ผู้เล่นหลายคนอยากจะเล่นเกมแข่งรถให้สนุกสนานเหมือนผู้เล่นบางคน แต่ก็ไม่ว่าจะเล่นอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าถึงเกมประเภทนี้ซะทีเพราะรู้สึกยากเกินไป ไหนจะหลุดโค้งออกจากสนาม ชนนู้นชนนี่ ได้อันดับที่โหล่เป็นประจำ แต่รู้หาไม่? ว่าเกมแข่งรถทุกเกมมีความยากที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งไม่แน่คุณอาจจะเลือกเล่นผิดเกมจนเป็นสาเหตุที่ผู้เล่นไม่สามารถเอนจอยหรือฝึกฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพกับการเล่นเกมแข่งรถนั้นเอง

นี่คือ มือใหม่สู่มือโปร! เรียงลำดับความยากเกมแข่งรถสำหรับผู้หัดเล่น เป็นบทความสำหรับผู้เล่นที่ต้องการฝึกฝนและสนใจในเกมขับรถแต่ไม่รู้ว่าควรจะเล่นเกมไหนเป็นเกมแรก โดยความยากจะเรียงลำดับจากเลเวล 1 ถึง 5 ให้ผู้เล่นได้เลือกเล่นว่าต้องการความยากท้าทายระดับไหนถึงจะเหมาะสม

เลเวล 1 – Basic สำหรับพื้นฐาน

เกมแข่งรถที่เป็นมิตรสำหรับทุกคนที่เพียงแค่จับจอยโยกอนาล็อกก็สามารถเล่นสนุกได้ เพราะเกมเหล่านี้ไม่มีความสมเหตุสมผลแล้วมุ่งเน้นความสนุกจากการเล่น 100% เพียว ๆ โดยไม่มีกฎอะไรให้วุ่นวายหรือมีการลงโทษแก่ผู้เล่น ซึ่งจุดประสงค์ของเกมนี้เพียงแค่คว้าอันดับที่ 1 ถึง 3 หรือต้องการมอบประสบการณ์ความสนุกแบบไม่รู้จบ

Outrun : เกมตู้แข่งรถในตำนานของ SEGA ที่ผู้เล่นจะต้องไปให้ถึงจุดเส้นชัยหรือไปให้ได้ไกลสุดเท่าที่ทำได้ ถึงแม้ว่าเกมเมอร์จะต้องแข่งขันกับเวลาไปให้ถึง Checkpoint แต่ด้วยระบบการเล่นที่เรียบง่ายกับไม่ซับซ้อน ทำให้เป็นเกมแข่งรถเกมหนึ่งที่เล่นง่ายมาก แต่ก็ท้าทายสำหรับคนที่ต้องการเล่นเพื่อบันทึกสถิติแบบจริงจังเกมมิ่ง
Track Mania : เกมแข่งรถ Sandbox สุดเอกลักษณ์ ที่จะให้ผู้เล่นได้สนุกกับความผาดโผนแบบไม่มีสิ้นสุด เพราะตัวเกมไม่มีจุดประสงค์ที่ตายตัวและยังมีผู้เล่นมากมายยังคอยสร้างสรรค์สร้างแผนที่สนามแข่งรถอย่างต่อเนื่อง จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการขับรถอิสระแต่เร็ว แรง และสนุก
Ridge Racer : ลืมไปซะเสียสำหรับความสมจริงและโลจิคของเกมนี้ที่จะมอบประสบการณ์การเล่นที่มันสุดเหวี่ยงด้วยความแอ๊คชั่นโอเวอร์ที่รถยนต์ในชีวิตจริงไม่สามารถทำได้ เกมนี้จึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับคนที่อยากจะเข้าใจว่าเกมแข่งรถมันสนุกอย่างไร

Ridge Racer

เลเวล 2 – Arcade เอาความมันเป็นหลัก

เกมขับรถสไตล์อาร์เคตจะเริ่มให้ความสำคัญกับระบบฟิสิกส์การเลี้ยวและฟีลลิ่งในการขับให้สมกับเป็น รถยนต์ มากยิ่งขึ้น แต่ตัวเกมก็ยังเน้นความสนุกเร้าใจมากกว่าความสมจริงเหมือนเดิม ผู้เล่นจะต้องทำความคุ้นเคยและมีประสบการณ์เกมขับรถในเรื่องของการเบลค การดริฟท์ และการศึกษาเส้นทางสนามแข่งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับมือใหม่ที่จะลองเล่น

