกว่าการทำงาน
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องเกมน้อยที่สุดใน GamingDose ผมพยายามบอกตัวเองเสมอตลอดเวลาในการทำงานของผมว่า “ผมทำมันทุกวันอย่างน้อย ๆ มันควรรู้เหมือนเท่าที่คนอื่นในทีมรู้” และนั่นเองมันทำให้ผมจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเกมเพื่อที่จะได้ไม่เป็นตัวถ่วงของทีม ผมดีใจมากในเวลาที่ผมมีปัญหา ทุกคนใน GamingDose ต่างช่วยกันตอบในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ผมรู้สึกว่าทุกคนไม่ได้มองว่าผมเป็นตัวถ่วง แต่เหมือนทุกคนกระตือรือร้นที่อยากจะช่วยผมจริง ๆ
เท่าที่ผมจำได้ตลอดหนึ่งปีไม่มีวันไหนเลยที่ไม่มีเรื่องตลกในแต่ละวัน ทุกคนต่างมีเรื่องมาพูดในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแป้ก ๆ หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮา ๆ ก็จะสลับปะปนกันไป แต่มีอย่างหนึ่งที่ที่นี่มีคือ ความจริงจังในการทำงานเพราะเมื่อเวลามีงานที่เราต้องจริงจังกับมันทุกคนต่างช่วยกันหาข้อมูล พร้อมกับจริงจังที่จะทำมันให้มันเสร็จ
ใน GamingDose มีเสียงฮา ๆ ทุกวันในออฟฟิศ
ที่นี่เป็นที่ทำงานของผมที่ที่สามตั้งแต่หลังเรียนจบมา ที่นี่เป็นที่แรกที่ผมรู้สึกว่าไม่เคยมีแผนการลาออกมาในหัวเลย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจจะเพราะที่นี่เป็นเหมือนพี่น้อง ครอบครัว ที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่องแม้ว่าแต่ละคนจะอายุต่างกันมาก หรืออาจจะเป็นเพราะทุกคนรับฟังกันและกันเสมอ ทุกคนล้วนมีทัศนคติที่แตกต่างกัน แต่กลับอยู่ร่วมกันได้อย่างกับเป็นครอบครัวที่อยู่กินด้วยกันมานาน
GamingDose มีเครื่อง Game Console ให้ได้เล่นเกือบทุกเครื่อง Console เลยก็ว่าได้ ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้าน เวลาว่าง ๆ พวกเราอาจจะหลบเข้าไปเล่นเกมแล้วก็ค่อยออกไปทำงานก็ได้ มันเหมือนเป็นที่พักผ่อนสมอง ยิ่งออฟฟิศใหม่มีห้องแยกด้วย ยิ่งสงบเข้าไปใหญ่ พร้อมกับกว้างขึ้นทำให้พวกเรามีที่เดินเยอะขึ้น ไม่เหมือนกับที่ออฟฟิศเก่า
ความรับผิดชอบต่องานของชาว GamingDose
ถึงแม้ว่าที่ GamingDose จะเข้างาน 10 โมงเช้า เลิก 6 โมงเย็น แต่ระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาถ้าหักเงินตามเวลามาสายผมคงโดนหักเงินเดือนนึงแทบไม่เหลือ เพราะผมไม่เคยมาก่อน 10 โมงเช้าสักที (555+)
แต่เพื่อน ๆ รู้อะไรไหมครับ?
ที่นี่ต่อให้คนในออฟฟิศมาสายแค่ไหน พวกเรากลับรู้หน้าที่ของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสั่ง บางวันหากมีธุระหรือนัดกับแฟนสามารถเคลียร์งานของตนเองแล้วกลับก่อนเวลาได้ แม่ง ! โครตอิสระ !
อย่างที่บอกที่นี่เข้างานสายได้ แต่เวลาเลิกงานแล้วแต่วัน หากงานไม่เสร็จเราก็ควรทำให้เสร็จ บางคนในออฟฟิศกลับบ้าน 2-3 ทุ่มก็ยังมี ที่นี่ไม่ได้โหดแต่ทุกคนต้องจัดการเวลาของตัวเองให้ได้เท่านั้นเอง แต่หากไม่อยากกลับบ้านดึกกลัวมาทำงานสายที่นี่มีเตียงนอนสำหรับคนที่อยากนอนออฟฟิศด้วยนะ ส่วนตัวผมยังไม่เคยนอน ผมกลัวการนอนคนเดียว เพราะผมเป็นคนกลัวผี
ความรู้สึกต่อสมาชิกทุกคน
ผมขอเล่าความรู้สึกที่มีต่อทุกคนที่อยู่ในออฟฟิศ ผมรู้สึกว่าการที่ได้อยู่กับทีมงานหลาย ๆ คนในออฟฟิศจะได้พลังงานที่แตกต่างกัน ได้ทัศนคติที่แตกต่างกัน
พี่ยีน (Sett) – ตอนสัมภาษณ์งานผมสัมภาษณ์งานกับพี่ยีน พี่ยีนเป็นเหมือนพี่ชายคนนึงที่อยู่ด้วยแล้วมีไฟในการทำงาน เพราะพี่ยีนทำงานหนักมาก นอกเหนือจากการทำ GamingDose พี่ยีนยังมีโปรเจคอื่น ๆ ที่พี่ยีนทำเป็นของตัวเองด้วย ทำให้ผมรู้สึกว่าผมต้องทำงานให้ได้ครึ่งของพี่ยีนได้คงจะดี ผมยกพี่เป็นที่หนึ่งฟีฟ่าประจำออฟฟิศ แค่ผมรู้เล่นสูสีกับพี่ ผมก็รู้สึกว่าผมสามารถชนะพี่ได้โดยไม่จำเป็นต้องยิงเลยก็ได้
พี่โน๊ต (Jokeboy) – พี่ชายอีกคนที่มีทัศนคติที่ดีมาก เวลาผมได้ฟังเหตุผลที่พี่โน๊ตอธิบายให้คนฟังในออฟฟิศ หรือแม้กระทั่งอธิบายให้ผมฟัง ผมรู้สึกว่าพี่โน๊ตมีทัศนคติที่ดีเป็นเหมือนไลฟ์โค้ชเลยก็ว่าได้ (555+) ผมนำหลาย ๆ เรื่องที่พี่โน๊ตเล่ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตด้วยนะ ไม่ได้พูดเวอร์หรืออะไรหรอก แต่พี่โน๊ตเป็นคนนึงที่ทั้งให้แง่คิดในการใช้ชีวิตเวลาเห็นข่าวที่หดหู่ผมรู้สึกดีไม่น้อยที่ได้ฟังในเวลาที่พี่พูด
มาร์ค (Markrider) – น้องชายที่เป็นเหมือน Google เคลื่อนที่ หากเทียบกับการเสิร์ชกับการถามมาร์ค ผมคิดว่าการถามมาร์คจะได้คำตอบเร็วกว่าการเสิร์ช เพราะมาร์ครู้ทุกเรื่องไม่ใช่แค่เรื่องเกมอย่างเดียวนะ และมาร์คยังเป็นตัวชงประจำออฟฟิศ คอยชงทุกมุกเมื่อทุกคนมีการพูดคุยทำให้ออฟฟิศ GamingDose มีเสียงเฮฮาตลอดเวลา ถึงแม้มันจะแป้กบ่อย ๆ ก็ตาม สู้ต่อไปนะมาร์ค
