ยุคนี้หากเราพูดถึงเกม RPG ที่มาจากฝั่งตะวันตก เกมแรก ๆ ที่เราคิดถึงก็คือ The Elder Scrolls, Fallout หรือ The Witcher ที่หลายคนต่างรู้ซึ้งถึงความยอดเยี่ยมของมันอยู่แล้ว แต่ก็มีอีกหลายเกมที่วางจำหน่ายมาแต่ก็อาจจะไม่ได้รับความสนใจเท่า แม้จะเจ๋งแค่ไหนกาม ซึ่งในความทรงจำของผู้เขียนก็มีอยู่เกมหนึ่ง ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมในยุดนั้น นั่นก็คือ Gothic นั่นเอง
สำหรับผู้เขียน ความทรงจำเกี่ยวกับเกม Gothic นี้ค่อนข้างวนเวียนอยู่กับเกมภาคที่สอง เพราะบังเอิญได้รู้จักกับเกมนี้ผ่านทางนักเขียนในตำนานอย่าง Gamemaniac ของนิตยสาร Future Gamer ในสมัยวัยเด็ก ซึ่งเป็นนักเขียนที่ชื่นชอบอยู่แล้ว และเกมที่เขาแนะนำนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะทั้งการเล่นและวิธีเก็บค่าประสบการณ์ของเกมนี้มันไม่ธรรมดาเลย ทำให้เรารู้สึกใจใคร่รู้อยากหามาลองทันที
และก็พบว่านี่เป็นเกมที่สร้างสรรค์ แต่ก็ไม่ปราณีต่อคนเล่นมือใหม่ที่ไม่เคยเข้าสู่โลกของเกมภาษาฝั่งตะวันตกมาก่อนเหลือเกิน
ใน Gothic เราจะได้รับบทเป็นนักโทษคนหนึ่งที่ถูกส่งเข้าไปทำงานในเหมืองเพื่อชดใช้ความผิด ซึ่งเป็นโลกที่มีฉากหลังอยู่ในยุคกลางแบบแฟนตาซี ที่จู่ ๆ การระเบิดก็เกิดขึ้น เปิดโอกาสให้เขาหลบหนีไปได้ และการผจญภัยที่เต็มไปด้วยหนทางอันเหนือจินตนาการและความชั่วร้ายก็เริ่มต้นขึ้น
สิ่งแรกที่ผู้เขียนจำได้จาก Gothic ก็คือความยากของมัน และมันเป็นเกมที่เรียกได้ว่ายากที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาจนถึงตอนนี้ แม้จะเป็นช่วงต้นเกมก็ตาม แต่ถ้าหากเดินไปผิดทางก็มีโอกาสเจอศัตรูหรือมอนสเตอร์ระดับสูงตบดิ้นจนต้องโหลดเกมมาเล่นใหม่อีกรอบกันเลย แม้เราจะมีความพร้อมทั้งอุปกรณ์และเลเวล แต่ถ้าประมาทก็มีโอกาสตายได้ แต่ถ้าคุณเก่งพอ ก็สามารถล่ามอนสเตอร์ระดับสูงได้เลยตั้งแต่ต้นเกมเพื่อพัฒนาทักษะได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
และที่น่าทึ่งไม่แพ้กันก็คือ นี่เป็นเกม RPG เกมแรก ๆ นอกเหนือจาก Fallout ที่มีวิธีจบเควสหรือตัวเลือกมากกว่าหนึ่งแบบ สายอาชีพที่เลือกเล่นได้นั้นต้องผ่านการสอบและอัปเกรดแบบสุดหิน หรือไม่ก็ต้องใช้เงินเยอะมากถึงจะเรียนรู้ได้ เช่นสายนักรบที่ต้องทำเควสพิสูจน์ตัวเองก่อนจึงจะสามารถไปขอเรียนวิชาจาก NPC ได้ หรืออยากเป็นจอมเวทย์ก็ต้องปรุงยาหรือซื้อของมาทำพิธี(ซึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ )
และนี่น่าเรียกว่าเป็นเกมแรกที่ผู้เขียนได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมของ AI ในเกมที่เป็นตัวของตัวเอง ชาวเมืองต่าง ๆ มีกิจวัตรเป็นของตัวเอง ออกจากบ้านทำงาน หาอะไรกิน แวะบาร์เหล้า ก่อนกลับบ้านไปนอน ซึ่ง NPC บางตัวที่เราจะไปรับเควสนั้นก็ต้องไปหาในช่วงเวลาที่เหมาะสม(ไม่อย่างงั้นก็ต้องไปปลุกถึงเตียงนอนที่เสี่ยงยามมาซิว) แถมการเลือกอาชีพก็หมายถึงการเลือกฝ่ายไปด้วย NPC บางคนจะไม่ยอมคุยหรือขายของให้กับเรา และแน่นอนว่า ตัวละครทุกคนในเกมนี้ตายแล้วคือตายเลย ไม่มีฟื้นคืนชีพ
