หากเพื่อปกป้ององค์ชายแล้วละก็ ไม่ว่ากี่ครั้งข้าก็จะทำ
คำพูดนี้เกมเมอร์หลายคนที่เล่นเกม Sekiro มาระดับหนึ่ง ไม่สิ เกมเมอร์บางคนที่เล่นเกมนี้ไประยะหนึ่งน่าจะต้องเจอกับฉากนี้ ความจริงผมอาจจะสปอยไปนิดหนึ่งแต่ว่าหากเราลองย้อนมองดูระยะทางกว่าที่เราจะเล่นมาถึงตอนนี้ เราต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต้องนอนพบกับอักษรคันจิคำว่า 死 หรือตายมาแล้วนับไม่ถ้วนเพราะเกมนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับเกมทั่วไป
บางครั้งเราอาจจะหงุดหงิดที่ถูกมนุษย์ป้าโอโจ้ผู้ใช้ภาพลวงตาด่าเราว่าเป็นลูกหมาหลายครั้ง หรือเราอาจจะหัวร้อนที่โดนยักษ์ตาแดงฆ่าซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเหนื่อย ยิ่งเมื่อผ่านมันมาได้ทำให้เรารู้ว่านี่เพิ่งเริ่มเกมเท่านั้นพร้อมทั้งความโหดร้ายของโลกใบนี้ ทำให้สอนให้เราและโอคามิต้องเก่งไปด้วยกันถึงจะอยู่รอด
ทำให้เราต้องย้อนมาดูถึงชีวิตประจำวันของเรามันก็โหดร้ายพอ ๆ กับในเกม หากเราเปรียบเป็นโอคามิในโลกแห่งความเป็นจริง จะมีบทเรียนอะไรบ้างที่เราสามารถนำจากเกมนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้บ้างเรามาติดตามกันในบทความนี้
ความพ่ายแพ้เป็นเรื่องธรรมดา
ถือว่าเป็นบทเรียนแรก ๆ ของโอคามิทุกคนที่ต้องเผชิญในเกมนี้ ในช่วงแรกของเกมเราต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ยับเยิน เพราะเกมนี้เป็นเกมที่ยากที่สุดเท่าที่ทีมงาน Fromsoftware เคยสร้างมา ทำให้ลูกสมุนกิ๊กก๊อกก็อาจจะตบคุณร่วงได้ ยิ่งระดับบอสหรือมินิบอสไม่ต้องพูดถึงเก่งเสียยิ่งกว่าการ PVP กับคน ทำให้เราต้องพ่ายแพ้เรื่อยไป
ในชีวิตจริงก็เช่นกันไม่มีใครเกิดมาแล้วชนะเลย ทุกคนต่างต้องเคยพ่ายแพ้มาทั้งนั้น ลองเปิดหนังสือชีวประวัติของคนที่ประสบความสำเร็จก็ได้ทุกคนล้วงต้องผ่านความพ่ายแพ้มาก่อนที่ชนะทั้งนั้น มันไม่สำคัญหรอกว่าเราจะแพ้กี่ครั้ง แต่มันอยู่ที่ว่าการแพ้แต่ละครั้งเราได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งนั้นต่างหาก จะเป็นเหมือนกับบันไดไปสู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
ความหัวร้อนไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
ต่อจากข้อแรกเพราะว่าเกมนี้มันยาก ทำให้เราต้องตายซ้ำตายซากเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น อีกทั้งตัวเกมยังกดดันให้ผู้เล่นต้องพัฒนาฝีมือด้วยไอมังกรอีก ทำให้หลาย ๆ คนอาจจะหัวร้อนต้องแต่ปิดเกมไปเลย ไปจนถึงทำลายข้าวของจนต้องเสียทั้งเงินและสุขภาพจิต หรือที่เราเรียกกันว่าอาการหัวร้อน
อาการนี้ถือว่าเป็นอาการปกติของเกมเมอร์ ซึ่งอย่างที่เรารู้ ๆ กันอยู่ว่าสิ่งนี้ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ทำให้เราตัดสินใจได้แย่ลง มิหนำซ้ำยังทำให้คนรอบข้างต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของเราอีก ดังนั้นอาการหัวร้อนไม่ได้ทำอะไรดีขึ้นเลยมีแต่ทำให้แย่ลง
อย่าแก้ปัญหาด้วยวิธีเดิม ๆ
