การพัฒนาของกราฟิกในเกมยุคปัจจุบันนั้นก้าวหน้าเติบโตมาจนถึงเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ Ray Tracing ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีการแสดงผลที่ล้ำหน้าที่สุดในวีดีโอเกมยุคปี 2021 ถือเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของการแสดงผลกราฟิก เพราะสิ่งนี้ช่วยจำลองแสงเงาสมจริง ที่ฮาร์ดแวร์ยุคก่อน ๆ ไม่เคยจะทำได้มาก่อน
Ray Tracing คือการจำลองสภาพของแสงในโลกแห่งความเป็นจริงเข้าไปไว้ในวีดีโอเกม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยกระดับการแสดงผล แสงและเงา ที่นักพัฒนาเกมอยากจะให้มีในวีดีโอเกมมายาวนาน แต่เพิ่งทำได้จริงในการมาถึงของการ์ดจอ GEFORCE RTX ของ NVIDIA ที่มีขุมพลัง RT Core และ Tensor Core ทำให้สามารถแสดงผลกราฟิกด้วยเทคโนโลยี Ray Tracing ได้จริงในโลกของวีดีโอเกม พร้อมมี AI ในการช่วยประมวลผลภาพให้แม่นยำยิ่งขึ้น ถือเป็นเทคโนโลยียุคเน็กซ์เจนอย่างแท้จริง
จะเห็นได้ว่า Ray Tracing ช่วยเพิ่มความสนุก เสริมอรรถรสในการเล่นเกมในปี 2021 ไปอีกระดับ ด้วยความสามารถของ RTX เมื่อเปิดแล้ว อาจเปลี่ยนเกมเดิม ๆ ของคุณ ให้กลายเป็นเกมใหม่ได้เลยทีเดียว
จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ว่าทำไมปัจจุบัน ทีมพัฒนาระดับ AAA หลายค่าย จึงหันมาให้ความสนใจ ในเทคโนโลยีตัวนี้ และพยายามใส่ระบบการแสดงผลแบบ Ray Tracing เข้าไปภายในเกมของตัวเอง
เกมที่กำลังจะวางจำหน่ายในอนาคตหลายเกมเช่น Atomic Heart , Stalker 2 , Vampire: The Masquerade – Bloodlines 2 , Halo Infinite และเกมดังอีกหลายเกม ล้วนแต่ประกาศเปิดตัวรองรับการแสดงผลและเทคโนโลยี RTX ด้วยกันทั้งนั้น
ข้อดีด้านอื่น ๆ ของ GEFORCE RTX30 Series
ปัจจุบันนั้นเทคโนโลยี RTX บนการ์ดจอของ NVIDIA ถือได้ว่าเป็น “เจนฯ” หรือรุ่นที่สองกันแล้วซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก RTX เจน 1 บนการ์ดจอ 20XX ซีรีส์
ข้อดีของ RTX เจนฯ 2 นั้นก็คือเรื่องของประสิทธิภาพในการแสดงผล ใครที่คุ้นเคยว่าเปิดใช้งาน Ray Tracing ในเกมแล้วเกมกระตุก ภาพไม่ลื่น เล่นในความละเอียดสูง ๆ ไม่ได้ก็ขอให้ลืมภาพจำเก่าทิ้งไปได้เลย เพราะตอนนี้บนการ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุดของ NVIDIA อย่างซีรีส์ 30 นั้นเราสามารถเล่นเกมบนเทคโนโลยี Ray Tracing ได้จริง โดยมีความลื่นไหลเหมือนเล่นเกมแบบปกติ แม้จะใช้การ์ดจอประสิทธิภาพต่ำสุดในซีรีส์ก็ตาม
อีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญของการ์ดจอ NVIDIA ใน RTX เจนฯ ที่สองก็คือเทคโนโลยี DLSS ซึ่งเป็นการนำเอา AI Deep Learning เข้ามาช่วยในการแสดงผลภาพ ทำให้เกมเมอร์สามารถเล่นเกมที่ความละเอียดระดับ 4K ได้แบบลื่นไหล และช่วยให้ภาพคมชัดมีรายละเอียดที่สมจริง
ความแตกต่างของ 3060, 3070, 3080 และ 3090
ปัจจุบันการ์ดจอ 30 Series ของ NVIDIA นั้นมีวางจำหน่ายด้วยกัน 5 รุ่นใหญ่ ๆ ก็คือ 3060, 3060Ti, 3070, 3080 และ 3090
3060 ถือเป็นการ์ดจอในรุ่น Entry แต่มาพร้อมศักยภาพที่อัดแน่นภายใน เน้นในเรื่องของความคุ้มค่า เปิดใช้งาน Ray Tracing ได้จริงในราคาที่ย่อมเยา เหมาะกับผู้ใช้งานบนจอความละเอียด 1080p
3060Ti รุ่นอัพเกรดของซีรีส์ 3060 มาพร้อม RAM GDDR6 ขนาด 8GB ถือเป็นรุ่นคุ้มค่าอีกตัวโดยเฉพาะสำหรับเกมเมอร์ผู้ต้องการขยับไปใช้งานบนจอภาพระดับ QHD
3070 การ์ดจอตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเกมเมอร์หลายคน มีความแรงพร้อมท้าชนเกม AAA ปรับสุดจัดเต็มบนภาพขนาด QHD
3080 การ์ดจอระดับ High End ปรับสุดจัดเต็มในภาพระดับ 4K ทรงพลังพร้อมรับมือเกมใหม่ ๆ ในอนาคต
และสุดท้าย 3090 ถือเป็นการ์ดจอในระดับฝั่ง Production อาจจะไม่คุ้มค่าการลงทุนสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป แต่ถ้าเป็นสานงานอนิเมชั่นแล้วล่ะก็นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีใน Workstation อันทรงพลัง
สรุป
ในปัจจุบันนั้น NVIDIA ก็ยังถือเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการการ์ดจอมาไว้ใช้เล่นเกม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีอย่าง Ray Tracing และ DLSS นั้นยกระดับการเล่นเกม AAA ให้สวยงามลื่นไหลขึ้นจริง ๆ
ใครที่สนใจมองหาการ์ดจอตัวใหม่และอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมแบบเต็ม ๆ ก็ตามไปดูรายละเอียดกันได้ที่ https://www.nvidia.com/th-th/geforce/ หรือช่องทางจัดจำหน่าย https://shopee.co.th/colorful_official