ผลงานเกมแนว Metroidvania จากทีมพัฒนาน้องใหม่ที่อาจจะไม่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้เกมแนวนี้ แต่ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจ มีแนวทางของตัวเองที่ชัดเจน และเรียกได้ว่าคุ้มค่าตามราคาของเกม
Tales of Kenzera: ZAU ผลงานเกมชิ้นแรกจากทีมงาน Surgent Studios สตูดิโอสร้างสื่อบันเทิงจากประเทศอังกฤษที่ก่อตั้งโดย Abubakar Salim (อาบูบาคา ซาลิม) หรือผู้ให้เสียงพากย์ตัวละครเอกจาก Assassin’s Creed Origins อย่าง Bayek นั่นเอง
ตัวเกมมันจะเป็นแบบไหน มันมีข้อดี ข้อเสีย จุดน่าสนใจตรงไหนบ้างนั้น ขอเชิญไปดูพร้อมกันได้กับ Tales of Kenzera: Zau
STORY
ผลงานเกม Tales of Kenzera: ZAU นั้นเรียกได้ว่าเป็น Passion Project ส่วนตัวของ Abubakar Salim ก็ว่าได้ เพราะแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานชิ้นนี้ก็คือเรื่องราวความสัมพันธ์ของเขาและพ่อ กับสิ่งที่เขาเรียนรู้ในตอนที่พ่อเสียชีวิต
พูดง่าย ๆ ก็คือตัวเกมจะเป็นการหยิบเอาเกมแนว Metroidvania มาใช้เป็นพาหนะในการเล่าเรื่องราวความสูญเสีย และการก้าวข้ามผ่านความเสียใจในการตายของคนในครอบครัวนั่นเอง
เนื้อหาของเกมจะบอกเล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มนาม Zuberi (ซูเบริ) ในโลกอนาคตอันไกลโพ้น โดย Zuberi เพิ่งสูญเสียพ่อไป แต่สิ่งที่พ่อของเขาเหลือทิ้งไว้ให้คือหนังสือที่พ่อแต่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องราวในโลกแฟนตาซีของ Zau (ซาว) ชาแมนหนุ่มผู้ทำสัญญากับ Kalunga (คาลุงก้า) เทพเจ้าแห่งความตาย กับการทำภารกิจตามล่าวิญญาณธรรมชาติอันยิ่งใหญ่สามตนซึ่งไม่ยอมหวนคืนสู่โลกความตาย ซึ่งหาก Zau ทำสำเร็จ Kalunga สัญญาว่าจะคืนชีวิตให้กับพ่อของเขา
ก็อย่างที่เราเล่าไปข้างต้น เนื้อหาโดยรวมทั้งหมดของเกมจะมีโทนที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสีย ความเศร้าเสียใจในการสูญเสียคนรัก โดยรวมแล้วตัวเกมมีการเล่าเรื่องที่เป็นเส้นตรงมาก ๆ จุดเด่นก็คือเราจะได้เห็นการเติบโตของ Zau ได้ฟังบทเรียนชีวิตต่าง ๆ จาก Kalunga
แต่ในแง่ของเนื้อหาโดยรวม Tales of Kenzera: ZAU ไม่ได้มีอะไรแหวกแนวหรือพยายามเล่นใหญ่เกินกำลังตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นจดหมายส่วนตัว ตามความตั้งใจของทีมงานที่อยากจะส่งมอบกำลังใจให้กับผู้สูญเสียคนใกล้ชิดจริง ๆ เสียมากกว่า
และถึงแม้การเล่าเรื่องในเกมจะมาแบบเส้นตรง เรียบง่าย แต่ข้อความต่าง ๆ ก็ถูกส่งต่อออกมาได้ดี เรียกได้ว่าน่าจะตรึงใจใครหลาย ๆ คนเลยทีเดียว
PRESENTATION
จุดเด่นสำคัญที่สุดของเกมนี้นอกจากฝั่งของเนื้อเรื่องก็คือการนำเสนอ งานภาพในเกมนั้นโดดเด่นสะกดสายตาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าทุกวันนี้เรามีเกมแนว Metroidvania อยู่จำนวนมหาศาล แต่จุดเด่นที่ทำให้ Tales of Kenzera: Zau แตกต่างจากเกมอื่น ๆ ก็คือเรื่องของการนำเสนอวัฒนธรรมแอฟริกา ตัวเกมนั้นเลือกใช้โทนสีที่สดใสดึงดูดสายตาในทุกฉาก ทุกช่วงเวลา โดยรวมแล้ว Tales of Kenzera: Zau อาจจะไม่ได้มีเทคโนโลยีการแสดงผลที่เหนือล้ำ (และบางครั้งพวก Effect ต่าง ๆ ในเกมก็ย้ำให้เรารู้สึกตลอดว่านี่เป็นเกมทุนไม่สูง) แต่เรื่องงานออกแบบนั้นตัวเกมจัดได้ว่าโชว์ศักยภาพแบบเต็มที่ จุดหยุดตรงไหน กดถ่าย Screenshot ก็ออกมาสวยงามแน่นอน
ตัวเกมยังมีสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ทั้งเขตภูเขา ป่าไม้ บึงพิษ ภูเขาไฟ ทำให้ตลอดความยาวราว ๆ 6 – 8 ชั่วโมงของเกมนั้นเราจะรู้สึกว่าได้พบเจอสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ถ้าจะมีจุดไหนในแง่ของการนำเสนอให้ติอยู่บ้างก็คงเป็นเรื่องของอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวของตัวละคร ทั้งตัวเอกอย่าง Zau รวมไปถึงศัตรูต่าง ๆ ที่ไม่ใช่บอสของเกมนั้น ยังดูมีอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแข็งอยู่บ้าง อีกจุดก็คือในฐานะของเกมแนว Metroidvania เกมนี้พวกของซ่อนและการปลดล็อกต่าง ๆ ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างน้อย Skill ต่าง ๆ อาจจะไม่หลากหลาย
ก็เป็นเพราะว่าโดยรวมแล้วตัวเกมถูกออกแบบมาให้เล่นแบบเป็นเส้นตรง ม้วนเดียวจบ การปลดล็อกพลังต่าง ๆ ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เราย้อนกลับไปสำรวจฉากเก่า ๆ แต่เพื่อผสมกันเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ในด่านหลัง ๆ ของเกมเสียมากกว่า
ดังนั้นใครที่ชื่นชอบการสำรวจแผนที่เยอะ ๆ การวิ่งวนกลับไปกลับมาในฉากกว้าง ๆ ก็อาจจะไม่ถูกใจในส่วนนี้ได้ แต่เกมเมอร์สายชิวที่ไม่ชอบค้นหาอะไรมากมายไม่อยากหลงทางก็อาจจะชอบสไตล์การนำเสนอแบบนี้แทน
ซึ่งแผนที่ในเกมนี้ก็ถูกปลดมาไว้ให้เราเรียบร้อยตั้งแต่เริ่ม เราสามารถมองเห็น Layout ของแผนที่รวมได้ตลอด ไม่ต้องเดาสุ่มว่ามุ่งหน้าไปเส้นทางนี้จะไปวนกลับมาออกทางไหน เพราะอย่างที่บอกทีมพัฒนาคงอยากให้ประสบการณ์การเล่น Tales of Kenzera: Zau
อีกจุดที่ต้องชื่นชมอย่างมากก็คือเสียงดนตรีและการพากย์ โดยเฉพาะ Zau ตัวเอกของเกมที่ได้ Abubakar Salim ผู้พากย์ Bayek จาก Assassin’s Creed Origins มาพากย์เอง ซึ่งบทสนมนาระหว่าง Zau และ Kalunga เป็นอีกจุดที่ช่วยแบกการนำเสนอให้น่าสนใจไปจนจบเรื่องราว
GAMEPLAY
ในแง่ของเกมการเล่นหลัก Tales of Kenzera: Zau คือเกมแนว Metroidvania ที่เน้นในเรื่องของ Platformer หรือการกระโดด ไต่ฉากไปมาข้ามอุปสรรค และการต่อสู้ ระบบหัวใจหลักของเกมคือการสลับไปมาระหว่าง หน้ากากพระจันทร์ และ หน้ากากพระอาทิตย์ ตัวหน้ากากพระจันทร์จะเน้นการโจมตีระยะไกล มีความสามารถพิเศษในการแช่แข็งศัตรู ส่วนหน้ากากพระอาทิตย์จะเน้นคอมโบระยะประชิดและเน้นการทำให้ศัตรูติดสถานะเผาไหม้
การต่อสู้ถูกออกแบบมาให้เราสลับไปมาระหว่างสองหน้ากากอยู่ตลอด ทั้งในแง่ของการต่อคอมโบ การที่กระสุนระยะไกลที่จำกัดและต้องรอการโหลด และศัตรูบางตัวจะโดนโจมตีด้วยธาตุเฉพาะได้เท่านั้น ต้องบอกว่าการต่อสู้ในเกมนั้นสนุกสนานใช้ได้ ท่วงท่าการต่อสู้ของ Zau นั้นรุนแรงสะใจ มีการ Dash หลบและใช้ Skill ต่าง ๆ โจมตีศัตรูแบบต่อเนื่อง
ระบบการต่อสู้หลักนั้นถือได้ว่าเรียบง่าย สนุก แต่อาจขาดความหลากหลายได้บ้างยิ่งเล่นไปถึงช่วงท้ายเกม ซึ่งใครที่ชอบการอัพเลเวลตัวละครเยอะ ๆ ปลดล็อกท่าใหม่ ๆ หลาย ๆ ท่าหรือการเลือกใช้อาวุธใหม่ ๆ ก็ต้องบอกก่อนว่าเกมนี้ไม่ได้เน้นสไตล์การเล่นแบบนั้น ถึงแม้เกมจะมีระบบเลเวล แต่ Skill ที่เกมมีให้ปลดล็อกก็เรียกได้ว่าจำกัดมาก ๆ
