Genshin Impact เป็นเกมแนว Action RPG แบบเล่นฟรีสำหรับมือถือ (iOS/Android), PC, PlayStaion 4 และ PlayStation 5 โดยทีมพัฒนาจากจีน miHoYo ซึ่งเกมดังกล่าวสามารถทำรายได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียญฯ หลังจากตัวเกมเปิดให้บริการผ่านไปแล้วเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น
แม้ Genshin Impact จะประสบความสำเร็จอย่างมาก รวมถึงได้รับการรีวิวเป็นเกมดีเยี่ยมจากสื่อหลายแห่ง แต่ตัวเกมก็ยังถูกตำหนิจากกลุ่มผู้เล่นประจำในหลายเรื่องเช่น ระบบ Resin, คอนเทนต์ End Game ค่อนข้างน้อย และการ Grinding ที่โหดหินเกินไป แต่ถึงอย่างนั้น เนื่องจากตัวละครในเกมที่มีเอกลักษณ์ที่สูงมาก ทำให้เกมดังกล่าวยังคงมีกระแสพูดคุยอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา โลกทวิตเตอร์ได้เกิดกระแสแฮชแท็ก #boycottgenshinimpact, #boycottgenshin และ #BoycottMihoYo เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อทีมงาน miHoYo เกี่ยวกับการนำเสนอเนื้อหาชาติพันธุ์ในเกม ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่ Genshin Impact โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วสาเหตุเรื่องราวทั้งหมดมาจากอะไร เราสรุปไทม์ไลน์มาให้พร้อมแล้ว
– จุดเริ่มต้นกระแสของ #boycottgenshin มาจากเกมเมอร์คนหนึ่งได้ชี้ว่า Hilichurl ซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในเกม และเป็นศัตรูทั่วไปที่พบทุกที่ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชนเผ่าพื้นเมืองของอเมริกา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงจากวิดีโอคลิปเดินทัวร์รอบบริษัท miHoYo ในกรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
– ในวิดีโอคลิปเดินทัวร์บริษัท มีการเผย Footage สั้น ๆ ว่านักพัฒนาเกมกำลังสร้างแอนิเมชันท่าเต้นของ Hilichurl ที่มีแรงบันดาลใจจากชนเผ่าพื้นเมืองของอเมริกา (ซึ่งท่าเต้นดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้ในเกมจริงด้วย) รวมถึงเนื้อเรื่อง Lore ใน Genshin Impact เองก็มีการอธิบายว่า Hilichurl นั้นเป็นชนเผ่าที่ป่าเถื่อน ไม่ชาญฉลาด ทำให้ชาวทวิตเตอร์ไม่พอใจที่ตัวเกมนำเสนอ Hilichurl ให้เป็นศัตรูตัวหลักของเกม เพราะเปรียบเสมือนเป็นการดูถูกหรือเหยียดหยามชนเผ่าพื้นเมืองของอเมริกาทางอ้อมว่าเป็นกลุ่มที่ไม่มีอารยธรรม
https://twitter.com/venluvr/status/1379248857486331904
– หลังจากแฮชแท็ก #boycottgenshin เริ่มเป็นกระแสทั่วทวิตเตอร์จนมีการกล่าวถึง 10,000 ครั้ง ชาวทวิตเตอร์ได้เริ่มวิจารณ์การนำเสนอตัวละคร Xinyan และ Kaeya ซึ่งเป็นตัวละครผิวสีในเกมตามมา
– ชาวทวิตเตอร์วิจารณ์ miHoYo ว่าทีมงานวางภาพลักษณ์ให้ Xinyan เป็น “คนที่น่ากลัว หรือผู้คนรอบข้างต่างรังเกียจ” เพราะเธอเป็นคนผิวสีซึ่งแตกต่างจากคนอื่นในท่าเรือ Liyue ที่เป็นผิวขาว รวมถึงบอกว่าทีมพัฒนาเกมนำเสนอให้ Xinyan มี Stereotype ของกลุ่มผิวสีที่มีลักษณะ “เหมือนโดนคุกคามตลอดเวลา” และเธอมีผิวสี “ที่ยังไม่เข้มพอ” อีกด้วย
