BY Nuttawut Apiratwarakul
11 Jul 24 10:41 am

สรุปเนื้อเรื่อง Alan Wake 2 DLC ชุด Night Springs

2,661 Views

หากพูดถึงชื่อทีมงาน Remedy Entertainment ภาพแรกที่วิ่งเข้ามาในหัวของเกมเมอร์รุ่นเดอะก็คงจะไม่พ้นสุดยอดเกมจารชน คน Bullet Time อย่าง Max Payne ที่สร้างความสนุกสนานให้กับเหล่าเกมเมอร์ด้วยเกมเพลย์ที่สดใหม่ และการนำเสนอเรื่องราวที่ดุเดือดจนกลายเป็นที่จดจำของเหล่าเกมเมอร์ในยุคสมัยนั้น แน่นอนว่าในปัจจุบันทีมงาน Remedy ก็ยังคงไม่หยุดที่จะทดลองนำเสนออะไรใหม่ๆ ให้กับวงการเกม ซึ่งผลงานล่าสุดของพวกเขาก็ได้กวาดทั้งรางวัลจากหลายเวทีและคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ไปอย่างล้นหลามกับเกม Alan Wake 2 ซีรีส์ที่ Remedy หมายมั่นที่จะต่อยอดให้กลายเป็นเกมเรือธงประจำค่าย พร้อมทั้งเปิดจักรวาล Remedy Connected Universe (RCU) ที่จะนำเกมทุกเกมของค่ายมาเชื่อมโยงเป็นจักรวาลเดียวกัน 

หากใครที่ติดตามเกมของ Remedy มาอยู่แล้วก็คงจะทราบดีว่าเกมที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าอยู่จักรวาลเดียวกันมีอยู่ด้วยกันสองเกม ซึ่งก็คือ Control และ Alan Wake ส่วนเกมอื่นๆ อย่าง Max Payne และ Quantum Break ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สองเกมนี้ไม่ถูกนับรวมอยู่ใน RCU เนื่องจากปัญหาด้านการถือครองของลิขสิทธิ์ ที่ Max Payne นั้นครอบครองโดย Rockstar ส่วน Quantum Break ก็ถูกครอบครองโดย Microsoft 

แต่อย่าเพิ่งมองว่านี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะ Sam Lake หัวเรือใหญ่ของ Remedy เขามีแผนเสมอ ใน DLC เนื้อหาเสริมตัวแรกของเกม Alan Wake 2 อย่าง Night Springs จะพาเราไปสำรวจพหุจักรวาลอันกว้างใหญ่ของ RCU ที่ทุกๆ ความเป็นไปได้มีไม่มีที่สิ้นสุด โดยเรื่องราวใน DLC นี้จะเป็นเหตุการณ์แบบ “What if?” ที่เกิดขึ้น ณ ที่ใดที่หนึ่งใน Multiverse ของจักรวาล RCU นั่นจึงทำให้ทีมงานสามารถนำไอเดียต่างๆ ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริงในตัวเกมหลักมาสานต่อความกาวได้อย่างเต็มที่ใน DLC Night Springs ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับทีมงาน Remedy เพราะพวกเขาก็ได้เคยทำไปแล้วหนึ่งครั้งใน Alan Wake’s American Nightmare นั่นเอง

ใน DLC ตัวนี้จะแบ่งเรื่องราวออกเป็น 3 ตอน ได้แก่ Number One Fan เรื่องราวของสาวเสิร์ฟที่เป็นติ่งอันดับหนึ่งของนักเขียนชื่อดัง, North Star เรื่องราวของพี่สาวที่ต้องมาตามหาน้องชายที่หายตัวไปอย่างลึกลับ, และ Time Breaker เรื่องราววุ่นๆ ของนักแสดงชายที่เรื่องราวจากเกมที่เขากำลังแสดงกำลังเกิดขึ้นจริง โดยในแต่ละตอนก็จะให้รสชาติ เรื่องราว และธีมที่แตกต่างกัน ส่วนเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นยังไงนั้น วันนี้เราจะมาบอกเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันครับ

**บทความโดย : https://www.facebook.com/RaccoonBroadcast **

Night Springs คืออะไร?

