BY Aisoon Srikum
23 Feb 24 11:00 am

รีวิว Suicide Squad: Kill the Justice League อยากเป็นทุกอย่าง แต่ไม่ดีสักอย่าง

942 Views

Story

เหตุการณ์ทั้งหมดในเกมนี้ เกิดขึน้ในจักรวาลเดียวกันกับ Batman: Arkham โดยเป็นเหตุการณ์ 5 ปีหลังจากเนื้อหาในเกมภาค Arkham Knight คราวนี้มหานคร Metropolis ถูก Brainiac โจมตี เหล่าฮีโร่ถูกล้างสมองและกลายไปเป็นคนชั่ว งานนี้ Amanda Waller หัวหน้าทีม A.R.G.U.S. จึงเข้าไปยังคุก Arkham Asylum ดึงเอา 4 ตัวแสบที่ประกอบไปด้วย Floyd Lawton หรือ Dead Shot, Harley Quinn, Captain Boomerang และฉลามอีกหนึ่งตัวอย่าง King Shark มาก่อตั้งทีมเฉพาะกิจในชื่อ Task Force X โดยฉีดไมโครบอมบ์เข้าไปที่คอของพวกเขาทั้ง 4 เพื่อเป็นการบังคับให้เข้าไปทำภารกิจเสี่ยงตายครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อันเป็นที่มาของชื่อ Suicide Squad

ด้วยความที่โลกรู้จัก Suicide Squad มาก่อนแล้วในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาค แต่สิ่งที่ต้องยอมรับเลยก็คือ ในเวอร์ชั่นเกมนั้น ภาพจำใบหน้าตัวละครของหนังกับเกม ไม่ได้ทับซ้อนกันจนเกิดปัญหาแบบที่ Marvel’s Avengers เคยเป็น และเนื้อเรื่องนี่แหละ ที่ดูจะเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับแฟนเกมจำนวนมาก อย่างที่บอกว่าจะนับมันเป็นเหตุการณ์ภาคต่อของ Arkham Knight ก็ได้ แต่อยู่ดี ๆ ก็หักมุมจนเสียหลัก ให้เหล่าฮีโร่กลายเป็นผู้ร้าย และทำให้ผู้ร้ายกลายเป็นฮีโร่จำเป็นกันไปแบบงง ๆ เอาแค่นี้ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครหลายคนไม่ชอบได้แล้ว แต่ส่วนตัวนั้น เรารู้สึกว่าทีมพัฒนาเกมก็ใจถึงดีเหมือนกัน แถมยังนำเสนอเรื่องราวของเหล่าทีม Suicide Squad ออกมาได้สมกับที่เป็นทีมนี้ดี มีความจิกกัด มีการแซะกัน ตีกันเสมอ มันไม่ใช่ทีมฮีโร่ที่มีแต่ความสามัคคี จะมีบางช่วงที่วิวาทกันบ้าง แม้หน้าที่ของทีมนี้จะเป็นการช่วยโลก แต่การกระทำบางอย่างของสมาชิกในทีมนี้ เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

1

ในขณะที่ตัวละครบางตัวอย่าง Amanda Waller หรือ Rick Flag ที่จะมีภาพจำที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นภาพยนตร์ โดยเฉพาะ Amanda Waller ที่ต้องบอกว่าเป็นตัวละครที่น่าเกรงขามมากและเลวบริสุทธิ์ดีจริง ๆ แม้ไม่มีพลังพิเศษใด ๆ ก็ตาม รวมไปถึงเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ในคราบวายร้ายที่โดนคุมสมอง ก็แสดงให้เห็นว่า หากวันหนึ่งเหล่าฮีโร่ เกิดเป็นปรปักษ์กับโลกขึ้นมาจริง ๆ มันจะรับมือได้ยากแค่ไหน นอกจากนั้นตัวเกมยังมีความพยายามจะเล่าประเด็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะพล็อตยอดฮิตอย่าง Multiverse ที่เกมนี้ก็เอากับเขาด้วย

ถ้าตัดเรื่องความไม่พอใจที่เป็นเรื่องเฉพาะแต่ละคนออก ผมว่ามันเป็นการทำเนื้อเรื่องออกมาได้ดีมาก น่าตื่นเต้น ระทึก ชวนติดตาม และลุ้นว่าพวก 4 วายร้ายที่เอาฮาเป็นว่าเล่น จะไปจัดการกับฮีโร่ที่มีแต่พลังเหนือมนุษย์ได้ยังไง แถมระหว่างทาง หรือ Sub Plot ต่าง ๆ ก็ทำได้ดีซะด้วย ถ้ามีการแบ่งเสียงออกเป็นชอบกับไม่ชอบ ผมจะอยู่ฝั่งชอบซะมากกว่า และส่วนของเนื้อเรื่อง มันน่าจะเป็นส่วนที่ดีที่สุดของเกมนี้แล้ว เพราะที่เหลือมันก็จะแต่ความมึน และความมิกซ์ไปทั่ว มั่วไปหมด แต่ดันไม่ลงตัวซักอย่าง เอาล่ะ เข้าสู่หัวข้อถัดไปกัน

Presentation

Suicide Squad: Kill the Justice League มีความ “พยายาม” อย่างมากที่จะเป็นมันหลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ ด้านในเกมเกมเดียว มันอยากจะเป็นทั้งเกม Action Open World อยากจะเป็น Hero Shooter อยากจะเป็น Loot Shoot อยากจะเป็นเกม Live Services อยากจะเป็นเกม AAA High Quality อยากจะนำเสนอเนื้อเรื่องเข้ม ๆ และถ้าคุณคิดว่าพอมันอยากจะเป็นทุกอย่างแล้วมันแย่ ผมก็บอกได้แค่ว่า มันพอประมาณ มันมีทั้งส่วนที่ดีและแย่ปน ๆ กันไปในอัตราส่วนที่เท่า ๆ กัน

เอาเรื่องที่น่าจะเป็นประเด็นหลักก่อน ความเป็น Live Services หรือการที่มันเป็นเกมออนไลน์ที่หลายคนอาจจะลังเลหรือไม่ชอบเกมแนวนี้ แต่ผมว่าเขาทำออกมาในรูปแบบที่พอดี ๆ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ในแต่ละวัน เราสามารถเข้าเกมไปรับกล่องสุ่มฟรี ๆ ได้ โดยกล่องสุ่มก็จะเป็นพวกไอเทมเกรดต่าง ๆ ในเกม เหมือนกับเกม RPG ทั่วไป นอกจากนั้นยังมี Daily Contract หรือถ้าอธิบายแบบเข้าใจง่ายก็คือภารกิจรายวัน แต่เราสามารถรับมาทำได้หลายภารกิจ และส่วนมากก็เป็นภารกิจง่าย ๆ ถ้าเรากดเข้าเกม ยังไงก็ทำเสร็จง่าย ๆ อยู่แล้ว และยังมีกล่องสุ่มรายวันให้ฟรี ๆ ด้วย แต่ไม่รับก็ไม่เสียหาย เอาง่าย ๆ ระบบ Live Services เกมนี้ มันไปไม่ค่อยจะสุดเท่าไร เล่นไปเล่นมาก็รู้สึกว่า มันทำเป็นเกม Single Player ปกติทั่วไปได้ ไม่รู้จะทำให้มันออนไลน์ไปทำไม

ตัวละครในเกมที่มีทั้งหมด 4 ตัวคือ Deadshot /Harley Quinn / King Shark / Captain Boomerang ตามแบบฉบับ Hero Shooter ทั้ง 4 ตัวนี้ เราสามารถสลับสับเปลี่ยนไปเล่นตัวไหนก็ได้ ขอแค่ไม่อยู่ในช่วงเวลาการต่อสู้หรือภารกิจสำคัญ โดยแต่ละตัวจะมีสกิลและความสามารถ รวมไปถึง Movement ในการเคลื่อนที่และ Skill Tree ที่ต่างกันไปในแต่ละตัวด้วย แต่พอเล่นจริง ๆ แล้ว เราจะรู้สึกถึงความแตกต่างของมันน้อยมาก ๆ เพราะท้ายที่สุดมันก็คือเกมยิงนั่นแหละ น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นตัวละครทำท่าทางพิเศษในแบบฉบับของตัวเอง เลยทำให้ความรู้สึกของ Hero Shooter ก็ไม่เข้าขั้นเช่นกัน เพราะทุกตัวยังคงมีอาวุธหลักเป็นอาวุธปืนเหมือนกันหมด

3

โลก Open World ของ Metropolis ในเกมนี้ก็ถือว่าสวยงาม แต่ส่วนตัวผมว่ามันขาดชีวิตชีวาไปหน่อย คือเมืองมันดูสวยงาม ดูดีมาก แต่นอกจากพวกมอนสเตอร์แล้วมันไม่มีอะไรเลย ถึงจะพอเข้าใจได้ว่าก็ทั่งเมืองมันโดน Brainiac ล้างบางไปหมดแล้ว แต่ถ้าดีไวฯ์ดี ๆ มันน่าจะทำให้โลกมีชีวิตชีวากว่านี้ เช่นเหลือประชาชนรอดชีวิต ดีไซน์ภารกิจให้เราเข้าไปช่วยอะไรพวกนี้ นี่ทั้งเมืองแทบไม่มีอะไรเลย เหมือนพื้นที่ให้เราไปเดินเล่นเฉย ๆ เท่านั้นยังไม่พอ มันยังมาพร้อมกับดีไซน์ภารกิจสุดน่าเบื่อ ที่เราจะเอาไว้พูดกันในช่วงเกมเพลย์

ส่วนที่ต้องชมและผมค่อนข้างชอบ น่าจะเป็นเรื่องของแอนิเมชั่น รวมไปถึงการออกแบบและดีไซน์ตัวละครในเกมนี้ ใบหน้า ท่าการ คำพูดคำจา มันมีชีวิตชีวา เหมือนตัวละครจริง ๆ มาก ล่าสุดที่ผมเล่นแล้วชอบส่วนนี้ก็น่าจะ Dead Island 2 โน่นเลย อย่างน้อยมันก็ทำให้คัทซีนสนุกและเพลินมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงฉากแอ็คชั่นทั้งหลายที่ใส่มาทั้งจากเกมเพลย์และคัทซีนก็สนุกพอจะทำให้เรารู้สึกว่าไม่อยากกดข้าม พอมันผสมผสานกับเนื้อเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ตรงนี้เลยช่วยอุดจุดอ่อนให้มันแข็งมากยิ่งขึ้น แต่ถึงมันจะทำอนิเมชั่นได้ดี ข้อเสียใหญ่หลวงของเกมนี้คือบอสไฟท์สุดอลังการกับพวกฮีโร่ คือตอนสู้กันมันอลังการดาวล้านดวงมาก เรียกได้ว่าคอมพิวเตอร์ใครไม่แรงพอ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ภาพรวมของทั้งเกม มันทำให้เรารู้สึกว่า จะเล่นออนไลน์ได้ไปทำไม การเล่นกับเพื่อนนี่ก็หาคนเล่นแทบไม่เจอ เพราะยอดผู้เล่นมันก็ไม่ได้สูงขนาดนั้น แต่โชคดีที่คอนเทนต์หลัก ๆ ทั้งหมดของเกม มันสามารถเล่นได้ จบได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคนมาช่วยอะไร แต่ในทางกลับกัน มันก็ยิ่งเป็นข้อสงสัยว่า แล้วทีมงานจะทำระบบออนไลน์ Live Services ขึ้นมาทำไมกันแน่ ? ยิ่งถ้าเกิดเน็ตกาก เซิร์ฟเวอร์ไม่ดีก็มีโอกาสล่มสูง แถมโหมดที่มันต้องการคนออนไลน์มาเล่นด้วยจริง ๆ ก็แทบไม่มีเลยในตอนนี้ ทุกอย่างพึ่งตัวเองได้แทบทั้งสิ้น และพวกคอสเมติค หรือสกินในเกม ก็ไม่ได้เพิ่มโบนัสอะไรนอกจากความสวยงาม แหงล่ะ ถ้ายังบวกอะไรเพิ่มอีก ก็น่าจะทัวร์ลงหนักกว่านี้สำหรับเกมนี้