– ส่วน Kaeya ที่มีผิวสีเข้มขณะเดียวกัน ตัวหนังสือภายในเกมก็บรรยายเขาเอาไว้โดยใช้คำว่า “Exotic” ซึ่งถือเป็นคำสแลงแบบดูหมิ่นในการใช้พูดถึง “ผู้คน” ที่แตกต่างออกไป
ตัวละคร Xinyan ใน Genshin Impact
– ประเด็นต่อมา ทวิตเตอร์วิจารณ์ว่าในเกมมี NPC คนหนึ่งชื่อว่า “Ulfr” ได้ยอมรับว่าเขานั้นหลงรักตัวละครในเกมคนหนึ่งชื่อว่า “Flora” ซึ่ง Flora เป็น NPC เด็กขายดอกไม้ในเมือง Monstadt ซึ่งทำให้ผู้เล่นส่วนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจที่ในเกมมีตัวละคร Pedophile (คนที่มีรสนิยมใคร่เด็ก)
– หากอ้างอิงจาก PC Gamer เดิมที Flora เป็น NPC ผู้หญิงในวัยผู้ใหญ่เต็มตัวในช่วง Closed Beta แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง miHoYo ได้เปลี่ยนโมเดลตัวละครใหม่ให้กลายเป็นสาวน้อย และลืมเปลี่ยนบทสนทนาของ Ulfr
– ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่ชาวทวิตเตอร์บางส่วนไม่พอใจกับ Genshin Impact คือทีมงานขาดความเอาใจใส่ในระบบการรักษาความปลอดภัยในเกม ซึ่งส่งผลทำให้มีเพลเยอร์ Genshin Impact ใน PC และมือถือ โดนขโมยไอดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการเรียกร้องให้ miHoYo ปล่อยคอนเทนต์ใหม่ให้ถี่กว่านี้ หลังจากพบข้อมูลหลุดว่าแผนที่ Inazuma อาจจะยังไม่เข้าเกมไปอีกนาน
ตัวละคร Kaeya ใน Genshin Impact
– คนที่เห็นด้วยกับกระแส #boycottgenshin เรียกร้องให้ miHoYo เปลี่ยนการนำเสนอเนื้อหาชาติพันธุ์หรือคอนเทนต์ที่เป็นประเด็นถกเถียงให้ดูเหมาะสมมากขึ้น รวมถึงยืนยันว่าจะไม่ใช้ Cancel Culture ที่บอกกล่าวรณรงค์ให้ทุกคนเลิกเล่น Genshin Impact
– ต่อมา ทางฝั่งคนเล่นเกม Genshin Impact ได้ออกมาโต้ชาวทวิตเตอร์ที่เห็นด้วยกับกระแส #boycottgenshin โดยชี้แจงว่าสาเหตุที่ Xinyan มีหน้าตาน่ากลัวนั้น เป็นเพราะเธอมีคาแรคเตอร์เป็นนักดนตรี Punk Rock อยู่แล้วต่างหาก ไม่ได้ออกแบบตัวละครไปในแนวทาง Stereotype ของกลุ่มผิวสีเหมือนที่บางคนเข้าใจ
– ส่วนกรณีของ Kaeya นั้น เกมเมอร์ได้โต้กลับว่าคำว่า “Exotic” ที่ถูกใช้ในเกมเป็นการ “แปลผิด” จากภาษาจีนต้นฉบับ และจริง ๆ ทีมงานตั้งใจจะให้หมายความว่า Kaeya ได้อพยพมาจากพื้นที่อื่นจากทวีป Teyvat ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวอ้างอิงมาจากเนื้อหา Lore
– หลังเกิดประเด็นถกเถียง ผู้เล่น Genshin Impact ได้ตั้งกระทู้ Reddit ในหัวข้อ “#BoycottMihoYo is so stupid” (#BoycottMihoYo มันช่างโง่เง่าสิ้นดี) ซึ่งกระทู้ดังกล่าวมีเนื้อหาอธิบายว่าทำไมแคมเปญ #boycottgenshin จึงไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย โดยกระทู้ดังกล่าวมีคนคอมเมนต์ไปแล้วกว่า 1,800 ข้อความ และมีผู้ Upvote กระทู้กว่า 86%
– แม้เกมเมอร์หลายคนแสดงความคิดเห็นว่าประเด็น #BoycottMihoYo เป็นเรื่องไร้สาระ แต่พวกเขาก็เห็นด้วยตัวเกมควรมีการปล่อยคอนเทนต์ และมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่านี้ ด้วยการใช้ระบบการยืนยันตัวตน 2 ชั้น
ปัจจุบัน #boycottgenshin ยังคงเป็นประเด็นที่ทั้งสองฝั่งได้มีการถกเถียงอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางทีมพัฒนาเกม miHoYo ก็ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว