เชื่อว่าสิ่งที่ผู้เล่นเกมต่อสู้หรือมือใหม่หลายคนอยากรู้ก็คือตัวเองเป็นผู้เล่นแบบไหนกันแน่ ซึ่งบางทีสำหรับมือใหม่ก็อาจจะสังเกตตัวเองได้ยากเสียหน่อย ซึ่งเราไม่ได้วัดจากตัวละครที่เล่นหรือเกมที่จับแต่อย่างใด โดยในวันนี้ผู้เขียนจะขอแบ่งประเภทของผู้เล่นเกมต่อสู้ว่ามีรูปแบบไหนกันบ้างเพื่อให้สามารถแยกประเภทได้โดยง่ายครับ
อนึ่ง บทความนี้อ้างอิงมาจากคลิปของ Channel Core-A Gaming และประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนเองประกอบด้วย ซึ่งเป็นข้อมูลจากอดีตโปรเกม Street Fighter ชาวเกาหลีใต้ Laugh ที่แยกประเภทของผู้เล่นเอาไว้ดังต่อไปนี้
ใช้หัว(Brain)
ใครว่าเกมต่อสู้เป็นเกมที่เน้นแค่การต่อยตีกันอย่างเดียว การใช้สมองก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกันโดยเฉพาะผู้เล่นเก่า ๆ ที่อาจจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ช้าลงกว่าสมัยเด็ก ผู้เล่นเหล่านี้คือสายข้อมูลอย่างแท้จริง เรียนรู้ว่าท่าไหนของตัวอะไรมี Hitbox หรือค่าเฟรมอยู่ที่เท่าไหร่ ผู้เล่นเหล่านี้จะเป็นกลุ่มที่เล่นเสี่ยงน้อยมาก ๆ ศึกษาตัวละครแม้กระทั่งตัวคู่ต่อสู้เอง พวกเขาจะค้นหารูปแบบการเล่นที่ได้ผลดีมากที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงลง ถ้าเป็นเกมในยุคที่แล้วอย่าง Street Fighter IV พวกเขาก็จะหา Option Select ที่เอาไว้รับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งผู้เล่นเหล่านี้แม้จะมีข้อมูลที่แน่นปึ้ก แต่ถ้าหากเจอกับสถานการณืที่ไม่เคยเจอมาก่อนก็อาจจะรับมือไม่ทัน โดนเล่นงานจนงอมพระรามได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
ใช้ใจ(Heart)
อีกหนึ่งศาสตร์ของเกมต่อสู้ที่สำคัญไม่แพ้ข้อมูลก็คือการเดาใจ การกระทำต่าง ๆ ในเกมต่อสู้ล้วนมีผลตามมาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเดาถูกหรือผิดก็ตาม ผู้เล่นสไตล์นี้จะเน้นไปที่การอ่านใจและเดาใจคู่ต่อสู้หรือที่ผู้เล่นญี่ปุ่นเรียกกันว่า Yomi หรือการอ่านใจ ซึ่งวิธีการเล่นของผู้เล่นประเภทนี้จะบีบให้คู่ต่อสู้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย หรือต้องเดาใจตลอดเวลา จะบุกเข้ามาด้วยท่าโจมตีบนหรือกวาดล่าง สร้างความลำบากใตให้กับคนที่เคยชินกับการเล่นรูปแบบหนึ่งมาก ๆ ผู้เล่นสไตล์นี้จัดเป็นยาขมของผู้เล่นใหม่ที่เคยชินกับการอัดกับ AI ของเกมที่มีรูปแบบซ้ำ ๆ เพราะจะโดนดักเดาบนเดาล่างแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งก็ต้องอาศัยการรับมือหรือใช้สติที่ตั้งมั่นและการตอบสนองที่ไวพอในการรับมือผู้เล่นเหล่านี้ หรือใช้เทคนิคที่ผลนอกเกมอย่างการใช้ท่า Taunt ยั่วยุหรือการ Tea Bag เพื่อให้คู่ต่อสู้เกิดอาการหลุดนอกเกมร่วมด้วยก็มีให้เห็นกันอยู่
ใช้ร่างกาย(Body)
ผู้เล่นกลุ่มนี้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองและความแม่นยำในการกดท่าคอมโบต่าง ๆ สูงมาก ออกท่าอะไรมาก็สามารถตั้งรับหรือออกท่าสวนได้แบบทันทีทันใด มี Muscle Memory ที่แม่นยำ กดคอมโบชุดยาว ๆ ยาก ๆ ได้ไม่หลุด ซึ่งในสถานการณ์ที่ต้องเดาใจ พวกเขาจะสามารถโต้ตอบได้อย่างทันทีทันใด แต่ผู้เล่นกลุ่มนี้มักจะถูกผู้เล่นที่เน้นเอาชัวร์ในสไตล์ใช้สมองแก้ทางได้ค่อนข้างง่าย เพราะอาจจะเน้นไปที่การเล่นหน้าเกมมากกว่าการวางแผนแก้ทางรับมือ ทำให้กว่าจะแก้ทางได้ก็อาจจะตกรอบไปก่อนแล้วก็ได้
จะเห็นได้ว่าผู้เล่นทั้งสามสไตล์นี้มีจุดดีจุดเด่นกันไปคนละแบบ ผู้เล่นทุกคนจะมีส่วนประกอบนี้ติดอยู่กับตัวอยู่แล้ว แต่อาจจะมีมากน้อยตามแต่สัดส่วนความถนัดของแต่ละคน แต่อาจจะมีสัดส่วนบางอย่างมากกว่าลดหลั่นกันไป แต่สไตล์หลัก ๆ จะอยู่ในสามรูปแบบนี้ แต่ก็สามารถแปรเปลี่ยนรูปแบบได้ตลอดเวลาตามแต่เกมที่เกิดขึ้นตรงหน้า ผู้เล่นบางคนอาจจะมีการ Coaching ให้คำแนะนำระหว่างเล่นเพื่อหาทางแก้ไขรับมือ(Brain) หรือผู้เล่นบางคนอาจจะเปลี่ยนสไตล์การเล่นและมีสติอยู่กับการบุกหรือตั้งรับ และใช้จิตวิทยาในการเล่นมากขึ้น(Heart) หรือให้ความสำคัญกับท่าคอมโบและการตอบสนองมากขึ้น(Body) ซึ่งก็คือเสน่ห์ของเกมต่อสู้ที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา การหาทางแก้ไขและก้าวข้ามสิ่งที่ขวางทางเราอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ผู้เขียนและผู้เล่นอีกหลายคนชื่นชอบ และยังคงเล่นเกมต่อสู้มาจนทุกวันนี้ครับ