ด้านเนื้อเรื่องของเกมนี้ ถือว่ามีความยาวแบบคุ้มราคา ถ้าคุณชอบ โดยเอาแค่เนื้อเรื่องหลัก ถ้าแบ่งเวลาไปฟาร์มบ้าง เพื่อให้ไอเทมแกร่งพอจะลุยโหมดเนื้อเรื่องได้ มันก็ใช้เวลาอยู่ที่ราว ๆ 15-20 ชั่วโมง ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานของเกมยุคนี้ เพียงแต่ความ Flow และ Pacing ของเกมนี้ อาจจะพูดได้ลำบากซะหน่อยว่ามันคือความคุ้มค่าและเป็นเกมที่ดี แถมในเกมตอนนี้ก็พยายามจะขายความเป็นเกมออนไลน์ ยังดีที่ยอมตัดระบบ Battle Pass ออกไป แต่ตอนนี้ก็มีข่าวว่า ตัวเกมมันยังไม่จบลง เพราะในอนาคต จะมีการอัปเดตซีซั่นใหม่ ๆ เนื้อหาใหม่ ๆ เข้ามาอีก Joker เนี่ย เราจะได้เห็นแน่ ๆ คำถามคือ กว่าจะถึงตอนนั้น ยอดคนเล่นมันจะยังเหลืออยู่ไหม และใครอยากที่จะเล่นในโหมดออนไลน์บ้าง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เล่นคนเดียวก็ได้ ไม่เห็นมีปัญหา แถมระบบออนไลน์มันดูไม่ช่วยอะไร หรือไม่มีแรงบันดาลใจให้เราเล่นเท่าไรเลยจริง ๆ

Gameplay

5

นับตั้งแต่การได้จับเกมนี้ครั้งแรก สองตัวละครที่ผมโปรดปรานที่สุดคือ Kingshark และ Deadshot ถ้าถามว่าทำไมการเลือกตัวละครมันส่งผลกับการเล่นอะไรขนาดนั้น ต้องบอกว่ามันส่งผลตั้งแต่เรื่องของการเดินทางภายในเกม

เอาอย่างแรกก่อนเลย นี่คือเกม Open World ที่ไม่มีระบบ Fast Travel มึนมาก มีแค่วาร์ปกลับไปยังฐาน Hall of Justice ที่กว่าจะได้ระบบนี้มาก็ล่อเข้าไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่โลกของเกมนี้มันก็ไม่ได้เล็ก ๆ การเดินทางจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลาการเดินทางพอสมควร แต่เกมกลับไม่มี Fast Travel ให้ซะงั้น เดาว่าเพราะเขาคิดว่า Movement ตัวละครเกมนี้มันเดินทางได้เร็วอยู่แล้ว ทั้ง Deadshot และ Kingshark แถมช่วงแรกที่เราได้สัมผัส Movement อันลื่นไหลของตัวเกม มันก็สนุกมาก ๆ ซะด้วย แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ เราจะเริ่มเบื่อ และเริ่มมองหาว่าตัวเกมมีระบบ Fast Travel หรือเปล่า ก่อนจะพบว่า มันไม่มี ทำให้การเดินทางของเกมนี้ ต้องใช้ตัวละครเดินหน้าลุยไปเท่านั้น และตัวละครที่ทำให้การเดินทางไปมาของโลกในเกม และตัวที่ทำได้ดีก็คือ Deadshot กับ Kingshark นี่ล่ะ

ในแง่ความเป็น Open World ก็บอกได้เลยว่ามันแทบไม่มีอะไรเลย แม้จะดีไซน์ตัวเมืองมาสวยงาม มีรายละเอียดเยอะมาก แต่ในด้านความสัมพันธ์กับเกมเพลย์คงบอกได้แค่ว่ามันกลวงและว่างเปล่ามาก ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากพวกศัตรูให้เราไปตบเล่น แถมเกิดใหม่เรื่อย ๆ เพื่อให้เราฟาร์มได้อย่างไม่จำกัด ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน คุณจะแวะกี่ทีเพื่อยิงศัตรูเล่นจนหมดกองทัพก็ทำได้ เห็นแล้วก็เสียดายที่เขาทำเมืองมาซะสวย แต่ใช้งาน ใช้ประโยชน์อะไรได้น้อยมากจริง ๆ ส่วนของความเป็นเกม RPG อันนี้บอกเลยว่า มาเต็ม มาเยอะ จนผมรู้สึกว่ามันเยอะไปหมด แถมไร้ประโยชน์ชะมัดเลย เมื่อเราเปิดหน้าจอตัวละครขึ้นมา เราจะพบเห็นกับหน้าต่างรายละเอียดที่เต็มจอไปหมด พลังโจมตี พลังป้องกัน พลังชีวิต คริติคอล ธาตุ เยอะแยะมากมาย แต่พอเราไปเล่นจริงมันกลับกลายเป็นว่า… แทบจะไม่ต้องให้ความสำคัญอะไรกับมันเลย