Night Springs คือทีวีซีรีส์ยอดนิยมในจักรวาล RCU ซึ่งจะเป็นซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติ ความแฟนตาซี ความตลกร้าย และอื่นๆ อีกมากมาย โดยส่วนใหญ่เรื่องราวในแต่ละตอนก็มักจะจบลงด้วยการหักมุมในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด และแต่ละตอนก็จะเป็นเรื่องราวที่ไม่เชื่อมต่อกัน ซึ่งถ้าให้เทียบกับซีรีส์ในโลกจริงของเรา Night Springs ก็จะเปรียบเสมือนซีรีส์อย่าง The Twilight Zone หรือ Black Mirror นั่นเอง แต่ว่าความพิเศษของซีรีส์ Night Springs มันมี Lore ที่น่าสนใจอยู่ครับ ซึ่งนั่นก็คือซีรีส์เรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากองค์กร Federal Bureau of Control องค์กรผู้พิทักษ์ กักกัน และควบคุมเรื่องราวเหนือธรรมชาติจากเกม Control

โดยจุดประสงค์ของพวกเขาก็คือพวกเขาต้องการที่อยากจะให้ประชาชนทั่วไปคุ้นชินกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เพราะในเวลาที่เกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้นมาจริงๆ ผู้คนจะได้ไม่แตกตื่น และพวกเขาก็จะได้เข้าควบคุมสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือพวกเขาก็อาจจะอ้างได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่การถ่ายทำทีวีซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งมันก็ง่ายกว่าการที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ประชาชนนั้นเข้าใจ ซึ่งพ่อหนุ่มนักเขียน Alan Wake ของเราก็เคยเป็นผู้เขียนบทซีรีส์เรื่องนี้หนึ่งตอนด้วย ซึ่งมันก็ส่งผลให้เรตติ้งของซีรีส์พุ่งทะยานไปถึงจุดสูงสุด และส่งผลให้ Alan Wake เริ่มมีชื่อเสียงมานับตั้งแต่นั้น

Fun Fact: Night Springs เป็นการเล่นคำให้คู่ขนานกับชื่อเมือง Bright Falls เมืองที่เป็นเซตติ้งหลักในเกม Alan Wake นั่นเอง (ความมืดกับความสว่าง) + (ฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง)

Episode 1: Number One Fan

ตอนที่ 1 จะใช้ชื่อตอนว่า Number One Fan ในตอนนี้จะมีการนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์ Romantic Comedy ที่จะเน้นไปที่ความเบาสมอง เบิกบานใจ มีเนื้อเรื่องขำขัน และประเด็นความรักในอุดมคติ โดยมีงานภาพสไตล์ Barbie ที่จะเน้นไปที่ความสดใส และใช้โทนสีชมพูเป็นโทนหลัก

เราจะได้รับบทเป็น The Waitress หรือพนักงานเสิร์ฟของร้าน Nite’s Dinner ที่เมือง Night Springs ซึ่งเธอคนนี้ก็คือตัวแปรของ Rose Marigold ในจักรวาลนี้นั่นเอง เรื่องราวจะเริ่มต้นขึ้นที่ Rose กำลังทำงานอยู่ที่ร้านอาหารของเธอ โดยเธอก็เป็นที่รักของลูกค้าทุกคน เพราะเธอทั้งใส่ใจลูกค้า งานบริการก็ดียอดเยี่ยม รสชาติอาหารก็อร่อยเลิศที่สุดในเมือง ก็ส่งผลให้ร้าน Nite’s Dinner เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในยามว่าง Rose มักจะใช้เวลาส่วนตัวของเธอในการอัปเดตเว็บไซต์เกี่ยวกับนักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันคนหนึ่งที่เธอชื่นชอบ จนทุกคนต่างยกย่องว่าเว็บไซต์ของเธอคือแฟนเว็บไซต์ที่ดีที่สุดในโลก ส่งผลให้ Rose ก็มีแฟนคลับมากมายที่ติดตามเธอในฐานะที่เป็นแฟนคลับของนักเขียนชื่อดังคนนี้เช่นกัน

