แม้ว่า Fallout 4 จะเป็นเกมคุณภาพดีเยี่ยมสำหรับเกมเมอร์ทุกคน แต่สำหรับสายตาสาวกแฟน ๆ ของเกม Fallout ที่เติบโตกับเกมซีรี่ส์นี้มาตั้งแต่ภาคสามหรือ New Vegas จะไม่ค่อยปลื้มกับการเปลี่ยนแปลงของเกมการเล่นของภาคนี้เป็นอย่างมาก และได้เห็นตรงกันว่า “Fallout 4 เป็นเกมดี แต่ไม่ใช่เกม Fallout ที่ดี”
นี่คือบทความ “ไขข้อสงสัย Fallout 4 เป็นเกมที่ดีเยี่ยม แต่ทำไมไม่ถูกใจแฟนบอย ?” จะเป็นการอธิบายว่าทำไม Fallout 4 กลายเป็นภาคที่เหล่าสาวกเกมนี้มานานต่างไม่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้เขียนเองก็ได้ผ่านซีรี่ส์นี้มาเกือบทุกภาครู้สึกเห็นด้วยว่าภาคสี่เล่นไม่สนุกเท่ากับภาคก่อนอย่างภาค New Vegas ที่ผมยังคงยกย่องว่าเป็นภาคที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ตัดความเป็น RPG เพิ่มความแอ๊คชั่น
สิ่งไม่น่าให้อภัยมากที่สุดสำหรับ Fallout 4 ก็คือตัดระบบเนื้อหาเกม RPG อย่าง Skill Point ที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุดของค่าย Bethesda โดยให้อัปเกรตเฉพาะ Perks แล้วเน้นเกมการเล่นในการยิงแอ๊คชั่นมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าการยิงปืนของภาคนี้จะสนุกเร้าใจ แต่ผู้เล่นไม่ได้รู้สึกถึงพัฒนาการของตัวละครเหมือนกับเกม RPG อย่างที่เป็น
ถ้าคุณมีทักษะฝีมือ FPS พื้นฐาน ผู้เล่นสามารถยิงปืนเก่งตั้งแต่เริ่มเกมเลเวลหนึ่งทันทีเนื่องจากภาคนี้เล็งตามศูนย์ก็โดนตามเป้า ไม่เหมือนกับภาคเก่าที่แม้จะยิงแม่นแค่ไหนก็มีโอกาสพลาดเป้าได้ เพราะว่าผู้เล่นในเกมยังไม่มีสกิลการใช้ปืนมากพอที่จะใช้อาวุธได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งก็ต้องอาศัยการเล่นเก็บค่า EXP เพื่อใช้อัพสกิลต่าง ๆ ตามที่ผู้เล่นต้องการ
พอ Fallout 4 ไม่มีระบบ Skill Point และเน้นการยิงแอ๊คชั่น ทำให้เกมแทบจะไม่หลงเหลือความเป็นเกม RPG สไตล์ Bethesda ดั้งเดิม ในส่วนนี้ทำให้สาวกไม่ชื่นชอบเป็นอย่างมากจนถึงขั้นต้องให้ชาวม็อดสร้างระบบขึ้นมาเองด้วยมือตัวเอง
ปริมาณบทพูดไม่หลากหลาย
บทพูดของ Fallout 4 ยังห่างชั้นจากภาค New Vegas อย่างมากทั้งในเรื่องของปริมาณและคุณภาพ ในภาคเก่าก่อนภาคสี่จะมีทางเลือกมากมายให้เลือกตอบ และนำเสนอแบบประโยคเต็มที่อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที ต่างจากภาคสี่ที่มีทางเลือกสูงสุดมีเพียง 4 ตัวเลือก บทพูดก็สั้นแต่ไม่ได้ใจความ เช่น Yes, No, Sarcastic และอื่น ๆ
นอกจากจะดูมักง่ายแล้ว ก็ส่งผลในเรื่องการอ่านไม่เคลียร์และกำกวม เพราะการนำเสนอเป็นเพียงแค่ประโยคสั้นจู๋ ทำให้ผู้เล่นต้องมานั่งคิดลังเลว่าตอบแล้วจะตรงกับตามที่เราตีความหมายไว้หรือเปล่า นอกจากนี้ก็ทำให้เควสหลายอย่างไม่มีอรรถรสอย่างที่เป็น เพราะปริมาณที่ลดลงก็ส่งผลต่อเควสโดนจำกัดความสร้างสรรค์อีกด้วย
เพราะการดรอปคุณภาพเรื่องการเขียนกับปริมาณบทไม่หลากหลายที่เทียบเท่ากับภาคก่อน ๆ ทำให้เกมเมอร์หลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นจุดด้อยที่ร้ายแรงที่สุดของ Fallout 4 ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้เก่าหรือหน้าใหม่ที่ได้ลองสัมผัสภาคเก่า