บ๋อม (BOM) – บ๋อมติดการไปเซเว่นมากตั้งแต่ออฟฟิศเก่าหรือแม้กระทั่งออฟฟิศใหม่ และทุกคนต่างฝากบ๋อมซื้อของอยู่เสมอ แต่พอพวกเราย้ายออฟฟิศมาที่ใหม่เซเว่นก็อยู่ไกลขึ้นทำให้บ๋อมไปเซเว่นได้เพียงวันละครั้งเท่านั้นหลังจากไปทานข้าวตอนเที่ยง บ๋อมน่าจะเป็นคนเดียวที่ผมไปทานข้าวด้วยบ่อยสุด แต่ตั้งแต่ย้ายออฟฟิศใหม่มาการไปทานข้าวกับบ๋อม ก็รู้สึกว่าน้อยลงเพราะผมรู้สึกว่าร้านข้าวมันไกลไป ขี้เกียจเดินเว้ย
เค (KKMTC) – ในออฟฟิศผมน่าจะเป็นคนเดียวที่แกล้งเคแรงสุด ผมไม่รู้ว่าเคโกรธไหม แต่ทุกครั้งที่ผมแกล้งเคผมจะขอโทษเคเสมอ ไม่ว่าหลังจากนี้ถ้าใครได้มีโอกาสคุยกับเคแล้ว แล้วเคเผลอหลุดปากพูดคำหยาบ ผมขอร้องว่าอย่าโทษเคเลย มาโทษผมดีกว่า (555+) เคเป็นคนที่คิดอะไรในหัวตลอดเวลา เวลาที่เขาต้องคิดอะไรสักอย่างเคมักจะเดินไปทั่วออฟฟิศ ผมรู้สึกดีที่ออฟฟิศกว้างขึ้นและมันมีพื้นที่ให้เคเดิน บางทีเคคิดอะไรไม่ออกเคจะไปหลบงีบ 10-20 นาที พร้อมกลับมาเขียนบทความต่อ
พี่เน็กซ์ (XTER-VENDETTA) – ผมคิดว่าการทำงานร่วมกับพี่เน็กซ์เป็นอะไรที่มีพลังงานมาก เพราะพี่เน็กซ์เป็นคนที่จริงจังกับทุกอย่าง คงไม่ต้องพูดถึงหากดูได้ตามผลงานกันนะครับ
พี่เนส (Nes) – พี่เนสนอกจากจะเป็นคนตัดต่อวีดีโอต่าง ๆ ในออฟฟิศเขายังทำหน้าที่ IT Support ประจำออฟฟิศอีกด้วยไม่ว่าจะมีปัญหาเรื่องคอมพิวเตอร์พี่เนสจะเข้าไปช่วยเหลือได้ทุกเมื่อ และนี่เองที่เป็นเหตุผลทำให้วีดีโอช้า (555+ ผมหยอกเล่นนะพี่) พวกเราสองคนคุยงานกันตลอดเพราะพี่เนสทำหน้าที่ตัดต่อวีดีโอและผมจะทำหน้าที่ทำปกวีดีโอให้พี่เนส ด้วยสไตล์การที่เราสองคนน้ำหนักมากกันทั้งคู่ผมเลยคิดว่าพวกเราเลยเข้ากันได้ดีมั้งครับ ผมไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ พี่เนสถึงไม่เล่น Fifa กับผม การที่พี่เนสไม่เล่น Fifa กับผม มันทำให้ผมเป็นที่โหล่ประจำออฟฟิศ ว่าง ๆ หาเวลาแก้มือกันหน่อยเพราะผมอยากตอกย้ำความแพ้ให้พี่ก่อนผมย้ายที่ทำงาน
พี่กันต์ (GunMano) – ผมกับพี่กันต์จะทำงานคู่กันนั่งใกล้กันด้วย งาน Infographic ในแฟนเพจ GamingDose ถ้าผมจะยกความดีความชอบให้พี่กันต์คงไม่ผิด เพราะไอเดียและการจัดวางของงานแต่ละงานล้วนมาจากพี่กันต์ บางงานพี่กันต์ทำเองด้วยเลยด้วยซ้ำ การที่พี่ชนะฟีฟ่าผมบ่อย ๆ ไม่ใช่ว่าพี่เก่งหรืออะไรนะ มันแค่ฟลุ๊ค