เมื่อมันผสมรวมกับความยากของการต่อสู้ที่โหดไม่แพ้ Dark Souls ทำให้มันกลายเป็นเกมที่ค่อนข้างฮาร์ดคอร์มากเกมหนึ่งในยุคนั้นทีเดียว
สมัยนั้นผู้เขียนจำได้ว่าเคยลองของ ซื้อเกมนี้มาเล่นดู ก็ต้องประสบกับความหัวร้อนเพราะเล่นไม่ผ่านเนื่องจากเงื่อนไขการทำเควสที่โหดจนท้อ และศัตรูที่ยากเหลือเกิน แถมบางทีเล่นอยู่แล้วตายไม่ได้เซฟ ก็ต้องกลับไปเซฟล่าสุดเมื่อหลายชั่วโมงก่อน เรียกว่ากว่าจะเล่นจบได้ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ๆ ไม่ว่าจะมาจากความพลั่งเผลอที่ได้ทำไป หรือแก้เควสได้ไม่ถูกใจก็ตาม
น่าประหลาดที่เกมยากขนาดนี้ แต่ก็เลิกเล่นได้ยากมากเช่นกัน เราจะได้รู้สึกว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาเราอยู่ตลอด ยิ่งเมื่อพ้นกลางเกมไป ศัตรูก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และการได้เผชิญหน้ากับมังกรสุดโหดก็เป็นอะไรที่ท้าทายไม่น้อยเหมือนกัน แถมจะไปโอ้เอ้ทำเควสให้ชาวเมืองเพื่อรับผลตอบแทนเป็นค่า EXP ที่หายากเย็นได้อีกด้วย และนี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่ผู้เขียนยอมพิมพ์บทสรุปจากเว็บไซต์เมืองนอกเพื่อเอามาอ่านผ่านเควส รวมไปถึงไล่หาข้อมูลในอินเทอร์เนตเพื่อผ่านเกมแบบจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกด้วย
แม้จะเป็นเกมจากยุโรปที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง แต่ Gothic ก็ถือเป็นเกม Action RPG ที่เข้าไปอยู่ในใจของหลายคนได้สำเร็จ โดยเฉพาะในภาคที่สองที่ลงตัวทั้งเนื้อเรื่องและระบบการเล่น การผ่านเควสและตัวเลือกของเกม แม้จะมีปัญหาทางเทคนิคมากมายอย่างเช่น Bug อันมหาศาลของเกมที่ทำให้จบเควสไม่ได้ ยิ่งใครไม่ได้ขยันเซฟบ่อย ๆ มีร้องแน่นอน และตัวเกมเองก็ไม่ได้ย่อยง่าย ทั้งระบบการต่อสู้และการสร้างตัวละครที่ต้องตัดสินใจให้ดี เพราะไม่มีการ Reset Skill เลือกสายใหม่ อะไรเพิ่มไปแล้วก็ต้องปล่อยเลยตามเลยไป ไม่ก็เล่นใหม่ไปซะ
Gothic เรียกได้ว่าเป็นผลงานที่ช่วยสร้างชื่อให้กับ Piranha Byte ทีมพัฒนาจากประเทศเยอรมันอย่างมาก แม้จะมีความน่าขัดใจในชิ้นงานติดมาบ้าง แต่ก็พอให้อภัยได้ ทว่าหลังจากภาคที่สามเป็นต้นมา ตัวเกมก็ดิ่งลงเหวอย่างต่อเนื่อง ทั้งคุณภาพที่ย่ำแย่ และ Bug มากมายเช่นเดิม แต่พวกเขาก็ยังไม่ย่อท้อพัฒนาเกมในรูปแบบเดียวกับซีรีส์ Gothic ออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น Risen ที่แม้ภาคแรกจะโอเค แต่ท้ายที่สุดก็กลับไปดิ่งลงเหวเหมือนเดิม
ส่วนในตอนนี้ ซีรีส์ Gothic ก็เตรียมตัวกลับมาอีกครั้งในแบบ Remake โดย THQ Nordic Barcelona ปรับทั้งกราฟฟิกและระบบการเล่นใหม่ให้ทันสมัย และมีตัวอย่างมาให้ลองเล่นกันแล้วบน Steam อีกด้วย
แต่ Gothic จะกลับมาผงาดได้อีกครั้งหรือเปล่านั้น ก็ยังเป็นคำตอบที่บอกได้ยากอยู่ดี เพราะในยุคนี้ Action RPG ไม่ใช่ของย่อยยากอีกต่อไปแล้ว แถมมีตัวเลือกที่มากมายกว่าเดิม การจะกลับมาเอาชนะศึกใหญ่ในวงการเกมได้ ก็ต้องเหนื่อยกันหน่อยครับ