จบลงไปแล้วสำหรับงาน Apple Event California Streaming ซึ่งเป็นงานที่หลายคนตั้งตารอผลิตภัณฑ์จาก Apple อย่าง iPhone 13 series ที่มีข่าวออกมายั่วน้ำลายและกระเป๋าเงินของเราอยู่เรื่อยๆ ซึ่งหลังจากที่งานเปิดตัวจบลง เราก็ได้รายชื่อผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในงานนี้ก็คือ iPhone 13 , iPad 9 , iPad mini 6 และ Apple Watch 7 series นั่นเอง แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาสรุปให้ทุกคนกัน
iPhone 13 series
iPhone 13 ที่เปิดตัวยังคงเอกลักษณ์ในการแบ่งรุ่นของ iPhone นั่นคือ iPhone 13 mini , iPhone 13 , iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max พร้อมทั้งยังมีการนำสีชมพูที่หายไปตั้งแต่ iPhone 8 กลับมาอีกด้วย แต่ถ้าเราดูจากภายนอกก็อาจจะไม่ได้ดูเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย นอกจากติ่งกล้องหน้าที่เล็กลงและการวางแนวกล้องที่เปลี่ยนจากแนวตรงเป็นทแยง ซึ่งรายละเอียดในแต่ละตัวจะเป็นดังนี้
iPhone 13 mini
สเปก
- หน้าจอขนาด 5.4 นิ้ว
- ชนิดจอ Super Ratina XDR 60Hz
- RAM 6GB
- Storage 128 / 256 / 512GB
- กันน้ำระดับ IP68 กันน้ำลึก 6 เมตร 30 นาที
- เทคโนโลยีปลดล็อกตัวเครื่อง Face ID
- ความสว่างหน้าจอ 800 nits
- ชิปประมวลผล A15 Bionic สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร
- รองรับ 5G
- กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังเลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล , เลนส์ Ultrawide 12 ล้านพิกเซล
- ความละเอียดวิดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังสูงสุด 4K 60fps
- พอร์ตชาร์จ Lightning
- ติ่งกล้องหน้าเล็กลงเมื่อเทียบกับ iPhone 12 series
- แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้น 1.5 ชั่วโมง
- ราคาเริ่มต้น 25,900 บาท
- สีที่วางขาย : ชมพู , ฟ้า , มิดไนท์(ดำ) , สตาร์ไลท์(ขาว) , (Product) Red
iPhone 13
สเปก
- หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว
- ชนิดจอ Super Ratina XDR 60Hz
- RAM 6GB
- Storage 128 / 256 / 512GB
- กันน้ำระดับ IP68 กันน้ำลึก 6 เมตร 30 นาที
- เทคโนโลยีปลดล็อกตัวเครื่อง Face ID
- ความสว่างหน้าจอ 800 nits
- ชิปประมวลผล A15 Bionic สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร
- รองรับ 5G
- กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังเลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล , เลนส์ Ultrawide 12 ล้านพิกเซล
- ความละเอียดวิดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังสูงสุด 4K 60fps
- ติ่งกล้องหน้าเล็กลงเมื่อเทียบกับ iPhone 12 series
- แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้น 2.5 ชั่วโมง
- ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท
- สีที่วางขาย : ชมพู , ฟ้า , มิดไนท์(ดำ) , สตาร์ไลท์(ขาว) , (Product) Red
iPhone 13 Pro
สเปก
- หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว
- ชนิดจอ Super Ratina XDR
- จอ ProMotion 120Hz
- RAM 8GB
- Storage 128 / 256 / 512GB / 1TB
- กันน้ำระดับ IP68 กันน้ำลึก 6 เมตร 30 นาที
- เทคโนโลยีปลดล็อกตัวเครื่อง Face ID
- ความสว่างหน้าจอ 800 nits
- ชิปประมวลผล A15 Bionic สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร
- รองรับ 5G
- กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังเลนส์หลัก , เลนส์ Ultrawide , เลนส์ Telephoto 12 พิกเซล
- ความละเอียดวิดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังสูงสุด 4K 60fps
- พอร์ตชาร์จ Lightning
- ติ่งกล้องหน้าเล็กลงเมื่อเทียบกับ iPhone 12 series
- แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้น 1.5 ชั่วโมง
- ราคาเริ่มต้น 38,900 บาท
- สีที่วางขาย : เชียร์ร่าบลู(ฟ้า) , กราไฟต์(ดำ) , เงิน , ทอง
iPhone 13 Pro Max
สเปก
- หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว
- ชนิดจอ Super Ratina XDR 120Hz
- จอ ProMotion 120Hz
- RAM 8GB
- Storage 128 / 256 / 512GB / 1TB
- กันน้ำระดับ IP68 กันน้ำลึก 6 เมตร 30 นาที
- เทคโนโลยีปลดล็อกตัวเครื่อง Face ID
- ความสว่างหน้าจอ 800 nits
- ชิปประมวลผล A15 Bionic สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร
- รองรับ 5G
- กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังเลนส์หลัก , เลนส์ Ultrawide , เลนส์ Telephoto 12 พิกเซล
- ความละเอียดวิดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังสูงสุด 4K 60fps
- พอร์ตชาร์จ Lightning
- ติ่งกล้องหน้าเล็กลงเมื่อเทียบกับ iPhone 12 series
- แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้น 2.5 ชั่วโมง
- ราคาเริ่มต้น 42,900 บาท
- สีที่วางขาย : เชียร์ร่าบลู(ฟ้า) , กราไฟต์(ดำ) , เงิน , ทอง
iPad mini 6
ถือว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของ iPad mini ที่ห่างหายไปนานจนแฟน Apple บางคนเกือบจะถอดใจในข่าวของ iPad mini ที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่สุดท้าย ในงาน Apple Event ทาง Apple ก็ได้ประกาศเปิดตัว iPad Mini 6 ที่ได้รับการปรับปรุงจาก Generation ที่แล้ว บวกกับเทคโนโลยีล่าสุดของ Apple อย่างชิปประมวลผล A15 Bionic ที่ผนึกกำลังกันทำให้ iPad mini 6 มีประสิทธิภาพแรงเกินคาด
สเปก
- หน้าจอขนาด 8.3 นิ้ว
- ชนิดจอ Liquid Retina
- จอ True Tone
- Storage 64 / 256GB
- รองรับ Wi-Fi 6 AX
- เทคโนโลยี Touch ID
- ความสว่างหน้าจอ 500 nits
- ชิปประมวลผล A15 Bionic สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร
- รองรับ 5G
- กล้องหน้า Ultrawide 12 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 12 พิกเซล
- พอร์ตชาร์จ USB – C พร้อมหัวชาร์จ 20 วัตต์แถมมาในกล่อง
- รองรับ Apple Pencil Gen 2
- ราคาเริ่มต้น 17,900 บาท สำหรับ Wi-Fi และ 23,400 บาท สำหรับ Cellular
- สีที่วางขาย : สเปซเกรย์(เทา) , ชมพู , ม่วง , สตาร์ไลต์
iPad Gen 9
ถ้าดูจากดีไซน์เราจะยังคงเห็นดีไซน์เดิมที่เคยเจอใน iPad Gen 8 แต่เป็นการปรับปรุงสเปกภายในที่ให้ชิปประมวลผล A13 Bionic ซึ่งยังถือว่าแรงอยู่ในขณะนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ iPad Gen 9 ตัวนี้ได้ฟีเจอร์ Center Stage ของ iPad Pro M1 มาอีกด้วย
สเปก
- หน้าจอขนาด 8.3 นิ้ว
- ชนิดจอ Retina
- จอ True Tone
- Storage 64 / 256GB
- เทคโนโลยี Touch ID
- ความสว่างหน้าจอ 500 nits
- ชิปประมวลผล A15 Bionic สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร
- กล้องหน้า Ultrawide 12 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 8 พิกเซล
- พอร์ตชาร์จ Lightning พร้อมหัวชาร์จ 20 วัตต์แถมมาในกล่อง
- รองรับ Apple Pencil Gen 1
- ราคาเริ่มต้น 11,400 บาท สำหรับ Wi-Fi และ 16,400 บาท สำหรับ Cellular
- สีที่วางขาย : สเปซเกรย์(เทา) , เงิน
Apple Watch series 7
มาถึงผลิตภัณฑ์ตัวสุดท้ายกันแล้วสำหรับ Apple Watch รุ่นที่ 7 ที่มีการปรับปรุงให้มีของจอเล็กลง 40% และมีความสว่างของหน้าจอมากก่าเดิมถึง 70% และยังมีฟีเจอร์เด่นๆ ที่ทำให้ Apple น่าซื้อนั่นคือการใช้คีย์บอร์ดได้เหมือนคีย์บอร์ดบน iPhone แต่ยังคงดีไซน์โค้งมนเหมือนเดิม
สเปก
- หน้าปัดขนาด 41 และ 45 มม.
- ชนิดจอ Retina แบบไดนามิก
- กระจกหน้าปัดนาฬิกาทนการแตกร้าวและการกระแทก
- ทนน้ำในระดับ WR50 กันน้ำได้ 50 เมตร ในกรณีว่ายน้ำในสระน้ำ ไม่ควรใช้ในการดำน้ำลึก
- วัดระดับออกซิเจนในเลือดได้
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 18 ชั่วโมง
- มีระบบชาร์จเร็ว ชาร์จ Apple Watch จาก 0 – 80% ได้ใน 45 นาที
- ใช้แป้นพิมพ์แบบ QWERTY ได้เหมือนใช้งานบน iPhone
- ยังไม่มีการประกาศราคา แต่จะวางขายในปลายปีนี้
- สีที่วางขาย : เขียว , น้ำเงิน , มิดไนท์(ดำ) , สตาร์ไลท์(ขาว) , (Product) Red
และนี่คือ 4 ผลิตภัณฑ์จาก Apple Event ของวันที่ 14 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเปิดตัว iPhone 13 ที่หลายคนรอคอย หรือจะเป็นการกลับมาของ iPad mini 6 ที่มีทั้งความเล็กกะทัดรัดและความแรงของหน่วยประมวลผล และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ถ้าใครสนใจหรืออยากดูข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปในเว็บไซต์ https://www.apple.com/th/ ได้เลย