สูตรเกม คือระบบเกมเพลย์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้การเล่นเกมมีความง่ายดายมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนก็อยากนำสูตรเกมไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะการใช้ชีวิตบนโลกจริงนั้นมันไม่ง่ายและไม่สนุกสนานเหมือนวิดีโอเกม และผู้เขียนเชื่อว่าใคร ๆ ก็ต้องการความช่วยเหลือกันทั้งนั้น
แต่หากสมมุติว่า โลกความจริงมีสูตรเกมให้กดมันจะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนว่าเกมเมอร์หลายคนคงนอนจมกับกองเงินกองทอง, กินดีอยู่ดีมีรถ Lamborghini ให้ขับ และผู้เขียนอาจไม่ได้นั่งเขียน GamingDose มาแล้ว ณ ตอนนี้
ทว่าหลังจากการวิเคราะห์แบบอ้างอิงตามหลักความเป็นจริงแล้ว จะพบว่าหากโลกความจริงมีสูตรเกมให้กด มันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่สำหรับมวลมนุษยชาติในอนาคต และจะเหตุการณ์อะไรบ้าง ทางเราได้คาดเดาไว้ดังนี้ครับ
สิ่งของทุกอย่างไร้ค่า
ผู้เขียนเชื่อว่าสูตรเกมที่ผู้เล่นเกมทุกคนต้องลองกดใช้งานครั้งแรก คือ “สูตรเรียกเงิน” เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครในที่นี้ไม่รักเงิน ซึ่งสามารถซื้อแลกเปลี่ยนและกวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้ามาเป็นของตัวเอง
และที่สำคัญ คุณไม่จำเป็นต้องมานั่งทำงานวันจันทร์ถึงศุกร์ หรือทำ O.T. ให้เหนื่อยเปล่า ๆ รวมถึงสามารถด่าคนที่คิดค้นวลีเด็ดว่า “ทำงานหนักไม่เคยฆ่าใคร” และชี้นิ้วซื้อบริษัท Black Company (บริษัทที่มีวัฒนธรรมการทำงานดั่งกับทาส และมีการใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงพนักงาน) แล้วสั่งให้ทำลายตัวเองทิ้งเสีย ซึ่งเปรียบเทียบได้เลยว่าผู้เล่นมีอำนาจพอ ๆ กับพระเจ้าเลยทีเดียว
แต่เนื่องจากโลกของเราขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจที่หมุนเวียนด้วยเงินตรา ฉะนั้นหากทุกคนมีเงินเป็นล้านล้านบาท เงินจะกลายเป็นสิ่งของไร้ค่าแล้วไอเท็มทุกสิ่งอย่างกลายเป็นเพียงขยะชิ้นหนึ่งในอนาคตข้างหน้า ซึ่งอาจจะเกิดเหตุการณ์เงินเฟ้ออย่างรุนแรงทั่วโลกคล้ายกับประเทศเวเนซุเอลาในตอนนี้ก็เป็นได้
โลกอาจไม่สงบสุขอีกต่อไป
แม้ว่าสูตรเรียกเงินจะสามารถลดอัตราการก่ออาชญากรรมและผู้ไร้ที่อยู่อาศัยได้อย่างเห็นชัดในช่วงแรก แต่ก็คาดว่าไม่ได้ทำระเบียบสังคมเพิ่มขึ้นหรือกิเลสของมนุษย์ลดลง และอาจทำให้พบเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงบ่อยยิ่งขึ้นรวมเปิดเผยสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ซะด้วยซ้ำ
หากสมมุติว่าบนโลกใบนี้มีสูตรเกมที่ทำให้ตำรวจเพิกเฉยต่อคนทั้งโลก อัตราการก่ออาชญากรรมจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 100%, 200% หรือถึง 1,000% เพราะกฎหมายไม่สามารถทำอะไรพวกเหล่าอาชญากรได้ จนในที่สุดก็กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ทุกคนต้องอยู่อย่างระมัดระวังและไม่ต่างอะไรจากนรกบนดิน
โลกเข้าสู่ทางตันไร้วิวัฒนาการ
ต่อเนื่องจากหัวข้อด้านบน เนื่องจากการใช้สูตรเกมเปรียบเสมือนเป็นการเติมเต็มความสะดวกสบายที่หลายคนโหยหามาโดยตลอด