เกมประเภทนี้สามารถหาเล่นได้เยอะมาก แต่นี่คือตัวเลือกสำหรับผู้เขียนที่แนะนำครับ

Need for Speed Series : เกมแข่งรถในดวงใจหลาย ๆ คน ที่ได้สร้างมาตรฐานเกมแข่งรถอาร์เคตในยุค ’00 ขึ้นไป ซึ่งในแต่ละภาคจะมีการนำเสนอที่แตกต่างกัน เช่น Underground ที่เน้นการแข่งขันใต้ดิน, SHIFT จะเป็นธีมแข่งขัน Motorsport, Most Wanted นำเสนอการไล่ล่าตำรวจ และอื่น ๆ อีกหลายภาค
Race Driver GRID : อย่าให้วงการ Motorsport มาจำกัดหมายความว่าเป็นเกมแข่งรถสมจริง GRID เป็นเกมที่มีสร้างชื่อเสียงด้วยเรื่องฟีลลิ่งการขับรถที่เล่นสนุกเร้าใจโดนใจขาดริฟท์สไตล์อาร์เคต แต่ภายนอกกลับดูสมจริงเป็นธรรมชาติด้วยขุมพลังกราฟิก EGO Engine 1.0
Burnout Paradise : เกมระดับตำนานสุดวินาศสันตะโรที่จะให้ผู้เล่นและคู่แข่งได้ไล่บี้กับเบียดตลอดการแข่งขันจนกว่าจะถึงเส้นชัย ในขณะที่กฎการเล่นไม่ซับซ้อน แต่ระบบการขับรถของแต่ละคันจะมีฟีลลิ่งการบังคับรถที่มีความยากง่ายแตกต่างกัน จึงยกให้เป็นเกมแข่งรถสไตล์ Arcade ที่ไม่เล่นง่ายจนเกินไปนัก

เลเวล 3 – Arcade-Sim สายสมดุล มือใหม่เล่นได้ฮาร์ดคอร์เล่นดี

นิยาม Arcade-Sim ยังคงเป็นที่ถกเถียงในปัจจุบัน แต่โดยรวมแล้วลักษณะของ Arcade-Sim คือตัวเกมเริ่มมีความใส่ใจในรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้นในส่วนของกฎการแข่งขันหรือตัวรถยนต์เอง เกมประเภทนี้จะเริ่มมีฟังก์ชั่นในการปรับแต่งจูนรถยนต์ รวมไปถึงรถยนต์แต่ล่ะคันจะมีลักษณะการขับเคลื่อนที่มีเอกลักษณ์ตั้งแต่ระบบการขับเคลื่อน, น้ำหนัก, การเลี้ยว และระบบอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่ถึงแม้ว่าระบบเกมจะมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ถ้าหากผู้เล่นใช้เวลาในการศึกษาหรือทำความคุ้นเคย ไม่นานนักผู้เล่นก็สามารถสนุกสนานจาการเล่นกับการจัดการปรับแต่งรถยนต์ได้ไม่ยาก

DiRT Series : อยู่กับถนนมาเยอะ มาลองเลอะฝุ่นไปกับการแข่งขันทางวิบากอย่าง DiRT ดูสิ เกมนี้ผู้เล่นจะต้องอาศัยการสังเกตสนามแข่งรถพร้อมกับฟังเพื่อนร่วมทางเพื่อพิชิตเข้าสู่เส้นชัยให้ได้เร็วที่สุด ฉะนั้นเกมเมอร์จะต้องคอยปรับจูนเพื่อให้รถยนต์สามารถตอบสนองต่อผู้เล่นให้ได้รวดเร็วและมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
F1 Series : ถึงแม้จะเป็นเกมจำลอง F1 ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากชีวิตจริง แต่เกมไม่ได้จำลองได้ครบถ้วนขนาดนั้น เพราะระบบการปรับแต่งรถจูนยังคงเข้าใจได้ไม่ยากจนเกินไป แต่เกมยังคงต้องใช้ทักษะการจัดการเวลาเข้า Pit ที่เหมาะสม, การเลือกเปลี่ยนล้อรถตามสภาพอากาศ และรถยนต์ F1 จะมีลักษณะการขับเคลื่อนที่คล้ายคลึงกันเกือบทุกรุ่น (ยกเว้น F1 รุ่น ’80 ที่ปัด Oversteer ง่ายเกินไปจนหงุดหงิด)