นี่คือเกม Action RPG ทั่วไปซะอย่างนั้น มันไม่ได้ต้องการความลึก ความยากอะไรเลย ท้ายที่สุดแล้ววิธ๊การเอาชนะศัตรูคือการยิงถล่มศัตรูมันเข้าไปเรื่อย ๆ ศัตรูก็จะไม่ต่างอะไรกับพวกฟองน้ำดูดกระสุน ที่เราโหมยิงเข้าไปเรื่อย ๆ มันก็ตายอยู่ดี เกรดสีไอเทม ออปชั่นเสริมต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามา มันทำให้รู้สึกว่าไม่มีค่าอะไรเลย สิ่งเดียวที่เราควรหามาใส่ให้ดีขึ้น คืออุปกรณ์เกรดสีที่สูงขึ้น ที่เกมนี้น่าจะเป็นระดับสีชมพู หรือเอาให้ง่ายกว่านั้น คือใส่อะไรก็ได้ ถ้าเอาเมาส์ไปวางเทียบแล้ว มันขึ้นเป็นลูกศรชี้ขึ้นสีเขียว เพราะหมายความตรงตัวได้ว่า ทำดาเมจได้ดีกว่า ส่วนออปชั่นเสริมต่าง ๆ นั้น ไม่ใช่ว่ามันไม่ส่งผล แต่ในช่วงเวลาการเล่นเกมจริง ๆ มันเห็นผลได้น้อยมาก ๆ และเมื่อนำไปต่อสู้จริง แม้ว่าผมจะสนุกกับฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ แต่ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือ มันมั่วมาก สปีดในเกมมันเร็วสูงซะจนผมนึกภาพไม่ออกว่าจอยเขาเล่นกันไหวได้ยังไง โอเค ผมอาจจะกากเรื่องการใช้จอยเอง แต่กับเกมนี้ สปีดการควบคุม การต่อสู้มันสูงกว่าเกมทั่วไปพอสมควร นี่ยังไม่รวมเรื่อง Movement ตัวละครที่ไม่เหมือนกันด้วย สู้แต่ละที คือเกิดอะไรไม่รู้เต็มจอ มั่วไปหมด

และจะบอกว่ามันเป็น Loot & Shoot ก็ไม่ได้อีก เพราะการยิงถล่มฝูงศัตรู มันไม่ได้ดรอปอาวุธให้เรา แต่เมื่อเรารับภารกิจมาแล้วทำจบ เราจะได้รับไอเทมคล้าย ๆ กล่องสุ่ม ที่จะสุ่มอาวุธหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เราตามตัวละครที่เราหยิบมาเล่น ตัวละครของเราจะติดตั้งอาวุธได้สองแบบ มี Shield Core ที่เป็นเกราะรับดาเมจ และไอเทมจำพวกระเบิดกับไอเทมโจมตีระยะประชิด หนึ่งตัวละครติดตั้งไอเทมได้หลายชิ้นมาก แต่สุดท้ายแล้วมันจะวนกลับไปที่ว่า ไม่จำเป็นเลยสักอย่าง เพราะมันเกมไม่ได้ทำให้เราเห็นคุณค่าของรายละเอียดปลีกย่อยอะไรเลย สิ่งที่เกมนี้ทำก็แค่ให้เราหาของที่ดีกว่า ที่ดูได้จากลูกศรชี้ขึ้นมาใส่ ซึ่งมันเหมือนระบบทำลายตัวเองอย่างหนึ่ง ก็คือจะดีไซน์ไอเทมให้มีรายละเอียดเยอะแยะไปทำไม ในเมื่อสุดท้ายเราก็ดูแค่ไม่กี่สเตตัส แล้วจะบอกว่า ในระดับสูง หรือการต่อสู้ระดับยาก มันอาจจะต้องใช้ไอเทมระดับที่สูงขึ้น แต่จากที่ลองเล่นตั้งแต่ต้นจนจบเกม ด้วยความยากระดับ Normal มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรเลย ดีไม่ดีจะใช้สีเขียว สีฟ้ายันจบเกมเลยก็ได้ ถ้าทนไหว สรุปคือ จะเป็น Loot & Shoot มันก็ดันทำได้ไม่ถึงเสี้ยวของ Borderlands ด้วยซ้ำ