จบแย่
ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องของ Fallout จะไม่ใช่เป็นจุดขายหลักของเกมก็จริง แต่ Fallout 4 อารมณ์คล้ายว่าเล่นเนื้อหลักให้จบ ๆ แล้วเล่นมิชชั่นเควสเสริมต่อ เพราะว่าไม่ว่าตอนจบแบบไหนผลลัพธ์ก็เหมือนกันหมด โดย Fallout 4 จะมีตอนจบแบบ A, B, C กับ D ที่มีวิธีการดำเนินเควสแตกต่างกันขึ้นอยู่กับผู้เล่นที่อยู่ฝักฝ่ายไหนคล้ายกับภาคเก่า แต่ตอนจบในภาคนี้กลับไม่มีอะไรเป็นที่น่าจดจำเลย ต่างกับภาค New Vegas ที่ตอนจบจะอธิบายสิ่งที่ผู้เล่นได้กระทำอะไรลงไปทั้ง NPC และได้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของ Mojave Wasteland ไปในทิศทางไหนบ้าง ต่างจากภาคนี้ที่ตอนจบฟิลลิ่งเหมือนกันหมด ทำให้ตอนจบ Fallout 4 รู้สึกจืดชืดมาก ๆ
DLC ไม่ปังเท่าภาคก่อน
DLC ภาคก่อน ๆ มีเนื้อหาที่น่าจดจำกับมีอาวุธใหม่อีกมากมายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Dead Moneys, Mothership Zeta, The Pitts, Lonesome Road และอื่น ๆ อีกสี่ตัว แล้วภาคสี่มี DLC อะไรน่าสนใจบ้าง ? นอกจาก Far Harbor, The Automatron กับ Nuka-World แล้วที่เหลือคือเนื้อหา DLC ประเภท Workshops ไว้ใช้สำหรับตกแต่ง Settlements แทน
เกมเมอร์ต่างได้โหวตรีวิว DLC ประเภท Workshops เป็นแง่ลบเป็นส่วนมาก โดยแสดงเหตุผลว่าเนื้อหาประเภทนี้ควรจะแจกฟรีมากกว่าที่จะต้องซื้อ รวมไปถึง DLC: Nuka-Cola เองก็ไม่สร้างสรรค์สำหรับคนที่ต้องการเล่นเป็นคนดี (มีเควสเดียวฆ่าบาง Raider ทุกตัวใน Nuka-World ก็จบ DLC แล้ว แถมยังพลาดเนื้อหาทั้งหมดอีกด้วย) ด้วยเหตุนี้ DLC ของ Fallout 4 ที่ไม่ปังเท่าที่ควรเพราะราคาที่แพงตามยุคสมัย, DLC บางส่วนไม่จำเป็น และคุณภาพไม่สู้เท่ากับภาคเก่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า Fallout 4 เป็นเกมที่แย่ เพราะภาคนี้มีข้อดีอีกมากมาย และการนำเสนอยังคงเป็นเกม Fallout เต็มรูปแบบ แม้จะมีจุดบกพร่องอยู่บ้างแต่โดยรวมแล้วเป็นเกมที่เล่นสนุก เพียงแต่ในภาคนี้ทีมงานอยากจะให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นโดยการลดระบบการเล่นที่ซับซ้อนให้น้อยลง ซึ่งก็ต้องมีได้มีเสียเช่นกัน
ผมไม่ปฏิเสธว่าได้ใช้เวลาเล่น Fallout 4 ไปแล้วกว่า 407 ชั่วโมงที่หมดไปกับม็อดกับการสร้าง Settlements แต่ถ้าเทียบกับภาค New Vegas ที่มีคุณค่าแก่กลับมาเล่น (Replay Value) มากกว่า เพราะมีทางเลือกที่เปิดกว้างมากที่จะดึงให้ผู้เล่นกล้าที่ทำอะไรแตกต่างโดยการเริ่มเกมใหม่ ซึ่งก็หวังว่าทางทีมงาน Bethesda จะได้ฟีดแบคจากผู้เล่นต่าง ๆ แล้วนำมาแก้ไขในเกมถัดไปที่กำลังพัฒนาอย่าง The Elder Scrolls VI กับ Starfield หรือเกมอื่น ๆ ในอนาคตข้างหน้า
ถ้าสงสัยว่าทำไมภาค New Vegas เป็นเกมดี ? ผู้อ่านสามารถชมวีดีโอ Recommend: Fallout New Vegas ของทีมงาน GamingDose ที่เพิ่งอัปโหลดสด ๆ ร้อน ๆ ผ่านช่อง Youtube ด่านล่างครับ ก็ต้องบอกได้เลยว่าคุ้มค่าที่จะเล่นอย่างแน่นอน