ทำไมเวลากลางคืนบางเกม จึงสว่างกว่าในโลกความเป็นจริง

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเกมหลายเกมที่ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้พวกเราได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน และแน่นอน หลายคนจะสังเกตได้ว่าทุกเกมล้วนมีระดับแสงสว่างในช่วงเวลากลางคืนที่แตกต่างกัน บางเกมก็สว่างไสวเกินความสมจริง บางเกมก็มืดตึดตื๋อจนไม่สามารถเล่นได้ด้วยตาเปล่า ต้องเพิ่งอุปกรณ์ในเกม เพื่อปรับปรุงทัศนวิสัยให้ดีขึ้น

แล้วทำไมทุกเกมจึงมีระดับแสงสว่างในช่วงเวลากลางคืนที่แตกต่างกัน บทความนี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้น

กลางคืนแบบสมจริง อาจไม่ถูกใจสำหรับเกมเมอร์บางคน

ก็จริงที่ว่าเวลากลางคืนในเกม ที่มาพร้อมกับหน้าจอมืดสนิท จะช่วยมอบความ Immersive อินไปกับโลกของเกม หรือเพิ่มความสมจริงมากยิ่งขึ้น แต่ระบบดังกล่าวอาจจะไม่เวิร์คสำหรับบางคน

ยกตัวอย่างชัดเจนที่สุด คือ DayZ เกมแนวเอาตัวรอดจากซอมบี้ ซึ่งเดิมทีเป็นม็อดยอดนิยมสำหรับ Arma II แล้วพัฒนาต่อยอดกลายเป็นเกม Standalone อย่างเต็มรูปแบบ

อ้างอิงผู้ใช้ Reddit u/BillCosby3D ที่เคยเล่น DayZ สมัยยังเป็นม็อด เผยว่าเกมเมอร์ส่วนใหญ่ตัดสินใจออกจากเกม หลังจากในเกมเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืนนั้น ก็เพราะว่าสภาพแวดล้อมที่มืดสมจริงเกินไป จนผู้เล่นไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งทำให้เกมการเล่นไม่รู้สึกสนุกสนานเหมือนช่วงเวลากลางวัน

วิธีเดียวที่ผู้เล่นจะมองเห็นสภาพแวดล้อมในช่วงเวลากลางคืนได้ คือต้องสวมแว่นตา Night Vision Goggle หรือมีไฟฉาย ซึ่งแน่นอน หากมีอุปกรณ์ดังกล่าวจะทำให้ผู้เล่นได้เปรียบในช่วงเวลากลางคืนทันที และมันไม่ใช่ไอเทมที่หาได้ง่าย ๆ เช่นกัน

ด้วยเหตุผลดังกล่าว เขาจึงไม่เแปลกใจเลยว่าทำให้ห้องเซิร์ฟเวอร์ DayZ ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลากลางวัน จึงได้รับความนิยมมากกว่าช่วงเวลากลางคืน เพราะสภาพแวดล้อมที่สมจริงเกินไป อาจมีการฉุดรั้งความสนุกสนาน และทำให้เกม “Unplayable” ในมุมมองสำหรับผู้เล่นบางคน

Motion Sickness โรคยอดนิยมของเหล่าเกมเมอร์

นอกจากนี้ การออกแบบเกมให้เวลากลางคืนมีสภาพแวดล้อมมืดสนิทนั้น ทำให้การมองเห็นมีข้อจำกัด และมีทัศนวิสัยที่แคบลง

การที่ผู้เล่นมีทัศนวิสัยแคบลง ก็ส่งผลทำให้เราต้องจ้องหน้าจอมอนิเตอร์แบบเพ่งเล็งมากกว่าปกติ ก็ส่งผลลัพธ์ทำให้หากเล่นเกมเป็นเวลานาน พร้อมกับเพ่งเล็งหน้าจอมากเกินไป เกมเมอร์บางคนอาจจะต้องเผชิญหน้ากับ Motion Sickness

Motion Sickness หรือภาวะป่วยจากการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นโรคยอดนิยมสำหรับคนเล่นเกมที่คุ้นเคยกับเกมแนว FPS หรือเกมที่ต้องอาศัยการสังเกต โดยหากเกิด Motion Sickness ผู้เล่นจะมีอาการมึนหัว ปวดตา คลื่นไส้ หรืออาการหนักสุด คือมีอาเจียนหลังเล่นเกมเสร็จสิ้น

