BY KKMTC
9 Oct 18 6:31 pm

ทำความรู้จักกับ Call of Duty: Black Ops ซีรี่ส์เกม FPS ที่ไม่นิ่งอยู่กับที่

126 Views

ถ้าหากพูดถึงกระแสการเปิดตัวเกมที่กำลังพูดถึงอย่างร้อนแรง ณ ตอนนี้ ก็คงไม่มีทางหนีพ้น Call of Duty: Black Ops Cold War เกมตระกูล Black Ops ที่กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับโหมดเนื้อเรื่องสงครามเย็นที่เคยขาดหายไปใน Black Ops IIII ซึ่งทำให้แฟนเกม CoD หลายคนต่างกลับมาไฮป์ต่อเกมนี้

แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ติดตามเกมตระกูล Black Ops มานานแสนนาน คุณจะสังเกตพบว่า Black Ops ในแต่ละภาคนั้น มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการเล่าเรื่อง หรือนำเสนอลูกเล่นใหม่ตลอดเวลา โดยบทความนี้จะให้คุณเข้าใจ Call of Duty: Black Ops ซีรีส์เกม FPS ที่ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่มากยิ่งขึ้น

*บทความนี้กล่าวถึงเพียงเนื้อเรื่องหลักของ Call of Duty: Black Ops เท่านั้น

Call of Duty: Black Ops

Call of Duty: Black Ops

ต้นกำเนิดของซีรีส์ Black Ops ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2010 หลังจากภาค Modern Warfare 2 ได้ออกวางจำหน่ายผ่านไปหนึ่งปี โดยซีรีส์ Black Ops ได้ใช้ไทม์ไลน์ในยุคสงครามเย็น (Cold War) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพโซเวียตที่เคยขึ้นบนโลกจริง โดยทั้งสองประเทศต่างแสดงแสนยานุภาพทางการทหาร มีการแข่งขันทางอากาศ มีการส่งสปายเพื่อจารกรรมข้อมูล โปรยโฆษณาชวนเชื่อ และเกิดสงครามตัวแทนหลายแห่ง เช่น สงครามเวียดนาม สงครามเกาหลี ซึ่งส่งผลทำให้ทั่วโลกเกิดความหวาดระแวง และเกรงกลัวการบุกรุกของคอมมิวนิสต์

เนื้อเรื่องใน Black Ops คุณจะได้รับบทเป็น Alex Mason เจ้าหน้าที่ทหารในสังกัดหน่วย USMC, OP40, CIA และ SOG ที่กำลังถูกเค้นความลับโดยเจ้าหน้าที่ CIA เพราะเขาคือคนเดียวที่รู้ตำแหน่งของ Nova 6 อาวุธเคมีร้ายแรงที่ Nikita Dragovich ขโมยมาจากกองทัพนาซี เพื่อใช้ทำลายประเทศสหรัฐฯ ซึ่ง Mason จะต้องนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เพื่อค้นหา ‘รหัสลับ’ ที่ถูกฝังในสมองเป็นตัวเลขระบุตำแหน่งของอาวุธดังกล่าว ก่อนที่จะสายเกินไป

Call of Duty: Black Ops

โดยตลอดทั้งการเล่นเกม ผู้เล่นจะได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ความขัดแย้งของยุคสงครามเย็นจากทั่วมุมโลก อย่างเช่น การปฏิวัติคิวบา, สงครามเวียดนาม และสงครามลับในประเทศลาว แต่สิ่งเปลี่ยนแปลงมากที่สุดของเกมนี้ก็คือ การนำเสนอเนื้อเรื่องที่ฉีกความเป็น Call of Duty ดั้งเดิมทิ้งออก กลายเป็นการนำเสนอเนื้อหาแบบใหม่

การเล่าเรื่องของ Black Ops จะแตกต่างจากเกม Call of Duty ภาคอื่น คือการเรียงลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ของเกมนี้จะไม่เป็นเส้นตรง (Non-Linear) โดยตัวเกมจะมีเล่าสลับเหตุการณ์ทั้งในอดีตและปัจจุบันตลอดเวลา

