“ในเกม Stray คุณเล่นเป็นแมวส้มสุดน่ารัก” จั่วหัวเปิดมาเพียงเท่านี้ก็เชื่อได้ว่าด้วยพลังแมวเกมเมอร์หลายคนก็พร้อมจะกดเงินซื้อเกมนี้มาเล่นกันแบบทันที และ Bluetwelve ผู้พัฒนาเกมนี้ (ก่อตั้งขึ้นมาจากอดีตทีมงาน Ubisoft Montpellier ที่อยากมีสตูดิโอเกมอินดี้ของตัวเอง) ก็เหมือนจะรู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายผู้เล่นเกมตัวเองเป็นใครและต้องทำการตลาดแบบไหนจะโดนใจแฟน ๆ มากที่สุด
นี่คือเกมที่เมื่อเรากด O เจ้าแมวในเกมจะร้องเหมียว ๆ เกมที่เราสามารถฝนเล็บกับต้นไม้ โซฟา และสารพัดสิ่งของในฉาก เกมที่มีปุ่มให้คุณปัดสารพัดสิ่งของให้หล่นจากที่สูง
แน่นอนว่า “แมว” คือตัวละครเอกของ Stray แต่หากเรามองผ่านเบื้องหน้าของเกมลงไปให้ถึงอีกชั้น เราจะพบว่า Stray คือเกมที่บอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์ผ่านมุมมองของแมวและเหล่าหุ่นยนต์จักรกลที่เราจะได้พบเจอภายในเกม
//เนื้อหาของบทความนี้เปิดเผยเรื่องราวสำคัญของตัวเกม//
Stray มีฉากหลังเป็นโลกหลังการล่มสลายของอารยธรรม มนุษยชาติจากโลกไปนานแล้วแต่แมวยังคงอยู่และพวกมันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเอาตัวรอดอยู่บนโลกนี้ได้แม้ไม่มีมนุษย์มาคอยดูแล และในตัวเกมเราจะได้สวมบทเป็นเจ้าแมวส้มที่ผลัดหลงจากฝูงที่ตกลงไปในเมืองใต้ดิน และต้องพยายามหาทางกลับออกมา เจ้าเหมียวตัวเอกยังได้พบกับหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า B-12 ผู้บอกเล่าว่าตัวเขาสูญเสียความทรงจำไปบางส่วนและจะพยายามร่วมมือกับเจ้าแมวส้มหาทางพาทั้งคู่หลบหนีออกไปจากเมืองแห่งนี้ให้สำเร็จ
เนื้อหาหลังจากนั้นก็ตัวเกมก็พาเราไปสำรวจความเป็นมนุษย์ผ่านหลากหลายมุมมอง ทั้งเหล่าหุ่นยนต์ Companion ผู้อยู่อาศัยในเมืองใต้ดินที่กำเนิดมาจากการเป็นหุ่นยนต์ผู้ช่วยมนุษย์ จนเมื่อมนุษย์จากโลกไปหมดจนพวกมัน “ตื่นรู้” ลุกขึ้นมาเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์จนมีชีวิตจิตใจของตนเอง หรือการแบ่งแยกชนชั้นของมนุษย์ที่แม้จะอยู่ในช่วงประสบภัยพิบัติจากการล่มสลายของโลก แต่สุดท้ายคนเราก็ยังสามารถแบ่งแยกกีดกันจัดลำดับกันเองจนเกิดการแบ่งชั้นในเมือง Walled City หรือการพยายามแก้ปัญหาขยะล้นเมืองจนกลายเป็นภัยร้ายใหม่อย่างเหล่า Zurk สิ่งมีชีวิตจากโปรตีนชีวะภาพที่มีความสามารถในการกินทุกอย่าง หรือเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง B-12 กับสหายอย่างแมวส้มและการค้นหาตัวเองของเขา
ในการผจญภัยผ่านมุมมองของแมวเราจะได้เห็นเหล่าหุ่น Companion ยังคงพยายามด่ำเนินชีวิตแบบมนุษย์กันต่อไป พวกมันสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างกันขึ้นมา มีชุมชน มีภาระหน้าที่ มีความรับผิดชอบ มีครอบครัวเพื่อนฝูง ออกไปใช้ชีวิตพบเจอกับปัญหา ความผิดหวัง มีความอยากได้อยากมี ต้องการพักผ่อน มีความฝันและเป้าหมายของตนเอง
ความเป็นมนุษย์ฝังรากลึกในหมู่ Companion ทำให้แม้พวกมันจะไม่รู้จักว่า “แมว” คืออะไร แต่หุ่นยนต์เหล่านี้ก็โอบรับเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่ส่งเสียงน่ารัก ๆ เข้ามาในจิตใจ รู้สึกฟินทุกครั้งที่แมวเดินมาถูไถและนอนน้วย กลายเป็นว่าโดยรวมแล้วเหล่า Companion ส่วนใหญ่ก็ช่วยเหลือเจ้าแมวตัวเอกของเราไปตลอดทั้งเกม