Skill Tree ของเกมนี้ 1 ตัวจะมีทั้งหมด 3 แผง แต่ละแผงแม้จะมีการเสริมความสามารถที่ชัดเจนว่าจะทำให้ตัวละครเก่งในด้านไหน แต่ที่งงก็คือสุดท้าย เราก็จะได้แต้มของทุก ๆ สายมาใช้งาน เราแค่ต้องเลือก 1 สกิลจากแต่ละสีเท่านั้น ก็ยิ่งงงเข้าไปอีกว่าแล้วจะแตกไลน์สกิลให้มันยุ่งยากมากมายไปทำไม เพราะมันเหมือนกับระบบ RPG

และที่หนักยิ่งกว่าอะไรในเกมนี้ คือเรื่องของ Mission Design หรือการออกแบบภารกิจ ที่เรียกได้ว่าตลอด 35 ชั่วโมงของเกมเพลย์การเล่นนั้น แทบจะหาความแปลกใหม่ในด้าน Mission Design ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งเกมจะส่งให้คุณไปยิง ยิง ยิง แล้วก็ยิงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็ฯภารกิจแบบไหน มันก็จะลากวนมาให้คุณยิงอย่างเดียว เฮ้ คุ้มกันฉันหน่อย ยิงศัตรูที่ขวางทางซะ เฮ้ ไปทำลายสิ่งนั้นหน่อย ยิงให้ราบ ! เฮ้ รับอาวุธนี่ไป ยิงให้หมด ! คือทั้งเกมมันไม่มีดีไซน์ภารกิจอื่นใดเลย มีแต่ยิงกับยิงเท่านั้น ในช่วงแรกเราจะรู้สึกว่าสนุก เดือด มันส์ แต่พอเล่นไปสักพัก ภารกิจเดิม ๆ หมดเลย จะภารกิจหลัก ภารกิจรอง มันเปลี่ยนแค่สิ่งที่เราต้องสู้ ต้องคุ้มกันเท่านั้น บอกเลยว่าช่วงหลังเราจะเอียนมาก แถม Boss Fight เอง ทั้ง ๆ ที่เอฟเฟคท์สกิลตอนสู้ค่อนข้างอลังการ แต่ถ้าเราเล่นดูจริง ๆ เราก็จะรู้ว่า มันก็คือการ “ยิง” มันให้ตายอยู่ดี แทบไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรเลย ใจนึงก็เข้าใจว่าการให้เราไปงัดกับพวกฮีโร่พลังเวอร์วัง มันคงทำยากพอดู แต่มันก็น่าจะมีอะไรให้เราทำมากกว่าแค่ยิงอย่างเดียวหรือเปล่า ?

ระบบอื่น ๆ ก็จะเป็นตามสไตล์เกม RPG ไม่ว่าจะเป็นการคราฟท์อาวุธ เพิ่มออปชั่นเสริมให้กับอาวุธ รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมหลาย ๆ อย่าง แต่มันก็จะวนกลับไปในส่วนที่เราคิดว่า มันไม่จำเป็น หาของที่ดีกว่าใส่ จบ มันเป็น RPG ที่ตื้นเขินมาก ไม่มีความลุ่มลึกอะไรให้เรารู้สึกอยากฟาร์ม อยากหาของเลย พอเจอกับเกมเพลย์ที่มันน่าเบื่ออยู่แล้ว เลยยิ่งทำให้เกมเพลย์มันจืดชืดเข้าไปอีก

7

แต่สับมาเยอะ ส่วนตัวผมมองว่าเกมนี้เป็นเกมที่มีระบบการเคลื่อนไหวที่สมูธและราบรื่นมาก ๆ ยิ่งตอนที่เราเล่นเป็นตัวละคร Deadshot หรือ Kingshark การใช้เจ็ทแพค การกระโดดสูง การวิ่งบนกำแพง มันทำให้การผจญภัยไปในโลกมันดูราบรื่น และเท่มาก ๆ แต่ไม่ใช่ฮาร์ลีย์กับบูมเมอแรงมันไม่ดี แต่มันไม่เร็วเท่า และควบคุมได้ซับซ้อนกว่า อย่างบูมเมอแรงนี่เท่มาก แต่ความเร็วเคลื่อนที่มันไม่ได้เร็วเท่า Deadshot และอีกข้อที่ผมชอบ ระบบต่อสู้ของมันเอาจริง ๆ ก็แอบสร้างสรรค์อยู่พอสมควร การบีบให้เราเจอศัตรูที่แพ้ทางเฉพาะ ต้องกำจัดด้วยวิธีต่าง ๆ กัน ถ้าออกแบบดี ๆ ระบบนี้จะสนุกมาก แต่อย่างอื่นมันเละเทะไปหมด ส่วนนี้เลยออกมาด้อยไปด้วย