แต่แล้ววันหนึ่ง Rose ก็ได้รับการติดต่อมาจากนักเขียนคนดังกล่าวผ่านรูปปั้นปลาบนฝาผนัง โดยนักเขียนผู้นี้ก็ได้บอกกับ Rose ว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย และขอร้องให้ Rose รีบมาช่วยชีวิตเขาที Rose ที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่รอช้า เมื่อไอดอลคนสำคัญของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย มันก็ถึงเวลาของแฟนคลับอันดับหนึ่งที่จะต้องยื่นมือเข้าไปช่วย Rose เดินเข้าไปที่หลังร้านและเตรียมอาวุธของเธอ เพื่อออกเดินทางไปช่วยนักเขียนชื่อดังคนนี้ท่ามกลางเสียงเชียร์จากประชาชนภายในเมืองมากมายที่ส่งกำลังใจให้กับเธอ

Rose เดินทางมาถึงท่าเรือ ซึ่งเป็นทางลัดที่ใกล้ที่สุดในการเดินทางไปยังคฤหาสน์ของนักเขียนคนนั้น Rose ได้พบกับชายคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า The Bad Boy หรือผู้ชายทรงอย่างแบดแต่ไม่แซดอย่างบ่อย ซึ่ง Rose ก็ตกใจมากที่เขามีหน้าตาเหมือนกับไอดอลของเธอในเวอร์ชันที่หล่อน้อยกว่า ซึ่ง The Bad Boy คนนี้ก็เป็นตัวแปรของ Scratch วายร้ายหลักของเกม Alan Wake 2 นั่นเอง แต่ในจักรวาลนี้เขาก็ได้แนะนำตัวว่า เขาคือน้องชายฝาแฝดของนักเขียน และเขาอิจฉาพี่ชายของเขาที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ร่ำรวย และมีชื่อเสียง ทำให้เขารู้สึกว่าเขาติดอยู่ในเงามืดของพี่ชายตนเอง เขาจึงได้สร้างกองทัพพวก Hater นิยายของพี่ชายของเขาขึ้นมาเพื่อหวังที่จะทำลายชีวิตของพี่ชาย และตอนนี้เขาก็ได้อ้างว่าเขาจับตัวพี่ชายของเขามาแล้วและพร้อมที่จะจัดการกับเขา นั่นจึงทำให้ Rose โมโหมากและบอกให้ The Bad Boy ปล่อยตัวไอดอลของเธอ แต่ทว่า The Bad Boy นั้นก็ได้เยาะเย้ยเธอ ก่อนที่จะส่งกองทัพพวก Hater เข้ามาจัดการกับ Rose และหลบหนีไป

Rose ใช้ปืนลูกซองและปืนไรเฟิลของเธอจัดการพวก Hater ได้สำเร็จ และรีบเดินทางตามรอยล้อรถมอเตอร์ไซค์ของ The Bad Boy ไป จนเธอได้มาพบกับกระท่อมหลังหนึ่ง ที่ซึ่ง Rose ก็ได้ยินเสียงของไอดอลของเธอตะโกนขอความช่วยเหลืออยู่ข้างในนั้น แต่เมื่อ Rose เดินเข้าไป มันก็เป็นเพียงแค่กลอุบายของ The Bad Boy ที่แกล้งเธอเพียงเท่านั้น Rose ได้ออกมาพบกับ The Bad Boy ที่ชายหาดใกล้กับกระท่อม และขู่ให้เขาบอกความจริงมาว่าเขาจับตัวไอดอลของเธอไปไว้ที่ไหน ซึ่ง The Bad Boy ก็ได้เปิดเผยความจริงว่า แท้จริงแล้วเขาไม่ได้จับตัวพี่ชายของเขามาเลย เขาแค่ต้องการดึงความสนใจของ Rose มาที่นี่ เพื่อที่จะให้กองทัพ Hater ของเขาบุกไปจัดการกับพี่ชายที่คฤหาสน์นั่นเอง Rose ที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวร้อนเลย เพราะเธอถูกพ่อหนุ่มคนนี้ใช้อุบายหลอกล่อเธอถึงสองครั้งติด

