Rockstar Games ถือเป็นค่ายที่เหล่าเกมเมอร์ต่างมั่นใจทุกครั้งที่มีเกมออกมาใหม่ เพราะคุณภาพของเกมที่พวกเขาทำเอาไว้นั้นสูงลิ่วและทุ่มทุนไปในแต่ละเกมอย่างมหาศาล ถือเป็นค่ายที่ทุกคนพร้อมใจรอเกมออกแม้ว่าจะถูกเลื่อนหลายต่อหลายครั้งก็ตาม หรือต่อให้ไม่ได้สุดยอดขนาดนั้น มันก็ไม่ใช่เกมที่น่าเสียดายเงินเท่าใดนัก และหนึ่งในเกมที่ว่านั้นก็คือเกมสืบสวนน่าทึ่งอย่าง L.A. Noire นั่นเอง
สำหรับเหล่าเกมเมอร์ โดยปกติแล้วเราจะไม่ค่อยเห็นเกมที่เน้นไปในด้านการสืบสวนในสไตล์หนัง Hollywood กันเท่าใดนัก จะมีก็แต่เกมแบบ Point & Click ที่เน้นการเล่าเรื่องมากกว่า Gameplay กันเสียเยอะ ไม่ก็รูปแบบการสอบสวนนั้นจะไปแทรกอยู่ในเกมแนวสยองขวัญมากกว่า ซึ่งผู้เขียนเองก็เคยสงสัยว่า เราจะมีเกมที่เน้นการสืบสวนแบบเร้าใจ แต่มีการนำเสนอ Gameplay ที่เข้มข้นไปด้วยได้หรือไม่
ซึ่ง L.A. Noire ก็สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี
แถมยังเป็นผลงานพัฒนาร่วมกันระหว่างค่ายน้องใหม่ที่มีความตั้งใจอย่าง Team Bondi และ Rockstar Games อีกด้วย ทำให้เกมเมอร์ทั่วโลกต่างจับตาเกมนี้อย่างไม่วางตา
L.A.Noire เป็นเรื่องราวในช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งจบลงไป เราจะได้รับบทเป็น Cole Phelps อดีตทหารผ่านศึกในสงครามแปซิฟิก ที่กลับมายังเมืองลอสแองเจลิสและรับหน้าที่เป็นตำรวจในหน่วยลาดตระเวน หลังจากการไขคดีฆาตกรรมครั้งหนึ่งได้สำเร็จ ก็ได้รับการเลื่อนขั้นไปเป็นตำรวจในแผนกอื่น ๆ เช่นหน่วยสืบสวน คดีฆาตกรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย และเข้าไปข้องเกี่ยวกับคดีใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล
ซึ่งเมื่อเรามาดูพลอตเรื่องของเกมเราจะเห็นได้ว่านี่เป็นเรื่องราวที่แทบไม่เคยมีใครทำมาก่อนในวงการวิดีโอเกม
จริงอยู่ที่ภาพยนตร์สไตล์สืบสวนสอบสวนแบบย้อนยุคนั้นจะมีให้เห็นกันเกลื่อน แต่ในวงการเกมเราแทบไม่เคยเห็นเกมที่มีธีมแบบนี้มาก่อน และหลังจากเปิดตัวไป ทาง Rockstar และ Team Bondi ก็นำเสนอเกมการเล่นในส่วนของการสืบสวนแบบจัดเต็มและน่าสนใจอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครหลายคนจะเฝ้ารอเกมนี้ในช่วงนั้น
และที่สำคัญคือความทะเยอทะยานของทาง Team Bondi ผู้สร้างเกมเอง ที่ยอมทุ่มเงินในส่วนของการทำ Motion Capture และ Motion Scan ไปมากมายระดับหลายล้านเหรียญ เพื่อให้การแสดงสีหน้าและท่าทางต่าง ๆ ของตัวละครออกมาดูดีที่สุด และผลที่ได้ออกมานั้นน่าทึ่งจริง ๆ เหล่าตัวละครในเกมทั้งหมดมีท่าทางและการขยับของใบหน้าที่สมจริงแบบที่ไม่เคยมีเกมไหนเคยทำมาก่อน แม้ของเหล่านี้จะเป็นเหมือนเรื่องปกติไปแล้วในเกมยุคนี้ แต่สมัยปี 2011 นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากจริง ๆ