มันอาจจะเป็นความพยายามของ Rocksteady ที่กำลังหาอะไรใหม่ ๆ ทำ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ใช่ทางที่พวกเขาถนัดเท่าไร แม้กระแสและภาพรวมของเกมนี้มันอาจจะออกมาดูไม่ดี แต่ลึก ๆ ในใจ ผมเชียร์ว่าไม่อยากให้ทีมนี้หมดกำลังใจ อย่างน้อย ๆ ไอเดียและระบบหลาย ๆ อย่างในเกมนี้ก็ดีใช้ได้ แค่พอมันสมผสมกับส่วนอื่น ๆ แล้ว มันอาจจะไม่ลงตัวเหมือนที่พวกเขาทำกันไว้ใน Batman Arkham นั่นเอง ก็หวังว่าผลงานตัวต่อไป พวกเขาจะแก้มือกันได้ แต่กับเกมนี้ ก็คงต้องว่ากันไปตามสภาพที่เราได้เล่นกันมา

Performance

และมาถึงอีกปัญหาใหญ่หลวงของเกมนี้ที่ตอนแรกเราไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้ Suicide Squad: Kill the Justice League เป็นเกมที่กินสเปคโหดมาก โหดจนเราสงสัยว่ามันใช้ทรัพยากรเครื่องไปกับอะไรกันแน่ เหมือนเดิม เราได้ลองเทสเกมนี้ด้วยคอมพิวเตอร์สองเครื่อง นั่นคือเครื่องที่การ์ดแรงแต่ซีพียูกลาง ๆ กับอีกเครื่องที่ไปสุดหมดเลยทุกด้าน

เอาเครื่องแรกกันก่อน i5-12400f / 32 GB RAM / RTX 3080 อันนี้นี่คือปวดใจ ปรับ Low ทุกอย่าง ยังได้เฟรมเรทไม่ได้ 60 นิ่ง ๆ คือตอนอยู่ในที่แคบ ๆ มันก็พอไหว แต่จังหวะบู๊ของเกมนี้มันอลังการเต็มไปหมด เล่นไปเรื่ย ๆ เราจะพบว่าเฟรมเรทมันค่อย ๆ ร่วงต่ำลงมาเรื่อย ๆ อยากหายก็ต้องออกเข้าใหม่ แต่เครื่องนี้ผมเล่นบนระดับ 2K แต่ถึงปรับลงมาที่ 1080 มันก็ไม่ได้ดูดีไปกว่ากันเท่าไรเลย

อีกเครื่อง คือเครื่องระดับท็อป i9-13900k / 32  GB RAM / RTX 4070 แต่รันบนความละเอียด 1080p ปรับสุดทุกอย่าง อันนี้ลื่นถึง 60 นิ่ง ๆ ได้สบาย ๆ แต่มันคาใจตรงที่ว่า มันเกินนี้ไม่ได้เหรอ ? สเปคโหดขนาดนี้ ยังได้แค่ 60-70 เฟรม แถม 1080p คือเครื่องขนาดนี้ รันได้เท่านี้ แล้วคนที่เครื่องระดับต่ำกว่านี้ และเป็นส่วนมาก มันจะเล่นไหวได้ยังไง และกับเครื่องสเปคขนาดนี้ เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ อาการเฟรมเรทดรอปก็มีบ้าง แต่มันจะน้อยกว่าเครื่องสเปคแรกที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า อันที่จริงเราอยากลองบนเครื่องคอนโซลด้วยนะ แต่ไม่มีเกมเล่น แต่สรุปได้ว่า นี่คือเกมที่มันกินสเปคเครื่องมหาโหดมาก แต่ไม่รู้ว่ามันกินเพราะมัน Optimize ไม่ดีเองหรืออะไรกันแน่ แต่อย่างว่า พอถึงขั้นใช้เครื่องตัวแรงเบอร์นี้เล่นแล้วยังได้สูงสุดแค่นี้ มันเลยน่าสงสัยไม่น้อยว่าเป็นที่อะไรกันแน่ และไม่ว่าเราจะลองตั้งค่า ปรับปรุง อัปเดตไดรเวอร์อะไรยังไงก็ตาม มันก็ไม่มีทางได้เฟรมเกิน 60-70 เลย แถมระหว่างการเล่น ยังเจอปัญหาเฟรมเรทดรอป บั๊กภารกิจบ้าง ศัตรูไม่เกิดบ้าง หายบ้าง ซึ่งอันนี้เกิดจากความไม่ประณีตของทีมงานเอง ก็ต้องรับสภาพไปเต็ม ๆ แต่นี่คือเกมที่ Performance ย่ำแย่เอาเรื่องเลยทีเดียว