อีกจุดที่ตัวเกมตอกย้ำเรื่องราวของความเป็นมนุษย์ก็คือเนื้อหาหลักของตัวละครอย่าง B-12 (และทีมงาน Bluetwelve ก็ดูตั้งใจตั้งชื่อให้ตัวละครนี้เป็นเหมือนตัวแทนของพวกเขาอีกที) ในช่วงต้น เรารับรู้ว่า B-12 เป็นเพียงแค่ AI ที่คอยช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งในเมือง และตลอดระยะเวลาการเดินทางภายในเกมผู้เล่นจะได้ออกรวบรวมความทรงจำของ B-12 กลับคืนมาในรูปแบบของ Collectible ที่ถูกซ่อนเอาไว้ในฉาก
ความทรงจำของ B-12 พาเราไปสำรวจและตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และบอกเล่าประสบการณ์ที่เชื่อว่าทุกคนก็คงรู้สึกเชื่อมโยงได้ไม่ยาก ทั้งความสุขง่าย ๆ อย่าง การสัมผัสหนังสือสักเล่ม การได้เล่นเกม การพบพานผู้คน หรือการดื่มดำไปกับเครื่องดื่มที่เราชื่นชอบ หรือไปยังร้านอาหารโปรดของเรา
นอกจากการนำเสนอความเป็นมนุษย์แบบง่าย ๆ ความทรงจำของ B-12 ยังพาเราไปสำรวจถึงคำถามที่เป็นตัวตนเป็นจิตวิญญาณแก่นแท้ของการเป็นมนุษย์ อย่างการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ดูไร้ความหมายแต่ก็เติมเต็มจิตวิญญาณของมนุษยชาติมาโดยตลอด หรือการสืบทอดเผ่าพันธุ์
ในเนื้อหาช่วงหลังของเกมเมื่อ B-12 ได้ความทรงจำกลับคืนมาและค้นพบว่าตัวเองไม่ใช่ AI ธรรมดา แต่เป็นมนุษย์ที่อัพโหลดสติสัมปชัญญะของตนเองเข้าไปในร่างหุ่นยนต์ ตัวเกมก็พาเราไปตั้งคำถามทางปรัชญาในแนวคิด อัตถิภาวนิยม หรือ existential ที่ว่าด้วยความเป็น “ตัวตน” บนโลกอันแสนสับสนไร้ความหมายของเรา
หลัง B-12 ได้ความทรงจำกลับมาและค้นพบว่ามนุษยชาติได้ล่มสลายไปแล้ว และบนโลกใบนี้อาจมีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็น “มนุษย์” คนสุดท้ายบนโลกผู้มีความทรงจำและสติตื่นรู้ของคนจริง ๆ หลังจากนั้น B-12 ก็ตั้งใจจะเป็นผู้สืบทอดเรื่องราวคนสุดท้ายของมนุษยชาติ ต้องการเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่ามนุษย์เคยใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
B-12 เก็บความตั้งใจดังกล่าวเอาไว้ ขณะที่เดินทางผ่านทุกข์สุขกับเจ้าแมวไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วเมือง จนเรามาถึงช่วงท้ายของเกม สุดท้ายแล้ว B-12 ก็ค้นพบกับคำตอบของตัวเอง มนุษยชาติที่เขารู้จักได้จบสิ้นไปแล้วอย่างไม่อาจหวนคืน อนาคตของโลกใบนี้อยู่ในมือของเหล่า Companion กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่เหลือรอดอยู่บนโลก
B-12 สละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือเจ้าเพื่อนตัวเล็ก สุดท้ายแล้วความทรงจำทั้งหมดก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าสายสัมพันธ์ที่จริงแท้และเกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นการเสียสละครั้งสุดท้ายที่สมกับความเป็น “มนุษย์” มากที่สุดเท่าที่มนุษย์ในร่างหุ่นเหล็กจะทำได้
ประตูเมืองเปิดออก และเจ้าแมวก็กลับขึ้นไปยังโลกเบื้องบนได้สำเร็จ แสงอาทิตย์ยังคงสาดส่อง โลกและชีวิตอื่น ๆ ยังดำเนินต่อไป
มนุษยชาติจบสิ้นไปแล้วแต่แมวยังอยู่ต่อ และการไม่ได้มีความหมายอื่นใดเลยของชีวิตนอกจากความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเราและสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวทั้งกับผู้คนสิ่งของสัตว์เลี้ยงหรือโลก ก็อาจจะเป็นมรดกที่จริงแท้เพียงหนึ่งเดียวของมนุษยชาติบนโลกใบนี้