“ยังอีกไกลว่าจะถึงเซ็มบง” , “อย่างเจ้าเป็นได้เพียงแค่ลูกหมาเท่านั้น” , “ข้าก็มีสิ่งที่ควรทำเช่นกัน” หากคุณได้ยินคำเหล่านี้บ่อย ๆ จากบรรดาเหล่าบอสแสดงว่าคุณกำลังเจอปัญหาในการต่อสู้กับพวกเขา แน่นอนว่าเกม Sekiro ไม่ได้ใจร้ายแต่มีช่องทางและมีวิธีทางในการเอาชนะหลากหลายรูปแบบ หากวิธีนี้ไม่ได้ผลเราก็ต้องลองวิธีใหม่ไปเรื่อย ๆ
ในชีวิตจริงก็เหมือนกับเราต้องเจอปัญหาในชีวิตประจำวันหลายแบบ ที่ในบางครั้งมันก็เป็นปัญหาที่เราพยายามจะแก้ไขเท่าไหร่ก็ประสบแต่ความล้มเหลว ดังนั้นจะดีกว่าไหม หากเราลองหาวิธีใหม่ ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาซึ่งบางทีวิธีการจากใหม่ ๆ อาจจะทำให้เราสามารถเอาชนะปัญหาเดิม ๆ ของก็เป็นได้
รู้จักตัวเองสำคัญที่สุด
Sekiro: Shadow Dies Twice แม้ตัวเกมจะบอกว่าเรื่องราวดำเนินไปมีจุดเริ่มต้นอย่างไร แต่ว่าบางส่วนเราก็ต้องค้นหาเองเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับแคว้นอาชินะแห่งนี้ หรือบางทีมีไหนที่เราพยายามเล่นเท่าไหร่ก็ไม่ชนะ แต่พอหลับสักงีบแล้วตื่นขึ้นมากับสามารถเอาชนะบอสได้เฉย จนบางครั้งงงว่าเราสามารถเอาชนะได้อย่างไร
การที่รู้จักตัวเองสำหรับบางคนถือว่าเป็นหนึ่งในความโชคดีของชีวิต เพราะว่าบางคนตามหามาทั้งชีวิตก็ยังไม่เจอ การที่ทำอะไรแล้วเรามีความสุขนั้น จะทำให้ชีวิตของเรามีสีสันและทำให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันมีความหมาย ดังนั้นหากมีเวลาลองถามตัวเองสักครั้งว่าเราชอบอะไร อยากทำอะไร อยากอยู่ที่ไหนเหมือนกับโอคามิที่รู้ว่าชีวิตของเขาเพื่อองค์ชายเท่านั้น
โลกมีที่ว่างให้กับคนที่พยายามมากพอ
คุณจำความรู้สึกของการเอาชนะบอสหลังจากที่ฆ่าคุณมาแล้วเป็นร้อยรอบได้หรือเปล่า มันรู้สึกดีมากใช่ไหมคุณรู้หรือไม่การตาย 100 ครั้งของคุณได้สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่คือการเอาชนะบอส ต้องชมตัวเองก็เลยว่าคุณเป็นคนที่ใช้ความพยายามสูงระดับดึงถ้าตายเป็น 100 แล้วเอาชนะบอสได้แม้จะยากเพียงไหน
ชีวิตจริงก็เช่นกันโลกใบนี้ไม่ได้ง่าย พอลืมตาขึ้นตาขึ้นมาในโลกใบนี้พระเจ้าก็ได้เปิดโหมดการเอาตัวรอดให้กับคุณ แน่นอนว่าการเอาตัวรอดอย่างเดียวไม่ได้ทำให้คุณสามารถอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างสงบสุข คุณจะต้องแข่งขันกับใครหลายคนตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยทำงาน ที่ผู้แพ้ไม่มีคนจดจำ
ฟังดูเหมือนโลกใบนี้โหดร้ายเหลือเกิน แต่คุณเชื่อไหมโลกใบนี้ที่ว่างให้กับคนที่พยายามมากพอ คุณอยากจะเป็นอะไร อยากจะได้สิ่งไหน อย่างแรกที่คุณต้องทำคือลงมือ แม้มันอาจจะยากเย็นแสนเข็ญจนไร้ซึ่งพลังใจพยายามเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าไม่เพียงพอ ฟังดูเหมือนจะเป็นไลฟ์โค้ชนะ แต่เชื่อผมเถอะว่าคุณต้องพยายามต่อไปเพราะแม้อาจจะไม่ถึงดวงดาวแต่คุณก็ได้ใจตัวคุณเอง และพร้อมที่จะเดินต่อไปในทุกอุปสรรค
สิ่งที่กล่าวว่าทั้งหมดอาจจะเปรียบเป็น “วิถีแห่งโอคามิ” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่เก่งกว่าเดิมและมีความสุขมากกว่าเดิม