นอกจากนี้ เนื้อเรื่อง Black Ops จะมีความดิบเถื่อนรุนแรง ใส่ลูกเล่นจิตวิทยา มีความซับซ้อน และเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอที่มอบประสบการณ์การเล่าเนื้อเรื่องแบบใหม่ที่ Call of Duty ภาคเก่าไม่เคยทำมาก่อน เช่น ตัวละครเอกจะสามารถพูดได้แล้ว, การเล่าเนื้อเรื่องจะเป็นการย้อนอดีต โดยปมปริศนาต่าง ๆ จะเริ่มเฉลยออกมาทีละนิด รวมถึงรูปแบบของภารกิจหลากหลายกว่าเดิม

Call of Duty: Black Ops

และจุดนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ Call of Duty: Black Ops ได้เปล่งประกายขึ้นมา เพราะเป็นเกมแรกของ COD ที่เนื้อเรื่องไม่ได้ดำเนินเป็นแบบเส้นตรง พร้อมกลับนำเสนอเนื้อหาสงครามเย็นได้ครอบคลุมสุด ๆ จึงทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินกับเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก และมีฉากคัตซีนที่น่าจดจำ

Call of Duty: Black Ops II

Call of Duty: Black Ops II

หลังจาก Black Ops ภาคแรกได้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ทางทีมงานจึงไม่รอช้าที่จะพัฒนาเกมซีรีส์ Black Ops ภาคต่อไป แม้การเล่าเรื่องไม่เป็นเส้นตรงจะยังคงมีอยู่ในภาคนี้ แต่ทีมงานได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่มีใน COD ภาคก่อน คือฉากจบหลายแบบ

เนื้อเรื่องของ Call of Duty: Black Ops II จะเป็นการเล่าสลับเหตุการณ์ระหว่างสงครามเย็นครั้งที่สอง (ไทม์ไลน์อนาคต) กับช่วงอดีตปลายสงครามเย็นครั้งที่หนึ่ง (ไทม์ไลน์ในอดีต) ซึ่งคุณจะรับบทเป็นลูกชาย Alex Mason นามว่า David Mason (ใช้โคดเนมว่า Sector) เพื่อจับกุม Raul Menendez เจ้าพ่อนักค้าเสพติดรายใหญ่ ที่กลายเป็นผู้นำกลุ่มก่อการร้าย Cordis Die และเขาเป็นคนสังหารพ่อของเขา Alex Mason

CoD Black Ops 2

แม้เหตุการณ์สงครามเย็นครั้งที่สอง เป็นเพียงเรื่องราวที่สมมุติขึ้นในช่วงปี 2025 แต่ตัวเกมยังคงมีการอ้างอิงประวัติศาสตร์สงครามเย็น (สงครามกลางเมืองแองโกลา, สงครามระหว่างอัฟกานิสถาน-โซเวียต และเหตุการณ์สหรัฐฯ บุกปานามา) รวมถึงมีการอ้างอิงจากบุคคลในชีวิตจริงในประวัติศาสตร์ ทำให้เนื้อเรื่องดูมีความสมจริงอย่างน่าประหลาด

แต่สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุด ในบางภารกิจอาจจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องหลักในภายหลัง เช่นบาง Objective ถ้าหากทำพลาดอย่างการปล่อยเป้าหมายหนีรอดไปได้ ก็อาจทำให้เนื้อเรื่องมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเกือบตอนจบ นอกจากนี้ บางฉากจะมีตัวเลือกให้ตัดสินใจที่ยากลำบาก ซึ่งแน่นอนว่าเกือบทุกการตัดสินใจจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องอีกเช่นเดียวกัน

Call of Duty: Black Ops II

แม้ว่าคุณภาพเนื้อเรื่องของ Black Ops II จะไม่แข็งแรงเท่าเกมภาคแรก แต่เนื่องจากตัวเกมมีการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่เหมือนกับที่เคยทำในเกมภาคก่อน มีฉากจบหลายแบบ และมีตัวร้ายที่น่าจดจำ ทำให้โหมดแคมเปญของ Black Ops II มี Replay Value ที่สูงมาก

Call of Duty: Black Ops III

Call of Duty: Black Ops III

เนื้อเรื่องของ Call of Duty: Black Ops III แม้จะเชื่อมต่อจากเกมภาคสอง แต่ระหว่างการดำเนินเนื้อหาแทบไม่ค่อยมีการกล่าวถึง Reference เนื้อหา Lore ภาคก่อนมากนัก รวมถึงเกมนี้ได้เปลี่ยนไปใช้ธีมโลกในยุคดิสโทเปียในยุคอนาคต ที่ทหารเกือบทุกคนสวมชุด Exoskeleton มาจากภาค Advanced Warfare รวมถึงเป็นเกมภาคแรกที่ได้นำเสนอฟีเจอร์หุ่นยนต์สงครามอีกด้วย ซึ่งมันก็แจ๋วไปอีกแบบหนึ่ง

