ในปัจจุบัน เราอาจจะเห็นได้ชัดเจนว่าวงการเกมนั้นเติบโตแค่ไหน และแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า สื่อบางสือ คนบางกลุ่ม หรือผู้ใหญ่บางท่าน ยังคงมองว่าเกมเป็นสิ่งไม่ดีอยู่ แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนั้น วันนี้เราลองมาหาคำตอบจากหลายปัจจัยกันครับ ว่าสุดท้ายแล้วทำไม เกมถึงยังถูกมองว่าเป็นตัวร้ายของสังคมอยู่ดี
อย่างที่เราได้เกริ่นนำไปกว่า ทุกวันนี้วงการเกมนั้นเจริญเติบโตขึ้นมากแค่ไหน ทั้งในเรื่องของการแข่งขัน การรองรับภาษาไทย ทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ ที่จัดขึ้น จะบอกว่าเป็นยุคทองของมันเลยก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่ยังมีคนมองว่าเกมเป็นภัยอันตรายอย่างหนึ่ง หลายประเทศเองก็มีกฎหมาย หรือการป้องกันต่าง ๆ รวมไปถึงกฎระเบียบที่เข้มงวดออกมาป้องกันเด็ก ๆ ไม่ให้ติดเกมหรือเล่นเกมจนเกินไป ซึ่งหัวข้อนี้เองเคยมีการวิจัย หรือตั้งหัวข้อเชิงคำถามกันมาแล้วว่าเพราะอะไรกันแน่
ถามว่าเพราะเหตุใดกัน อาจจะเพราะว่าในมุมมองของเด็กและเหล่าผู้ใหญ่ เราจำความรู้สึกตอนเล่นเกมในวัยเด็กได้หรือไม่ ว่าเราเล่นไปเพื่ออะไร เด็ก ๆ ส่วนมาก หรือหากเป็นเราเอง ย่อมจำได้ว่าเล่นเพื่อความสนุก ความบันเทิง หรือความท้าทาย
ในขณะเดียวกันนั้นเอง คนเป็นพ่อเป็นแม่ ย่อมอยากให้ลูกอยู๋ในลู่ทางที่ถูกต้อง หรือสมควร นั่นรวมไปถึงสุขภาพและสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย อย่าลืมว่าในยุคเก่านั้น คนปัจจุบันที่เป็นพ่อและแม่ของเรา ยังอยู่ในยุคที่วิดีโอเกมไม่เจริญรุ่งเรืองเท่ายุคสมัยนี้ และคนเรามีคำพูดที่ว่า มนุษย์มักกลัวสิ่งที่ไม่เข้าใจ ซึ่งก็อาจใช้ได้กับพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่ไม่รู้ว่าวิดีโอเกมในยุคนี้ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ พวกเขาคงกลัวว่าลูก ๆ อาจจะเลือกเล่นวิดีโอเกมแทนการออกไปข้างนอก หรือออกกำลังกาย หากเทียบกับการอ่านหนังสือ พ่อแม่คงคิดว่าลูก ๆ คงจะเรียนรู้อะไรบางอย่างจากหนังสือได้ แต่พวกเขาไม่แน่ใจว่าลูก ๆ จะเรียนรู้อะไรจากวิดีโอเกมได้
แต่หากจะโทษพ่อแม่ผู้ปกครองฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะเราเองยังคงต้องยอมรับความจริงว่าในสังคมเกมนั้นก็มีสิ่งที่ไม่เหมาะสม หรือเป็นภัยอยู่จริง ๆ จะให้เด็กมานั่งเล่นมันก็ยังไงอยู่เหมือนกัน
ดังนั้นปัญหาปัจจุบันมันจึงเกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย เชื่อว่าทุกคนน่าจะประสบปัญหากับการขี้เกียจ หรือคร้านจะอธิบายให้ผู้ปกครองหรือพ่อแม่เข้าใจว่า การเล่นเกมมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด มันจึงเกิดเป็นปัญหาที่อีกฝ่ายไม่เปิดใจ ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่อยากอธิบาย ปล่อยเลยตามเลยไปอย่างนั้น ซึ่งมันจจะปะทุกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในสักวันก็ได้
จริง ๆ แล้วการเล่นวิดีโอเกมนั้น ส่งผลทั้งด้านดีและไม่ดีให้เด็ก ๆ
ในส่วนที่ดีนั้น มันจะกระตุ้นให้เกิดการทำงานร่วมกันเป็นทีม มีส่วนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (ขึ้นอยู่กับประเภทเกมที่เล่น) เนื่องจากในยุคปัจจุบันนั้น วิดีโอเกมหลายเกมออกแบบมาให้เล่นแบบ Co-op , Multiplayer ได้ ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่มักมีแต่เกมแนว Single Player และการเล่นเกมบางประเภทยังทำให้เด็กนั้นมีคะแนนวิชาคณิตศาสตร์สูงกว่าเด็กที่ไม่ได้เล่นเกม ย้ำกันอีกรอบว่าแค่บางคน และขึ้นอยู่กับเกมที่เล่นเท่านั้น
นอกจากนั้นเด็กที่เล่นเกมมักจะมีนิสัยการเอาชนะอย่างไม่รู้ตัวเพิ่มเข้ามา พวกเขาจะพยายามฝ่าฟันปัญหา เอาชนะในทุกเรื่อง ซึ่งนิสัยเหล่านี้อาจจะต้องถูกเกลาโดยผู้ใหญ่ เพราะมันอาจส่งผลด้านลบให้กับเด็ก ๆ ด้วย
กลับกันในด้านของผู้ใหญ่เอง ซึ่งก็ต้องเป็นฝ่ายปรับตัวเข้าหาเด็ก ๆ หรือยุคสมัยใหม่ ๆ ด้วย เพราะต้องยอมรับว่าในทุกวันนี้ เทคโนโลยีนั้นหมุนเร็วกว่าที่คิดไว้มาก และมนุษย์เรานั้น มีนิสัยโดยลึกแล้วคือ ไม่ค่อยชอบการปรับตัวสักเท่าไร เพราะมันดูอึดอัด ไม่สบายใจที่จะต้องมาเรียนรู้หรือยอมรับสิ่งที่เราไม่อยากรู้นัก
ในปัจจุบันเองก็มีผู้ใหญ่หลายคนที่หันมาสนับสนุนวงการเกม หรือแม้แต่ผู้สูงอายุต่างประเทศหลายท่านที่ผันตัวมาเป็น Streamer หรือ Youtuber เพื่อเล่นเกมโชว์ แม้จะน้อยมากแต่ก็ถือว่ามีให้เห็นอย่างแพร่หลาย
เราคงไม่อาจบังคับหรือให้ใครมาเข้าใจได้โดยเร็วว่าการเล่นเกมนั้นไม่ได้ส่งผลร้ายอย่างที่คิด และคงพูดได้ไม่เต็มปากด้วยว่ามันดีจริง เพราะอย่างที่เรากล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งมีสองด้านเสมอ เกมก็เช่นกัน สิ่งที่พวกเราเหล่าเกมเมอร์ทำได้มากที่สุด ก็คือพยายามเป็นแบบอย่างที่ดี หรือจัดเวลาการใช้ชีวิตให้เหมาะสม พร้อมกับทำให้พวกเขาเข้าใจไปด้วยว่า เกมนั้น ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย
ในขณะที่ฝั่งผู้ใหญ่เองก็ต้องเปิดใจเรียนรู้ในเทคโนโลยีปัจจุบันและสิ่งใหม่ ๆ ด้วย สุดท้ายแล้ว มันจึงไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ทุกคนต้องเปิดใจ ร่วมกันทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้นั่นเองครับ
สุดท้ายนี้เราก็ได้แต่หวังว่าในอนาคต ผู้ใหญ่จะมองเกมในด้านที่ดีมากขึ้น ส่วนบุคลากรในวงการเกมก็นำเสนอสื่อและสิ่งดี ๆ ในทุกด้านให้ทุกคนได้เห็น เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เราน่าจะมองเห็น