และแน่นอนว่าด้วยการที่ตัวเกมเป็นเกมแนวสอบสวน ทางผู้พัฒนาจึงใส่ใจในจุดนี้อย่างมาก
ผู้เล่นจะได้ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ เก็บรวบรวมหลักฐาน และซักถามพยานหรือผู้ต้องหาในสไตล์ที่ดุเดือดอย่างมาก ด้วยใช้ตัวเลือกการถามตอบที่มีอยู่สี่แบบและใช้หลักฐานเพื่อมัดตัวคนร้าย ซึ่งการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Motion Scan ที่ถ่ายเก็บรายละเอียดใบหน้าของนักแสดง ทำให้การแสดงอารมณ์นั้นเหมือนคนจริง ๆ ไม่ใช่หน้าตาแบบประดิษฐ์ที่เขียนด้วยมือแต่อย่างใด และการเลือกตัวเลือกในการพูดคุยสอบสวนนั้นก็ต้องพึ่งพาการสังเกตอาการของผู้ต้องหาให้ดีด้วย ซึ่งไม่เคยมีเกมไหนทำมาก่อน
และแน่นอนว่าเนื้อเรื่องของเกมเองก็เข้มข้นน่าติดตามไม่แพ้กัน ซึ่ง Phelps ตัวเอกของเราต้องมาเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ต้องหาที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวแล้ว ยังต้องมาปะทะคารมกับเหล่าคนรอบตัว และการมองหาเบาะแสที่นำพาไปสู่คดีใหญ่ได้อีก ซึ่งถือได้ว่าเป็นเกมแนวกึ่ง Open World ที่มีเนื้อเรื่องยอดเยี่ยมไม่แพ้เกมอื่น ๆ ของ Rockstar เลยทีเดียว
L.A. Noire ทำผลงานในด้านยอดขายและคะแนนวิจารณ์ไปได้ดีเยี่ยม ซึ่งยอดขายนับตั้งแต่วันที่วางจำหน่ายจนถึงปี 2012 นั้นทำไปได้สูงถึง 5 ล้านชุด และยังเป็นเกมขายดีติดอันดับของปี 2011 ซึ่งมาดีขนาดนี้ ทำให้หลายคนคาดเดาได้ว่าตัวเกมจะต้องมีภาคต่อหรือผลงานใหม่จากทา Team Bondi ออกมาอีกแน่นอน
แม้หนทางของเกมจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทาง Team Bondi กลับมีกระแสเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้นในบริษัทออกมาหลายอย่าง
เช่นการบังคับให้พนักงานทำงานอย่างหักโหมเกินกว่าวันละ 12 ชั่วโมง รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ถูกแฉโดยอดีตพนักงานที่เอาอีเมล์ที่ส่งกันภายในมาเปิดเผยถึงเรื่องเน่าเหม็นต่าง ๆ ของบริษัท และยังมีปัญหาขัดแย้งกับทาง Rockstar Games ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายอีกด้วย จนทำให้ในตอนนี้ทางบริษัทต้องถูกปิดและขายกิจการให้กับบริษัทอื่นไปในที่สุด
ปัจจุบันนี้ L.A. Noire เพิ่งถูกนำมาขายใหม่บนระบบ PS4, Xbox One และ Nintendo Switch ในปี 2017 และยังมีเวอร์ชั่น VR ที่โดนแฟนเกมด่ายับเพราะแทบไม่ได้เพิ่มอะไรใหม่แถมยังควบคุมยากอีกต่างหาก ส่วนภาคต่อของเกมนั้นทาง Take Two ก็เคยเปรยถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้อยู่ แต่ก็น่าจะยากเสียหน่อย เพราะที่เราทราบกันดีว่าตอนนี้ Rockstar มีโปรเจคการพัฒนาเกมจนล้นมืออยู่แล้วในตอนนี้ แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นภาคต่อของเกมนี้ออกมาให้เราได้เล่นกันอีกในอนาคตก็เป็นได้ครับ