Dark Souls เป็นเกมแอคชั่นสวมบทบาทในโลกโกธิคแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่อลังการและลือลั่นขึ้นชื่อในเรื่องของความยากโหดหินที่แม้แต่ลูกกระจ๊อกก็สามารถฆ่าผู้เล่นหน้าใหม่ให้ตายได้ภายในไม่กี่กระบวน แต่ด้วยความยากที่ต้องอาศัยฝีมือและชั้นเชิงนี้เองที่ทำให้ซีรีส์ Dark Souls เหมือนกลายเป็นเกมแนวใหม่หรือมาตรฐานใหม่สำหรับผู้ชื่นชอบความท้าทายเพราะความรู้สึกยามที่ทุ่มเทจนคว้าชัยชนะมาไว้ในมือได้มันช่างหอมหวานเกินจะห้ามใจ
หลังจากความรุ่งเรืองของ Dark Souls (โดยเฉพาะภาค 2) ก็ทำให้เกิดคำศัพท์เฉพาะในหมู่เกมเมอร์ซึ่งคำนั้นก็คือ Souls-like (หรือบางทีก็เรียก SoulsBorne เอา Bloodborne มารวมด้วย) เป็นคำที่ใช้นิยามเกมที่มีความยากและกดดันซึ่งต้องอาศัยฝีมือ โดยเกมแบบ Souls-like นั้นไม่จำกัดอยู่แค่เกมแอคชั่นมุมมองบุคคลที่สาม แต่อาจเป็นมุมมองไหนก็ได้
วันนี้จะขอพูดถึงเกมแบบ Souls-like บางส่วน แต่ขอจำกัดไว้สำหรับเกมแอคชั่นมุมมองบุคคลที่สามเท่านั้น
เกมที่วางจำหน่ายแล้ว
The Surge
The Surge เป็นเกมแอคชั่นสวมบทบาทธีมไซไฟในโลกอนาคตแบบ Dystopian ซึ่งมนุษย์ได้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติลงจนแทบไม่มีเหลือและบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอำนาจและทุนมหาศาลที่ชื่อว่า CREO ก็พยายามพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ออกมาเพื่อกอบกู้สถานการณ์และมนุษยชาติเอาไว้
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Warren ที่เข้ามาสมัครงานกับ CREO เป็นวันแรกและต้องติดตั้งระบบชุดเกราะ Exoskeleton (เนื่องจาก Warren เป็นผู้พิการที่ต้องรถเข็นตลอดเวลา) แต่เกิดเหตุผิดปกติทำให้เขาถูกผ่าตัดเจาะกระดูกโดยที่ยังมีสติอย่างเจ็บปวด เมื่อตื่นขึ้นมา Warren ก็พบกับหุ่นยนต์ระบบรวนและผู้คนที่คลุ้มคลั่ง เขาจึงต้องจับอาวุธขึ้นต่อสู้เพื่อหาทางเอาตัวรอดออกจากสถานการณ์อันเลวร้ายที่ไม่รู้สาเหตุนี้
The Surge มีความแตกต่างกับ Dark Souls ไม่ใช่แค่ในเชิงธีมและเนื้อหา แต่ระบบการพัฒนาตัวละครก็แตกต่างกันอย่างมากเพราะ The Surge ไม่มีค่า Stat สไตล์เกมสวมบทบาทและใช้การอัพเกรด Exoskeleton กับชุดเกราะและการติดตั้ง Implant สำหรับการพัฒนาและปรับแต่งตัวละคร ระบบการต่อสู้ก็มีองค์ประกอบที่ต่างกันหลายอย่างแต่กลับให้อารมณ์ที่ยากและท้าทายได้ไม่แพ้กัน