ss_5f5bc65c181fa8458891c9b66f99f5586b6cc866.1920x1080

เรื่องของ Setting ในเกมนี้ ก็ตามมาตรฐานเกมปี 2024 มีให้ปรับได้ทุกอย่าง แสงเงา เอฟเฟกต์ รายละเอียด ลบรอยหยัก มี DLSS ให้ใช้ หมด หรือการตั้งค่าปุ่มเมาส์ คีย์บอร์ด การควบคุม อินเตอร์เฟส ไม่อยากเห็นเลขดาเมจ ไม่อยากเห็นหลอดเลือดศัตรู เปิด-ปิดได้เต็มที่ เป็นอีกเกมที่มีการตั้งค่าที่ละเอียดมาก ๆ เกมหนึ่งเลย ส่วนของโหมดออนไลน์นั้น อย่าได้ถาม ไม่รู้จะมีใครเล่นอยู่หรือเปล่า ตอนผมเล่นก็ไม่ได้ไปหาห้องเล่นกับใคร แถมไม่มีใคร Join มาด้วย ทั้งที่เป็น Session สาธารณะ เอาเป็นว่าปัญหา Performance ของเกมนี้ เรานับกันที่ประสิทธิภาพตัวเกมล้วน ๆ เลย

Suicide Squad: Kill the Justice League นั้น เป็นเกมที่เนื้อเรื่องสนุก ชวนติดตามยันจบ แต่เกมเพลย์คือการทำสิ่งเดิมวนซ้ำไปเรื่อย ๆ พ่วงด้วยระบบ Live Services ไม่รู้จะมีมาทำไม ทำให้องค์ประกอบโดยรวมเสียของอย่างน่าเสียดาย และกลายเป็นความล้มเหลวของ Rocksteady อย่างเห็นได้ชัด แต่จะขอยืนยันคำเดิมว่า ยังอยากเห็นพวกเขาแก้ตัวได้ และกลับมาทำเกมฟอร์มดี ๆ แบบที่ Batman: Atkham เคยทำ

 

รีวิว Suicide Squad: Kill the Justice League อยากเป็นทุกอย่าง แต่ไม่ดีสักอย่าง

6.5 / 10 คะแนน

6.5

ข้อดี

  • เนื้อเรื่องน่าสนใจ และน่าติดตามไปจนจบ แม้จะไม่ได้ถูกใจทุกคนอย่างแน่นอน
  • แอนิเมชั่น การ Motion Capture ใบหน้าตัวละครต่าง ๆ ดูดีมาก
  • แอ็คชั่นของเกม สนุกและลื่นไหลมาก ๆ

ข้อเสีย

  • เกมเพลย์รูปแบบเดิม วนซ้ำตลอดชั่วโมงของเกมการเล่น
  • ทุกอย่างไปไม่สุดสักด้าน ไม่ว่าจะระบบออนไลน์ ระบบ Co-op หรือ RPG
  • ความลุ่มลึกของความเป็นเกม RPG ที่หาไม่ได้เลยตลอดการเล่นเกมนี้
  • กินสเปคเครื่องโหดอย่างไม่มีสาเหตุ
  • ระบบออนไลน์ที่เสียของ และดูแล้วไม่น่าจะมีคนเล่นมากไปกว่าปัจจุบันนี้แล้ว

Aisoon Srikum

Back to top