ทำให้โลกของเราอาจมาถึงจุดทางตันที่ไร้วิวัฒนาการโดยสิ้นเชิง ไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่, ไม่มีเครื่องบิน, ไม่มีเทคโนโลยี, การศึกษาหรือการแพทย์นิ่งอยู่กับที่, ไม่มีโทรศัพท์, สิ่งที่ทำนายจากภาพยนตร์เรื่อง Back to the Future กลายเป็นเรื่องเพ้อฝันที่ไม่เป็นจริง เพราะมนุษย์ไม่ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมอีกแล้ว
“ความต้องการ“ ถือเป็นแรงบันดาลใจอย่างหนึ่ง ที่มนุษย์เลือกกล้าที่จะทำและกล้าลอง จนบ่อเกิดเป็นพลังแห่งนวัตกรรมจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งหากปราศจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว เหล่าพวกอัจฉริยะ ก็ไม่มีเหตุผลจะต้องพัฒนาหรือมีเป้าหมายให้โลกของเราพัฒนาไปไกลยิ่งขึ้นอีกต่อไป
มนุษย์ล้นโลก
สิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวมากที่สุด “ความตาย” ซึ่งแม้ว่าความตายจะเป็นวงจรสุดท้ายที่ประชากรทุกคนต้องเผชิญหน้า แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเตรียมพร้อมหรือทำใจยอมรับกับมัน เพราะในบางครั้ง ความตายอาจจะเยือนมาหาผู้เล่นได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ทันตั้งตัว
ฉะนั้นกดสูตร God Mode เพื่อโกงความตาย ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่เกมเมอร์หรือคนทั่วไป เลือกใช้กันอย่างมหาศาล เพราะว่าทุกคนล้วนรักชีวิตของตัวเองกันทั้งสิ้น และสามารถใช้ชีวิตได้สงบสุขปราศจากความกลัวและภัยต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิด
แต่ทว่าในอนาคตอีก 100 ปี หรือเร็วกว่านี้ ประชากรมนุษย์อาจล้นโลกจนทรัพยากรธรรมชาติไม่เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ทั้งหมด เพราะด้วยจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นทุกวัน และอัตราการตายลดลงเหลือ 0.01% จนถึง 1 % เท่านั้น ทำให้การคัดสรรโดยธรรมชาติ (Natural Selection) จะไม่มีอีกต่อไป
หลังจากปรากฏการณ์ประชากรล้นโลก ทำให้สภาพความเป็นอยู่ไม่น่าดำรงชีวิตอีกต่อไป เกมเมอร์อาจจะต้องทนอยู่กับชุมชนที่แออัดเสียงดังตลอด 24 ชั่วโมง, ต้นไม้กับสัตว์เลี้ยงอาจสูญพันธุ์ทุกชนิด, เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ไม่รู้จบ และอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่สามารถคาดเดาได้
สุดท้ายแล้ว โลกก็ล่มสลาย
บทสรุปสุดท้าย ถ้าหากหัวข้อทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริง และโลกความจริงมีสูตรเกมให้กด โลกของเราอาจจะล่มสลายเพียงไม่กี่วัน เนื่องจากความกิเลสของมนุษย์, ไม่มีการเจ็บการตาย, ใช้ทรัพยากรธรรมชาติจนหมดแผ่นดินจนเกิดสงครามโลกครั้งที่สามโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแย่งชิงพื้นที่มาเป็นของตัวเอง แล้วเหตุการณ์ก็ยกระดับกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ที่กวาดชำระล้างโลกในพริบตา
สุดท้าย โลกเราก็มาถึงจุดจบ ที่แม้ว่าวิธีการดำเนินชีวิตของมนุษย์จะยังคงดำเนินต่อไป แต่อารยธรรม, สิ่งก่อสร้าง, ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้นมาถูกลบทิ้งด้วยสงคราม ซึ่งก็เปรียบเสมือนว่าโลกทั้งมวลได้ตายทั้งเป็นแล้ว