วิธีบรรเทาโรคดังกล่าวสามารถทำได้จากการหยุดเล่นเกมเป็นเวลาชั่วคราว นอนพักผ่อนเวลา 10-30 นาที มองสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งหลังจากหายแล้ว ก็ให้ควรปรับ Brightness ในเกมให้มีแสงสว่างมากขึ้น รวมถึงปิด Motion Blur ที่ทำให้การหมุนมุมกล้องมีเอฟเฟกต์เบลอเหมือนในชีวิตจริง

มันทำให้เกมยากขึ้น (เกินความจำเป็น)

กรณีนี้สามารถพบเห็นได้บ่อย ตามเกมที่มีการสนับสนุนม็อด ที่ผู้เล่นอยากสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ออกมา กลับส่งผลทำให้เกมการเล่นสนุกสนานน้อยลง เพราะเกมยากขึ้นเกินความจำเป็น

อ้างอิงจากประสบการณ์ส่วนตัว เดิมที ผมเป็นคนชื่นชอบการเล่น The Elder Scrolls V: Skyrim และ Fallout: New Vegas รวมถึงภาค 4 พร้อมลง Install ม็อดเปลี่ยนสภาพอากาศ และเปลี่ยนกราฟิกโดยรวม เพื่อรับประสบการณ์การเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น กับมีความแตกต่างจากของเดิม

อย่างที่หลายคนทราบกันดี The Elder Scrolls และ Fallout เป็นตระกูลเกม RPG ของค่าย Bethesda ที่เข้าถึงได้ง่าย เกมเพลย์ไม่ซับซ้อน หากเทียบกับเกม RPG ฮาร์ดคอร์หลาย ๆ เกม แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยตัวเกมที่ง่ายเกินไป ก็ส่งผลทำให้การเล่นเกมในระยะยาว มีความรู้สึกจำเจ ซ้ำซาก และเบื่อหน่ายได้เช่นกัน

เพื่อเป็นการกำจัดปัญหาดังกล่าว ส่วนตัวจึงทำการลงม็อดระดับความยากแบบฮาร์ดคอร์ ที่ปรับเปลี่ยนบาลานซ์ใหม่ทั้งหมด และปรับสภาพแวดล้อมให้เลวร้ายกว่าเดิม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการปรับให้ช่วงเวลากลางคืน มีหน้าจอดำมืดสนิท จากเดิมที่เกมฉบับดั้งเดิม มีแสงสว่างมากเกินไปจนขาดความสมจริง

จากการเล่นเกมเป็นเวลา 2-4 ชั่วโมง ส่วนตัวมีความรู้สึกว่าการปรับแสงสว่างให้ช่วงเวลากลางคืน มีหน้าจอดำมืดสนิทนั้น มีทั้งส่วนที่ชื่นชอบและไม่ชอบพร้อมกัน ก็จริงอยู่ที่การปรับหน้าจอให้มืดลง ทำให้เราต้องคอยระมัดระวัง ต้องคอยสังเกตว่าข้างหน้าจะมีศัตรูมาบุกโจมตีเราอย่างเซอร์ไพรส์หรือไม่

แต่ทว่า Quality-of-Life ของเกมดังกล่าวกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้เรามองหาไอเทมที่ตกตามพื้นยากขึ้น มันทำให้มึนงงเดินหลงทางง่ายขึ้น และทำให้เรารู้สึกปวดตัวจากการเล่นเกม หรือหมายความว่าเป็นประสบการณ์การเล่นที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพตัวเองเท่าไหร่นัก แม้ทำให้เกมท้าทายมากขึ้นก็ตาม

ไม่ได้หมายความว่าเวลากลางคืนในโลกวิดีโอเกมที่สมจริง จะทำให้เกมการเล่นสนุกสนานลดลงเสมอไป แน่นอน การออกแบบเกมแบบนี้ มันเวิร์คสำหรับเกมประเภทสยองขวัญ ระทึกขวัญ และเน้นสมจริง ซึ่งเป็นการส่งเสริมบรรยากาศให้ผู้เล่นได้อินกับโลกของเกมมากขึ้น แต่สำหรับเกมแอ็กชัน หรือเกมแนวอื่น ๆ ที่เน้นชูโรงด้านเกมเพลย์ ความมัน กับการเข้าถึงได้ การปรับความสว่างในช่วงเวลากลางคืนไม่ให้สมจริงเกินไป หรือสว่างมากขึ้น ก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความจุกจิกของเกมไปได้ ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว