เนื่องจาก Devil May Cry 5 เริ่มใกล้ถึงวันวางจำหน่ายเข้ามาทุกที ทำให้เกมเมอร์หลายคนเริ่มรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับเกมซีรีส์ DMC ในอดีตทั้งหมด แต่สังเกตว่าจะมีผู้เล่นทุกคนต่างแซวว่าเกม Devil May Cry 2 เป็นหนึ่งในเกมภาคต่อที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และควรลบมันออกไปจากจักรวาล DMC ไปซะ ! อยู่เสมอ
สำหรับผู้เล่นที่ไม่เคยสัมผัสตัวเกมภาคเก่ามาก่อน ก็อาจสงสัยว่าเพราะอะไร ทำไมแฟน Devil May Cry ถึงส่ายหน้ากับภาคสอง และสาเหตุอะไร ทำไมเกมเมอร์กับทีมงาน Capcom อยากลบความทรงจำเกี่ยวกับเกมนี้ไปซะให้หมด บทความนี้มีคำตอบครับ
Dante น่าเบื่อ
ตัวละครเอก Dante ที่หลายคนรู้จักจะมีลักษณะนิสัยชอบพูดจาโอ้อวด, ชื่นชอบการต่อสู้, ล้อเลียนหยิ่งยโส และไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น และน่าจดจำมากที่สุดในฐานะนักล่าปีศาจผมขาวสุดเท่ ที่สามารถครองใจเกมเมอร์เพศชายและหญิงได้ไม่ยาก
แต่ Dante ในเกม Devil May Cry 2 มีการเปลี่ยนลักษณะนิสัยดั้งเดิมจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขากลายเป็นคนที่ซีเรียส ไม่ค่อยพูดจา ลีลาท่าทางสุดกวนโอ๊ยของ Dante แทบไม่หลงเหลือในเกมภาคดังกล่าว โดยไม่มีเหตุผล
ทำให้ตัวละคร Dante ภาคสอง ขาดสีสัน และไม่มีอะไรน่าจดจำ ทำให้เกมเมอร์ที่เคยสัมผัสเกม DMC ภาคแรก หรือภาคใหม่กว่า จะไม่ชื่นชอบตัวละคร Dante ของภาคสอง และเห็นพ้องตรงกันว่าตัวละคร “น่าเบื่อ”
ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดสำคัญที่แฟน ๆ เกมไม่อยากจดจำ Dante ฉบับ DMC 2 เพราะเขาไม่ใช่ Dante ที่เกมเมอร์รู้จัก
เกมเพลย์ช้าอืด ไม่สมดุล และง่ายเกินไป
ระบบเกมการเล่นของ DMC ทุกภาคขึ้นชื่อว่าเป็นเกม Hack and Slash ที่รวดเร็ว เร้าใจ มัน ลึก และมีความท้าทาย
แต่ไม่ใช่สำหรับ DMC ภาคสองที่หลังจากผู้เล่นได้ลองสัมผัส ทุกคนต่างต้องวาง Dualshock พร้อมกับส่ายหน้าหนีกันไปตาม ๆ กัน เพราะเกมเพลย์มัน “น่าเบื่อ” มาก และผู้เล่นจะคิดถึงเกมภาคแรกและภาคที่ใหม่เก่าโดยทันที
เนื่องจากตัวเกมมีการออกแบบที่เรียบง่ายจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นระบบคอมโบสุดเฉิ่ม (Don’t Worry), ระบบการต่อสู้ไม่ลึก, อาวุธไม่สมดุล และระบบ A.I. ของศัตรู ทั้งรูปแบบศัตรูทั่วไปกับบอสโง่เขลาเกินทน
ทำให้เกมเพลย์ของ DMC 2 ขาดความท้าทาย และสามารถเอาชนะบอสได้อย่างง่ายดายเพียงแค่การรัวปุ่มตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะปืน Ebony & Ivory สองกระบอกซึ่งมีคุณสมบัติ OP มากเกินไป ก็สามารถแทบปราบศัตรูได้ทั้งเกม จนผู้เล่นหลงลืมลีลาการฟาดฟันสุดเฟี้ยวของดาบ Rebellion (อาวุธดาบใหญ่ประจำตัวของ Dante) เลยทีเดียว
ทุกอย่างไม่มีความลงตัว !
Devil May Cry 2 ไม่มีแนวทางหรือคอนเซปต์ที่แน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างของเกมดูมั่วซั่วไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบด่านที่เดี๋ยวกว้างเกินไป หรือแคบเกินไป, การตัดฉาก Chapter ตัดห้วน, บอสไม่สร้างสรรค์เท่าภาคแรก (โดยเฉพาะบอส Infested Tank กับ Infested Helicopter ในตำนาน) ทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกอินกับตัวเกมเท่าที่ควร และรู้สึกขาดความสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก
และการเรียบเรียงกับคุณภาพเนื้อเรื่องจัดว่าอยู่ในเกณฑ์แย่เช่นกัน ซึ่งแม้ว่าเกมเมอร์หลายคน ไม่ได้คาดหวังกับคุณภาพเนื้อเรื่องในเกม DMC มากนัก แต่เนื้อเรื่องของ DMC ทุกภาคก็พอช่วยดึงดูดให้ผู้เล่นรู้สึกเอนเตอร์เทนได้อยู่บ้าง แต่ Devil May Cry 2 ล้มเหลวในส่วนนี้เต็ม ๆ
สรุปโดยรวม
Devil May Cry 2 อาจไม่ใช่เป็นเกมที่แย่ที่สุด เพราะมันเล่นได้ตามปกติเหมือนเกมทั่วไป แต่ถือว่าเป็นเกมที่อ่อนที่สุดในซีรีส์ Devil May Cry เช่นกัน
เพราะฟีเจอร์ทุกอย่างของเกมนี้ จืดชืดและเรียบง่ายเกิน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัยของตัวละครปรับเปลี่ยนโดยไม่มีเหตุผล, การออกแบบฉากไม่มีชีวิตชีวา, ระบบการต่อสู้แบนราบ, ทุกอย่างของเกมนี้ดูธรรมดาไปหมดจนน่าเบื่อ แต่ผู้เขียนกล้าที่จะบอกได้อย่างปลอดภัยเลยว่า DMC 2 เป็นภาคต่อที่น่าผิดหวังของ Devil May Cry ภาคแรก
แต่ DMC 2 ก็มีข้อดีอยู่บ้าง ในเรื่องของเพลงประกอบยังคงใช้เพลงประเภท Metal เร้าใจ, การออกแบบดีไซน์ Dante ของภาคนี้ ยอมรับว่ามีความเท่อีกแบบหนึ่ง และระบบ Devil Trigger กับ Amulet system จัดว่าใช้งานได้ดีเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม เกมนี้ยังคงมีข้อเสียมากกว่าข้อดีอยู่ดี ทำให้ DMC 2 กลายเป็นเกม Mediocre ซึ่งก็เหมาะสมกับตำแหน่งแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกับ Devil May Cry 2 ?
ที่นี่เกมเมอร์หลายคนอาจสงสัยว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกับ DMC 2?”
สาเหตุที่เกม Devil May Cry 2 ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะคุณ Hideaki Kamiya หรือผู้ให้กำเนิดเกม Devil May Cry ไม่ได้มีหน้าที่กำกับเกมในภาคสอง แต่เป็นทีมงานโนเนมเข้ามาสานต่อพัฒนาภาคต่อแทน
ถึงแม้ว่า Capcom ไม่ยอมเปิดเผยชื่อทีมผู้สร้างเกม DMC 2 ตัวเก่า แต่คุณโปรดิวเซอร์ Tsuyoshi Tanaka เปิดเผยว่าแนวทางของเกมภาคสอง คือจะมีแผนที่ใหญ่กว่าภาคแรก 9 เท่า, ลดเนื้อหา Puzzle, ปรับมุมกล้องให้เห็นฉากแอคชันที่ดีขึ้น, และทีมงานทุกคนสามารถแก้ไขเกมได้อิสระทุกส่วนที่คิดว่าไม่เหมาะสม
ผลลัพธ์ของเกม Devil May Cry 2 จึงดูมั่วซั่วกับไม่มีทิศทางเดียวกัน เพราะผู้กำกับให้ความอิสระกับลูกทีมจนมากเกินไป และขาดการควบคุมที่ดีพอ
ซึ่งแน่นอนว่า ทาง Capcom ไม่พอใจกับคุณภาพตัวเกมเป็นอย่างมาก จึงมีการเปลี่ยนผู้กำกับเกมกะทันหัน โดยโยนงานทั้งหมดให้กับคุณ Hideaki Itsuno เป็นผู้รับผิดชอบแทน โดยมีเวลาแก้ตัวเกม DMC 2 ทั้งหมด เพียงระยะ 4 เดือนด้วยตัวเพียงคนเดียว นอกจากนี้เขาเป็นคนเดียวที่ได้ขึ้นชื่อเครดิตท้ายเกมในหมวด Game Director
หลังจากเกมได้รับกระแสวิจารณ์ไม่ดีและด้านผสม เกมเมอร์หลายคนต่างยกความผิดให้กับคุณ Hideaki Itsuno เพราะเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในความอัปยศของเกม Devil May Cry 2 ที่มีคุณภาพเละซะไม่มี แต่ทาง Hideaki Kamiya ได้ออกมาปกป้องคุณ Itsuno ว่าไม่ใช่ความผิดของเขา และกล่าวแสดงความผิดหวังต่อ Capcom ที่ทำผลงานที่เขารักต้องแปดเปื้อน
แต่คุณ Hideaki Itsuno ก็สามารถกอบกู้ชื่อเกม Devil May Cry ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังจากทาง Capcom มอบหมายให้คุณ Itsuno กำกับเกม Devil May Cry 3 อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นจนจบ และผลลัพธ์ออกมากลายเป็นหนึ่งในเกม Hack and Slash ที่ดีที่สุดตลอดกาล
ปัจจุบัน คุณ Hideaki Itsuno รับหน้าที่พัฒนาเกม Devil May Cry ต่อไปจนถึงภาคสี่ และภาค 5 ซึ่งตัวเกมกำลังออกจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ วันที่ 8 มีนาคม 2019 บนแพลตฟอร์ม PC, PlayStation 4 และ Xbox One ครับ