แต่ทว่าการนำเสนอสิ่งใหม่ของภาคนี้ดูไม่ค่อยเหมาะกับซีรีส์ Black Ops เท่าไหร่ เพราะเนื้อเรื่อง Black Ops III ยืนยันว่า ‘ออกทะเล’ ไปไกลมาก ฉากคัตซีนหลายดูมีความแฟนตาซี รวมถึงไม่มีการอ้างอิงประวัติศาสตร์จริงเหมือนเกมภาคก่อน ทำให้หลายคนไม่ค่อยรู้สึกอินกับเนื้อเรื่องภาคนี้สักเท่าไหร่นัก รวมถึงในปี 2015 เกมเมอร์หลายคนเริ่มรู้สึกเบื่อเกม FPS ธีมอนาคตที่กำลังล้นตลาดพอดี ทำ Black Ops III มีกระแสตอบรับที่เงียบเหงากว่าเกมภาคอื่น

Call of Duty: Black Ops III

นอกจากนี้ ทำให้เกม Black Ops III มีกระแสตอบรับจากแฟนเกมที่ค่อนข้าง ‘เฟล‘ ไปตามระเบียบ เพราะคุณภาพเนื้อเรื่องซึ่เป็นจุดขายของเกม Call of Duty มานาน ได้ดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เกมนี้เป็นหนึ่งในภาคตราบาปควบคู่กับภาค Ghosts ที่มีกระแสรีวิวน่าผิดหวังจากสื่อเกมหลายแห่ง

Call of Duty: Black Ops IIII

เปิดตัวครั้งแรกก็มีกระแสไม่สู้ดีทันทีสำหรับ Call of Duty: Black Ops IIII หลังจากทีมงานยืนยันว่า เกมภาคดังกล่าวจะไม่มีโหมดเนื้อเรื่องเหมือนทุกภาคที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกมเมอร์หลายคนต่างแสดงความผิดหวัง และหมดความสนใจในเกมดังกล่าวทันที

ถึงแม้ Call of Duty: Black Ops IIII จะได้รับคะแนนรีวิวดีเยี่ยมจากสื่อเกมหลายแห่ง เนื่องจากมีการปรับบาลานซ์โหมด Multiplayer ใหม่, ฉีกระบบเกมเพลย์จากของเดิมที่เป็นเกม ‘ยิงไวตายไว’ กลายเป็นเกม Competitive ลุ้นระทึก รวมถึงโหมด Blackout หรือ Battle Royale ของ BO4 ก็มีกระแสตอบรับดีมาก แต่แฟนเกม COD หลายคนยังคงไม่พึงพอใจกับแนวทางใหม่ของเกมดังกล่าว เนื่องจากมีการตัดโหมดเนื้อเรื่องทิ้งออกไป, ไม่เห็นด้วยที่เกม Multiplayer เต็มรูปแบบจะวางจำหน่ายในราคาราว 2,000 บาท รวมถึงเคยถูกต่อต้านเนื่องจากขายระบบ Microtransactions ที่ไม่แฟร์ต่อผู้บริโภค

แม้กระแสต่อต้านจะเยอะ แต่ Black Ops IIII ก็ถือว่าเป็นเกมที่ Treyarch กล้าเสี่ยงกล้าทำที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเราค่อนข้างมั่นใจว่าทีมพัฒนาเกมจะต้องโดนรุมสับเละจากเหล่าเกมเมอร์ ถ้าไม่ใส่โหมดแคมเปญเข้าไป แต่ทีมงานเลือกที่จะทำแบบนั้นต่อไป เนื่องจากเชื่อในแนวทางว่า BO4 จะสามารถมอบประสบการณ์การเล่นเกม Multiplayer ที่ไม่เหมือน COD ภาคอื่น

ส่วน Call of Duty: Black Ops Cold War ซึ่งเป็นเกมภาคใหม่ล่าสุด นอกจากจะเปลี่ยนไปใช้เอนจินเกมใหม่ และมีฉากจบหลายแบบแล้วจะมีลูกเล่นอะไรใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มเติมนั้น ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top