หากพูดถึงเกมลูกรักที่มีความสำคัญต่อ Ubisoft เกมเมอร์หลายคนจะนึกถึง Assassin’s Creed ตระกูลเกมแอ็กชัน-ลอบเร้น (ภาคหลัง ๆ มีการใส่ระบบ RPG เข้าไปด้วย) ที่มีวิวัฒนาการจากเกม IP ใหม่ของปี 2007 กลายเป็นแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่ที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก
ตลอดเกือบ 15 ปี ไม่ว่าเกมเมอร์จะชื่นชอบแนวทางปัจจุบันของ Assassin’s Creed หรือไม่ ถึงอย่างนั้น ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าแฟรนไชส์เกมดังกล่าวยังมีฐานแฟนที่เหนียวแน่น แน่นอนว่าผู้เล่นบางคนที่เพิ่งเข้าถึงซีรีส์นี้ อาจจะยังไม่รู้ความจริง หรือเรื่องแปลก (แต่จริง) เกี่ยวกับ Assassin’s Creed ซึ่งบทความนี้จะเป็นเผย Fact ทั่วไปของเกมที่อาจไม่เคยรู้มาก่อน
เดิมที Assassin’s Creed คือเกม Prince of Persia ภาค Spin-Off
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางปี 2000 ตอนนั้น เกมตระกูล Prince of Persia ได้รับความนิยมจากผู้เล่นเป็นอย่างมาก ทาง Ubisoft จึงตัดสินใจสร้างเกมภาคใหม่โดยใช้ชื่อว่า Prince of Persia: Assassin
ในรายละเอียดเบื้องต้น Prince of Persia: Assassin จะเป็นเกมภาค Spin-Off ของ Prince of Persia: Sands of Time ที่ผู้เล่นรับบทเป็นนักฆ่าหญิงคนหนึ่ง ต้องช่วยเหลือ และปกป้องเจ้าชายน้อยจากภัยอันตรายต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม Ubisoft ได้ปฏิเสธไอเดียนี้ เพราะรู้สึกไม่สมเหตุสมผลที่ตัวละครเอกไม่ใช่เจ้าชายเหมือนกับชื่อไตเติล “Prince of Persia” หรือแปลเป็นไทยอย่างทางการว่า “เจ้าชายแห่งเปอร์เซีย”
ด้วยเหตุผลดังกล่าว Patrice Désilets ผู้กำกับครีเอทีฟของเกม Prince of Persia: Assassin จึงนำไอเดียเกมที่ถูกปฏิเสธโดย Ubisoft ไปพัฒนาต่อยอด สร้างเป็นเกม IP ใหม่ ส่งผลทำให้ถือกำเนิด Assassin’s Creed ในที่สุด
เนื้อเรื่อง Assassin’s Creed ได้แรงบันดาลใจจากนิยายสโลวีเนีย เรื่อง “Alamut”
Alamut เป็นนิยายแนวอิงประวัติศาสตร์ที่เขียนครั้งแรกในปี 1938 โดย Vladimir Bartol ซึ่งนิยายเรื่องนี้ได้เป็นแรงบันดาลให้กับการสร้างเนื้อเรื่องเกม Assassin’s Creed ภาคแรก ด้วยการนำองค์ประกอบ และ Reference จากหนังสือ มาดัดแปลงใหม่กลายเป็นเนื้อเรื่องต้นฉบับ
นอกจากนี้ Alamut เป็นแรงบันดาลใจให้เกม Assassin’s Creed ภาคแรกแล้ว นิยายเรื่องนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้บอร์ดเกม Vampire: The Masquerade ที่ได้รับการดัดแปลงเป็นวิดีโอเกมหลายภาคอีกด้วย
Assassin’s Creed มีนิยายถึง 12 เล่ม
เป็นเรื่องปกติที่แฟรนไชส์เกมยักษ์ใหญ่จะมีการดัดแปลงเป็นสื่อบันเทิงหลากประเภท เช่น ทีวีซีรีส์, เกมภาค Spin-Off หรือแม้กระทั่งภาพยนตร์คนแสดง แต่เกมเมอร์อาจจะไม่รู้มาก่อนว่า Assassin’s Creed ก็มีการนำเนื้อหาจากในเกม มาขยายดัดแปลงเป็นหนังสือนิยายให้อ่านถึง 12 เล่ม ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนเล่มที่เยอะมากสำหรับหนังสือนิยายที่ดัดแปลงจากเกม
Assasssin’s Creed Unity เคยมีอัปเดต Patch ขนาดใหญ่ถึง 40GB
หากพูดถึงเกม Assassin’s Creed ที่มีกระแสตอบรับน่าผิดหวังที่สุด ก็ไม่มีทางหนีพ้นภาค Unity ของปี 2014 ซึ่งเป็นเกม AC ที่มีความทะเยอทะยานสูงเกินความสามารถของทีมพัฒนา ส่งผลลัพธ์ทำให้เกมนี้ได้เกิดหายนะมากมายในช่วงวันวางจำหน่าย
หลังวันวางจำหน่าย เกม Assassin’s Creed Unity โดนวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่าตัวเกมขาดการขัดเกลาที่ดี มีบั๊กกับ Glitch เป็นจำนวนมาก โดยต่อมาทาง Ubisoft ได้มีการปล่อย Patch ใหม่เป็นการแก้ไขบั๊กกับปรับปรุงประสิทธิภาพของเกม แต่เกมเมอร์ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่า Patch ดังกล่าวต้องใช้เนื้อที่ดาวน์โหลดถึง 40 GB ซึ่งมันมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับเกมระดับ AAA ในยุคนั้น
ปัจจุบัน บั๊กส่วนใหญ่ของเกม Assassin’s Unity ได้รับการแก้ไขแล้ว และด้วยประสิทธิภาพของ PC ที่ทรงพลังมากขึ้น เกมเมอร์บางคนจึงเริ่มเปิดใจ กลับมาเล่นเกมภาคนี้อีกครั้ง
Assassin’s Creed กำลังพัฒนาเป็นทีวีซีรีส์โดย Netflix แต่ยังไร้วี่แวววันออกฉาย
ภาพ Assassin’s Creed เวอร์ชันภาพยนตร์คนแสดง
ถึงแม้ Assassin’s Creed เวอร์ชันภาพยนตร์คนแสดง มีกระแสตอบรับที่ไม่ดีทั้งจากผู้ชมกับแฟน ๆ แต่ Ubisoft ยังเดินหน้าขยายแฟรนไชส์ ด้วยการประกาศทำทีวีซีรีส์โดย Netflix ซึ่งประกาศเปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Netflix กับ Ubisoft ยังไม่มีการเผยโฉม Trailer เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับทีวีซีรีส์ Assassin’s Creed ถึงอย่างนั้น ล่าสุด Ubisoft เผยว่าทีวีซีรีส์เรื่องนี้จะมี “ความยิ่งใหญ่” และ “ผสมผสานหลายแนวเข้าด้วยกัน” (genre-bending) ซึ่งเป็นการบอกว่าทีวีซีรีส์ Assassin’s Creed ยังอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง
Assassin’s Creed Valhalla เป็นเกมภาคที่ขายดีที่สุดในตอนนี้
Assassin’s Creed เป็นแฟรนไชส์ขนาดยักษ์ที่ถูกนำมาพัฒนาเป็นเกมภาคหลัก และเกมภาค Spin-Off หลายภาค โดยตอนนี้ Assassin’s Creed มีจำนวนภาคให้เล่นทั้งหมดรวม 12 ภาคด้วยกัน
แล้วเกมภาคไหนที่ประสบความสำเร็จทางรายได้ที่สุด ? คำตอบก็คือ Assassin’s Creed Valhalla ซึ่งกวาดรายได้ไปกว่า 1 พันล้านเหรียญฯ จากการขายเกม โดย Yves Guillemot ผู้บริหารคนปัจจุบันของ Ubisoft ยืนยันว่า Assassin’s Creed Valhalla คือเกมภาคที่ประสบความสำเร็จทางรายได้มากที่สุดในตระกูล
ว่ายน้ำไม่ได้ เพราะทำให้โลก
ย้อนกลับไปช่วงต้นถึงกลางปี 2000 ตัวละครเอกจากเกมส่วนใหญ่จะไม่สามารถว่ายน้ำได้ โดยให้เหตุผลว่าเพราะมีข้อจำกัดในการสร้างเกม และการผจญภัยบนพื้นน้ำ ยังไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่สำหรับเกมแผนที่ Open-World ในตอนนั้น
ในเกมมีการอธิบายว่าสาเหตุที่ตัวละครเอกว่ายน้ำไม่ได้นั้น เพราะว่าหากว่ายน้ำแล้ว โลก Animus จะเกิดการแปรปรวน เกิด Glitch อย่างร้ายแรง จนทำให้ต้องถูก “Desynchronization” ในที่สุด ถึงอย่างนั้น เนื่องจาก Animus มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นตลอดทุกภาค ทำให้เกม Assassin’s Creed ในภาคก่อน Origins ตัวละครจึงสามารถว่ายน้ำในโลก Animus ได้แล้ว
Ezio ได้เป็นแขกรับเชิญในเกมต่อสู้ดัง Soulcalibur V
Soulcalibur เป็นเกม Fighting ของ Bandai Namco ที่นอกจากมีชื่อเสียงในด้านระบบการต่อสู้ที่สนุกสนาน และมีธีมเป็นนักรบต่อสู้ท้าดวล 1vs1 ซึ่งเป็นเอกลักษณ์แล้ว เกมดังกล่าวก็มีชื่อเสียงเกี่ยวกับนักสู้รับเชิญที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ผู้เล่นทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการนำ Kratos จาก God of War, Link จาก The Legend of Zelda, Yoda จากแฟรนไชส์ Star Wars และตัวละครอื่น ๆ อีกมากมาย
Ezio Auditore da Firenze ตัวละครเอกจากไตรภาค Assassin’s Creed ก็ได้เป็นนักต่อสู้แขกรับเชิญของเกม Soulcalibur เช่นกัน โดยเขาปรากฏตัวในเกมภาค V พร้อมมีท่าต่อสู้ Moveset ที่ไม่เคยเจอในเกมต้นฉบับมาก่อน
Assassin’s Creed คือตระกูลเกม Ubisoft ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้ Ubisoft ประกาศออกมาว่าเกม Assassin’s Creed รวมทุกภาค ทำยอดขายได้ทั้งหมด 200 ล้านชุด (ยอดขายมาจากทั้งแผ่นเกม กับดิจิทัลดาวน์โหลด) พร้อมยืนยันว่า Assassin’s Creed เป็นเกมที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรม ฉะนั้นทีมงานจะยังมุ่งมั่นพัฒนา Assassin’s Creed กับขยายแฟรนไชส์ให้กว้างขึ้นต่อไป
ด้วยตัวเลขยอดขายดังกล่าว ทำให้ Assassin’s Creed ยังคงรักษาตำแหน่งเป็นเกม Ubisoft ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ฉะนั้นแฟน ๆ ขอให้หายห่วงได้เลยว่า Ubisoft จะไม่มีทิ้งเกมตระกูล Assassin’s Creed ในตอนนี้อย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง: ScreenRant, GameSpot, ListAmaze