The Surge มีอาวุธอยู่ด้วยกันหลายประเภท โดยแต่ละประเภทก็จะมีข้อดีข้อเสีย สไตล์ และท่าคอมโบแตกต่างกันไป Warren จะมีค่า Health (พลังชีวิต) และ Stamina (พละกำลัง) เช่นเดียวกับใน Dark Souls และการต่อสู้จะต้องใช้การป้องกันและหลบอย่างมีชั้นเชิงเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ The Surge จะมีค่า Energy (พลังงาน) ที่จะเริ่มต้นจาก 0 และค่อย ๆ สะสมจากการโจมตีใส่ศัตรูในแต่ละครั้ง โดยค่า Energy มีไว้สำหรับใช้ท่าหรือความสามารถพิเศษต่าง ๆ แล้วแต่ว่าติดตั้ง Implant อะไรเอาไว้บ้าง
ลูกเล่นพิเศษในการต่อสู้ของ The Surge คือการเล็งโจมตีเฉพาะส่วนของร่างกายแล้วตัดชิ้นส่วนนั้นเพื่อเป็นการปิดเกม ไม่เพียงจะได้เห็นฉากแบบสโลว์โมชั่นที่ได้อารมณ์เท่านั้น แต่ผลตอบแทนก็คุ้มค่าเช่นกันเพราะเมื่อตัดชิ้นส่วนมาแล้ว ผู้เล่นจะได้แบบแปลนสำหรับสร้างเกราะของศัตรูชนิดนั้น รวมถึงได้ส่วนประกอบสำหรับสร้างหรืออัพเกรดเกราะด้วย
เดิมทีผู้เขียนก็สนใจ The Surge อยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อมาเล่นจนได้ยินเพื่อนพูดถึงอีกครั้งก็เลยหามาเล่นในที่สุดและก็ไม่ผิดหวังเลยเพราะมันได้อารมณ์ Souls-like ชนิดที่ว่าเล่นจบแล้วยังไม่หายมัน ต้องรีบไปเล่น DS3 ต่อกันเลยทีเดียว
The Surge 2 ซึ่งมีเนื้อหาให้หลังจากภาคแรกไปไม่นาน (แต่ไม่เกี่ยวกันโดยตรง) กำลังจะวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้
Nioh
Nioh เป็นเกมแอคชั่นสวมบทบาทแฟนตาซีในอารมณ์แบบญี่ปุ่นในยุคล่าอาณานิคมที่ยังคงเต็มไปด้วยทวยเทพและปีศาจ มีสงครามแก่งแย่งชิงศิลาที่ชื่อว่า Amrita (คำว่า อมฤต ในภาษาสันสกฤต) ซึ่งเป็นอีกชื่อของศิลานักปราชญ์
ผู้เล่นจะได้รับบทบาทเป็น William Adams อดีตนักรบรับจ้างที่มีเทพประจำตัวซึ่งมีความสามารถพิเศษในการค้นหา Amrita และเมื่อเทพประจำตัวถูกจับไปก็เดินทางออกตามหาเพื่อเอาเทพประจำตัวที่เป็นเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กกลับคืนมา
William Adams เดินทางดั้นด้นมาจนถึงประเทศญี่ปุ่นและได้เข้าร่วมกับตระกูลโทคุงาว่าเพื่อหวังตามหาเทพประจำตัว โดยในระหว่างทางต้องต่อสู้ทั้งกับมนุษย์ ยักษ์ ปีศาจตามตำนานญี่ปุ่น รวมไปถึงนักรบในประวัติศาสตร์หลายคน
สไตล์การต่อสู้ของ Nioh มีความใกล้เคียงกับ Dark Souls ในแง่ของการควบคุมหลักคือมี Stamina จำกัดและต้องใช้ทั้งการป้องกันและการหลบ สิ่งที่ต่างออกไปคือ Nioh มีการต่อสู้ที่รวดเร็วคล่องตัวกว่าและมีการตั้งท่าโจมตี 3 แบบคือสูง กลาง ต่ำ การตั้งท่าแบบสูงจะมีความรุนแรงแต่เชื่องช้า กลางจะสมดุล และต่ำจะเบาแต่รวดเร็ว อาวุธที่ใช้ก็มีความแตกต่างกันและมีการเรียนสกิลเฉพาะอาวุธได้ด้วย (มีการพัฒนาตัวละครด้วยค่า Stat เหมือน Dark Souls)