การข้ามสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ก็เป็นอีกหัวใจหลักของเกม ข้อดีก็คือ Zau นั้นปลดล็อก Skill อย่างการ Dash และการกระโดดสองชั้นมาตั้งแต่เริ่มเกม และหลังจากนั้นเราก็จะได้ท่าการเคลื่อนไหวใหม่ ๆ มาเรื่อย ๆ ซึ่งทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นสไตล์การเคลื่อนที่ซึ่งเราคุ้นตาจากเกม Metroidvania รุ่นพี่
การออกแบบอุปสรรคต่าง ๆ นั้นก็ถือได้ว่าทำออกมาได้ดี ติดอยู่ตรงแค่ทั้งปริศนาและสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่เราได้เห็นนั้นถ้าคุณเป็นแฟนเกมแนว Metroidvania คุณก็น่าจะเคยเห็นมาก่อนแล้ว กล่าวคือตัวเกมได้รับแรงบันดาลใจจากเกมดี ๆ ในแนวนี้หลายเกม มีการขัดเกลาใส่ลูกเล่นเฉพาะของตัวเอง แต่ไม่ได้ก้าวข้ามเกมรุ่นพี่ที่เป็นแรงบันดาลใจแต่อย่างใด
ในแง่การเล่นนั้นส่วนตัวผมมีจุดติติงอยู่นิดหน่อยก็คือ การเคลื่อนไหวของ Zau นั้นอาจจะไม่ได้แม่นยำมาก ๆ หากเทียบกับเกมดังในแนวเดียวกัน ทำให้บางครั้งในฉากหลบหลีกสิ่งกีดขวางที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงก็ทำให้เรารู้สึกว่า เราเล็งตรงแล้วหรือเรากระโดดไปถูกจุดแล้วแต่ก็ยังพลาดอยู่ ยิ่งการที่ช่วงท้ายของเกมมีฉากที่เราต้องหลบหนีศัตรูและหลบหลีกสิ่งกีดขวางไปด้วยก็ทำเอาผมต้อง Restart อยู่หลายรอบเลยทีเดียว
PERFORMANCE
ในฝั่งของประสิทธิภาพของเกมก็ไม่มีอะไรจะต้องคอมเม้นครับ ผมได้รีบ Code สำหรับการรีวิวบน Platform PC ซึ่งตัวเกมก็เล่นได้ลื่นไหล ไม่มีอาการสะดุดให้เห็นแต่อย่างใด แต่ในฝั่งของการควบคุมนั้นระหว่างการเล่นเกือบ 10 ชั่วโมง มีบ้างบางครั้งที่ผมเจอ Bug ในส่วนของการควบคุม นั่นคือการกด Pause ออกจากหน้าเมนูมา มีบางครั้งที่ตัว Zau ไม่ยอมเคลื่อนที่เป็นระยะเวลา 1-2 วินาที อีกจุดที่เจอก็คือการที่ Zau ยิงอาวุธระยะไกลค้างไว้เอง แน่นอนว่าไม่ใช่ Bug ใหญ่อะไร แต่ก็ขอเล่าให้ฟังกันไว้ว่าตัวเกมอาจจะมีบัคในการควบคุมอยู่บ้างบางครั้ง
สรุป
Tales of Kenzera: Zau ใช้เวลาราว ๆ 10 ชั่วโมงในการจบเกม ตัวเกมไม่มียืด อัดแน่นด้วยเนื้อหาแบบม้วนเดียวจบ และการออกแบบทุกอย่างก็เชิญชวนให้เรามุ่งหน้าไปหาบทสรุปที่ปลายทาง แม้ตัวเกมอาจจะไม่ได้ลึกล้ำจนถึงขั้นเป็นมาตรฐานใหม่หรือสร้างกระแสฮือฮาในวงการเกม แต่ Tales of Kenzera: Zau นำเสนอประสบการณ์ที่เต็มอิ่มและซาบซึ้งใจ
มันอาจจะไม่ใช่ผลงานที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้เกม Metroidvania แต่เป็นเหมือนจดหมายรักของทีมพัฒนาที่ชื่นชอบเกมแนวนี้และอยากสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองขึ้นมาบ้าง แม้จะมีข้อด้อยที่ไม่อาจมองข้ามได้ในหลายจุด แต่Tales of Kenzera: Zau ทำให้เราสัมผัสได้ว่ามันเป็นผลงานที่สร้างขึ้นมาด้วย “ใจ” จริง ๆ
ตัวเกมจะวางจำหน่ายบนเครื่อง PC, PlayStation 5, Xbox Series X, Xbox Series S, และ Nintendo Switch ในวันที่ 24 เมษายน ที่จะถึงนี้ในราคาประมาณ 580 บาทเท่านั้น