Dirt 4

เลเวล 4 – Simulation แนวสมจริงที่มีรายละเอียดเยอะ

เป็นเกมสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบและเข้าใจรถยนต์ เพราะว่าชัยชนะของเกมนี้ไม่ใช่เพียงเพราะรถยนต์ที่เร็วที่สุด แต่ชัยชนะอยู่ที่รถยนต์ที่เหมาะสม, ทักษะการขับกับเทคนิคการเข้าโค้ง และการศึกษาสนามแข่งรถเพื่อกลบจุดด้อยของผู้เล่นต่างหาก ฉะนั้นระบบการปรับแต่งจูนรถยนต์ของเกมแข่งรถ Simulation จะมีรายละเอียดที่เยอะมากจนผู้เล่นจะต้องใช้เวลาปวดหัวกับมันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หรือรวมไปถึงกฎระเบียบและน้ำใจนักกีฬาซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เมื่อเข้าสู่โหมด Career กับ Online Multiplayer

เกมประเภทนี้ จอยพวงมาลัย จะส่งเสริมอรรถรสในการเล่นเกมแข่งรถ Simulation ได้เต็มอิ่มที่สุด แต่ถ้าไม่มีก็สามารถใช้จอยสติ๊กเล่นได้ตามปกติ

Gran Turismo Sport : สโลแกน The Real Driving Simulator อาจจะใช้ไม่ได้สำหรับภาคเก่า แต่ภาค Sport ได้ยกระดับความสมจริงด้วยระบบการปรับแต่งรถที่มีรายละเอียดซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะส่วนของชนิดล้อรถยนต์ของเกมนี้จะส่งผลต่อความทนทาน, แรงยึดเกาะ กับการเลี้ยวได้จริง ๆ รวมไปถึงเป็นเกมแข่งรถที่มีภาพกราฟิกที่สวยงามที่สุดใน PS4 อีกด้วย
Forza Motorsport : คู่แข่ง Gran Turismo ตลอดกาลที่มีคุณภาพสูสีเกือบทุกด้าน โดยเกมนี้มีจุดเด่นอยู่ที่เรื่องการปรับแต่งและความเสียหายของยานพาหนะ เป็นเกมที่ต้องอาศัยไหวพริบและการระมัดระวังตัวจากคู่แข่งรอบข้างซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อผู้เล่นตลอดการแข่งขัน
Project CARS : ถึงแม้พลังกราฟิกจะไม่สู้เท่าสองเกมบน แต่ความสมจริงก็ไม่เป็นลองใคร Project CARS เป็นเกมสำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งจูนรถยนต์อย่างแท้จริง เพราะเนื้อหาการปรับแต่งของเกมนี้มีรายละเอียดที่กว้างมากและต้องอาศัยทักษะคณิตศาสตร์ในการคำนวณผลลัพธ์ที่ทำให้ผู้เล่นจะต้องปวดหัวกันเลยทีเดียว

Project CARS 2

เลเวล 5 – Hardcore Racing เกมดึงฝีมือไปให้ถึงลิมิต

หมวดนี้สำหรับคนที่ต้องการเกมรถแข่งที่มีความท้าทายระดับสูงสุดที่เกมเมอร์สาย Hardcore จะต้องชื่นชอบในเรื่องความยากและความสมจริงที่แทบไม่ต่างอะไรกับชีวิตจริง เป็นเกมที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแสดงฝีมือและทักษะเกมแข่งรถอย่างสูงสุด เพราะเกมเหล่านี้ ถ้าคุณเลี้ยวพลาดจุดใดจุดหนึ่งก็สามารถพลิกเกมจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ทันที โดย จอยพวงมาลัย เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการเล่นเกมประเภทนี้เป็นอย่างมาก

Assetto Corza : เกมแข่งรถที่มีสายเลือด Simulation 99% ที่มีฟีเจอร์เด่นคือถนนในเกมนี้ได้ผ่านการสแกนมาจากสนามแข่งรถในชีวิตจริง จึงทำให้ถนนสนามแข่งในเกม Assetto Corza จึงมีความนุ่มลึกตรงตามหลักอ้างอิงเกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เกมนี้มีความท้าทายเป็นอย่างมาก
Dirt Rally : Perfectionist เป็นกุญแจหลักในการเอาชนะเกม Dirt Rally ถึงแม้ว่าระบบการควบคุมรถยนต์ของเกมนี้จะไม่ได้โหดเท่า Assetto Corza แต่เพราะการออกแบบสนามแข่งมีความซับซ้อน และ A.I ของเกมนี้ไม่มีความปราณีแก่ผู้เล่น จึงยกเป็นเกมแข่งรถเกมหนึ่งที่มีระดับความยากที่สุดในตอนนี้

Assetto Corza