แต่ถึง Nioh จะมีระบบการพัฒนาตัวละครและการต่อสู้ในภาพรวมคล้าย Dark Souls ก็อย่าเข้าใจผิดว่าจะเหมือนกันไปซะหมด เพราะ Nioh ไม่ใช่เกมที่เหมาะจะแสดงความเก่งแบบถือดาบไม้นุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียววิ่งปราบบอสทั้งเกมได้โดยอาศัยแค่ฝีมือ เพราะผู้เล่นต้องอัพเกรดอาวุธและชุดเกราะ หรือต้องใช้คาถาองเมียวจิเพิ่มพลังโจมตีเพื่อให้สามารถเอาชนะศัตรูระดับบอสในเกมได้ (ถ้าจะเล่นแบบไม่ถูกโจมตีเลยอย่างน้อยก็ต้องอัพเกรดอาวุธ)
ด้วยระบบที่เหมือนบังคับให้ต้องพึ่งพาการอัพเกรดหรือคาถานี่เองที่ทำให้แฟนเกม Dark Souls จำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่ค่อยชอบ Nioh สักเท่าไรเพราะเล่นไปเจอบอสยาก ๆ แล้วไม่ผ่านสักที และพอรู้ว่าต้องอัพเกรดอาวุธหรือใช้คาถาก็พาลมองว่าไม่ใช่เกมแบบ Souls-like ไปโดยปริยาย แต่ถึงอย่างนั้นในความเป็นจริง Nioh ก็ยังคงเป็นเกมแอคชั่นที่เล่นได้สนุกท้าทายและต้องอาศัยฝีมือไม่ต่างจากเกมแบบ Souls-like อื่น ๆ
ขณะนี้ Nioh 2 กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา
OmniFootman
OmniFootman เป็นเกมเล็กนอกกระแสที่ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนเกมแอคชั่นกาก ๆ ภาพห่วย ๆ กับเสียงประกอบที่ขาด ๆ เกิน ๆ จนดูออกได้ไม่ยากว่าเป็นเกมทุนต่ำ แต่ภายใต้การนำเสนอที่ดูหยาบนี้กลับแฝงไว้ด้วยความเจ๋งที่คาดไม่ถึง
เกม OmniFootman เป็นเกมแอคชั่นแบบ Rogue-like (ลุยดันเจี้ยนแบบสุ่ม) ที่ผู้เล่นจะได้ออกผจญภัยในฉากที่สร้างขึ้นแบบสุ่มเพื่อสู้กับศัตรูด้วยระบบการต่อสู้ที่คล้ายกับ Dark Souls คือมีแถบพลัง Stamina และต้องใช้การป้องกันหรือการหลบ
ในช่วงแรกอาจจะดูเหมือนเกมที่ไม่มีลูกเล่นอะไร แค่มีการสุ่มฉากแล้วเดินฟันศัตรูที่มีอยู่ไม่กี่แบบแล้วก็ไม่เห็นมีความยากหรือท้าทายตรงไหน แต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะได้พบว่าฉากไม่ได้มีแค่สุ่มอย่างเดียว แต่มีการเปลี่ยนสถานที่กับสภาพแวดล้อม มีศัตรูที่หลากหลายและบอสสุดโหด และตัวเอกสามารถเปลี่ยนอาวุธและไอเท็มได้อีกหลายอย่าง เรียกได้ว่าเป็นเกมที่ดูเรียบง่ายแต่เล่นได้สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนี้ ในบรรดาเกมที่กล่าวมาทั้งหมด OmniFootman ยังเป็นเกมที่มีระบบการต่อสู้พื้นฐานใกล้เคียงกับ Dark Souls มากที่สุดอีกด้วย
เกมที่ยังไม่วางจำหน่าย
CODE VEIN