ที่นี่เป็นเหมือนพี่น้อง ครอบครัว ที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่องแม้ว่าแต่ละคนจะอายุต่างกันมาก หรืออาจจะเป็นเพราะทุกคนรับฟังกันและกันเสมอ ทุกคนล้วนมีทัศนคติที่แตกต่างกัน แต่กลับอยู่ร่วมกันได้อย่างกับเป็นครอบครัวที่อยู่กินด้วยกันมานาน
โอกาสในการเปลี่ยนแปลง
หลาย ๆ คนอ่านมาถึงตรงนี้คง งง ว่าอยู่ ๆ ผมมาเล่าเรื่องราวตลอดระยะเวลาหนึ่งปีในการทำงานทำไม ก็เพราะในวันที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในชีวิต? ผมรู้สึกผิดไม่น้อยที่การแจ้งลาออกของผมมันกระชั้นชิดเกินไป แต่พี่ยีน (sett) และ พี่โน๊ต (jokeboy) ต่างเข้าใจในโอกาสที่มานี้
ช่วงไม่กี่วีคก่อนผมได้รับข่าวดีที่สุดในชีวิตของผมให้เรียกไปสัมภาษณ์งานที่ที่แห่งนึง แล้วผมได้รับโอกาสที่ไม่สามารถปฏิเสธมันได้ในการโยกย้ายการทำงาน มันไม่ใช่เรื่องเงินหรืออะไรนะ เพราะมันเหมือนเป็นความฝันผมตั้งแต่สมัยมัธยมว่าผมอยากทำสิ่งนี้ ผมพยายามดิ้นรนเสมอเพื่อให้มีผลงานทำนองนี้ไว้ใน Portfolio ของผม ถึงแม้งานชิ้นนั้นจะทำฟรีก็ตาม ที่ที่ผมกำลังย้ายไปทำงานที่ใหม่มันเป็นค่ายเพลงที่รวมวงดนตรีวง Rock ชั้นนำของประเทศชื่อดังที่หลาย ๆ คนก็รู้จัก
เมื่อผมทำงานแรก ๆ ผมเชื่อเรื่องคอนเนคชั่นเสมอว่าถ้าเรารู้จักคนวงในจะสามารถทำงานที่นั่นได้ง่ายขึ้น แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วเพราะผมกลับเชื่อเรื่องโอกาสมากกว่า ตั้งแต่ผมเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ผมได้รับโอกาสหลาย ๆ ครั้งมาก ทั้ง ๆ ที่ผมจบมหาวิทยาลัยไม่ดังเลย เพราะทุกที่ที่ผมทำงานมาล้วนมองที่ผลงานมากกว่าการเรียนจบที่ไหน เกรดเฉลี่ยไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย
และในการลาออกครั้งนี้รวมถึงวันที่ผมเขียนบทความนี้ด้วย เรายังไม่ได้รับ Graphic Design คนใหม่มาเลย ผมต้องอยู่ช่วยเหลือ GamingDose จนกว่าจะได้ Graphic Design คนใหม่ประจำออฟฟิศ ที่นี่ยังเปิดรับสมัครตำแหน่งนี้อยู่ หากใครสนใจสามารถส่ง Portfolio และ Resume มาได้ที่ [email protected] หากใครสนใจตำแหน่งงานอื่น ๆ ที่พวกเรากำลังตามหาสามารถเข้าไปดูได้ ที่นี่>
ทุกคนล้วนมีโอกาสของชีวิต เฉกเช่นผมเหมือนกัน และผมรู้สึกเสียดายมากที่บทความนี้จะเป็นบทความสุดท้ายของผมในนาม GamingDose
ขอบคุณครับ
เจมส์ GamingDose