CODE VEIN เป็นเกมแอคชั่นสวมบทบาทในธีมแวมไพร์แบบ Dystopian ซึ่งมีสไตล์ศิลป์คล้าย Tokyo Ghoul เปิดตัวครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2017 โดยผู้พัฒนาอ้างว่าระบบการต่อสู้ของเกมนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก Dark Souls หลังจากนั้น CODE VEIN ก็กลายเป็นที่กล่าวขวัญในหมู่เกมเมอร์ซึ่งต่างก็ไฮป์ไปตาม ๆ กัน
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข่าวเกี่ยวกับ CODE VEIN เผยแพร่ออกมาไม่บ่อยและไม่เยอะมากนัก โดยมีผู้เล่นบางส่วนมีโอกาสได้ลองเล่นเกมเดโมในงานต่าง ๆ รวมถึงในการทดสอบ Closed Beta ซึ่งในภาพรวมถึงว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีทั้งในส่วนของกราฟิกและความสามารถของตัวละคร แต่ก็ยังมีหลายคนกังขาว่า “มันจะให้อารมณ์แบบ Souls-like ได้จริงหรือ” เพราะระบบการต่อสู้ยังดูไม่เด่นชัดขนาดนั้น
CODE VEIN มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนกันยายน 2019 (หลังจากเลื่อนมา 1 ปี) ซึ่งได้แต่หวังว่า Bandai Namco จะไม่ทำให้ผู้เล่นสาย Souls-like ต้องผิดหวัง
Hellpoint
Hellpoint เป็นเกมแอคชั่นสวมบทบาทในธีมดาร์คไซไฟของทีมพัฒนาอินดี้เล็ก ๆ ที่ประสบความสำเร็จจากการระดมทุนผ่าน Kickstarter ด้วยยอดเงินกว่า 63,000 เหรียญแคนาดา (เป้าที่ตั้งไว้คือ 50,000)
Hellpoint นำเสนองานศิลป์ที่เหมือนผสมผสานสไตล์ของ Dead Space และ Hellgate: London เข้าไว้ด้วยกัน โดยเป็นเรื่องราวในอนาคตอันไกลหลังจากเกิดขึ้นหายนะครั้งใหญ่ที่ทำให้คนคลุ้มคลั่งและกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้าย
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นตัวละครนิรนามที่ตื่นขึ้นมาบนสถานีอวกาศ Irid Novo (สุ่มโครงสร้างทุกครั้งที่เริ่มเกมใหม่) ซึ่งโคจรอยู่รอบหลุมดำขนาดมหึมา ในระหว่างเล่นเกมสถานีจะโคจรไปรอบหลุมดำตามเวลาจริงและตำแหน่งของสถานีจะส่งผลต่อระดับความคลุ้มคลั่งของตัวละครต่าง ๆ ในเกมรวมถึงทำให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ และถึงแม้เกมจะมีเป้าหมายชัดเจนว่าตัวเอกต้องไปทำอะไรแต่เจตจำนงของตัวละครนี้จะขึ้นกับทางเลือกของผู้เล่นซึ่งจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องอย่างยิ่ง
แม้จะยังไม่มีภาพหรือวิดีโอให้ดูมากนัก แต่ระบบการเล่นและการควบคุมดูมีความใกล้เคียงกับ Dark Souls และถึงจะอยู่ในยุคอนาคตแต่อาวุธส่วนใหญ่จะเป็นอาวุธแบบดั้งเดิม เช่น ดาบ โล่ ขวาน เป็นต้น
สถานะปัจจุบันของ Hellpoint ยังอยู่ในช่วงต้นของขั้นเบต้าและมีกำหนดวางจำหน่ายคร่าว ๆ ไว้ในช่วงต้นปี 2020 ได้แค่หวังว่าจะกลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างมีคุณภาพและวางจำหน่ายได้ในเร็ววัน