Rose รีบเดินทางไปยังคฤหาสน์ของนักขียนชื่อดัง แต่ระหว่างทางเธอก็ได้พบกับกวางตัวหนึ่งที่เป็นร่างทรงให้กับไอดอลของเธอ โดยเขาก็ได้เข้ามาบอก Rose ว่าเขารู้อยู่แล้วว่าแฟนคลับอันดับหนึ่งของเขาจะต้องมาช่วยชีวิตเขาแน่ๆ และเขาก็เชื่อมั่นในตัวเธอ เมื่อกวางตัวนั้นเดินจากไป Rose ก็รีบเดินทางไปที่คฤหาสน์ แต่เมื่อเดินทางมาถึงเธอก็ได้พบกับ The Bad Boy ที่นั่งรอเธออยู่ เขาไม่ยอมให้ Rose เข้าไปช่วยเหลือนักเขียนไอดอลของเธอ ทำให้ทั้งสองคนก็ได้เข้าต่อสู้กัน

เมื่อต่อสู้กันได้สักพัก The Bad Boy กับมอเตอร์ไซค์ของเขาก็กลายร่างเป็นหมาป่าเข้ามาต่อสู้กับ Rose แต่ด้วยพลังแห่งความรักที่ Rose มีให้กับไอดอลของเธอ มันก็สามารถทำให้เธอเอาชนะ The Bad Boy ลงได้ ซึ่งถ้าเราสังเกตดีๆเนี่ย เราจะได้เห็นว่าตัวเกม ได้ใช้กวางและหมาป่ามาเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อความหมายของตัวละครด้วย อย่างนักเขียนไอดอลของ Rose ที่เป็นกวาง และ The Bad Boy ที่เป็นหมาป่า ตามความเชื่อของชาวอเมริกัน กวางจะเป็นตัวแทนของเป็นผู้พิทักษ์ผืนป่า ความเมตตา และความอ่อนโยน ส่วนหมาป่าก็จะเป็นตัวแทนของความป่าเถื่อน และความโหดร้ายนั่นเอง

หลังจากที่ The Bad Boy พ่ายแพ้ เขาก็ได้บอกให้ Rose กำจัดเขาซะ แต่ Rose ก็บอกว่าเธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะเขาคือน้องชายของไอดอลที่เธอตกหลุมรัก The Bad Boy ได้บอกว่าเขาอิจฉาพี่ชายของเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าแท้จริงแล้วลึกๆ ในใจของเขาไม่ได้เกลียดพี่ชายของเขาหรอก แต่เขาเกลียดตัวเองที่เป็นคนที่ไม่เอาไหน และไม่สามารถเป็นแบบพี่ชายของเขาได้ Rose จึงได้ปลอบใจว่า คุณก็สามารถมีความรักแบบนี้ได้เหมือนกัน เพียงแค่คุณต้องหยุดที่จะพยายามที่จะเป็นคนอื่น และจงเป็นตัวของคุณเอง นั่นจึงทำให้ The Bad Boy กลับตัวกลับใจ และขอให้ Rose เข้าไปช่วยพี่ชายนักเขียนของเขาจากพวกกองทัพ Hater ด้วย

Rose บุกเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยความเต็มใจ จัดการกับพวก Hater คนแล้วคนเล่าด้วยปืนลูกซองบนมือของเธอ จนในที่สุดเธอก็สามารถช่วยชีวิตนักเขียนไอดอลของเธอได้ ซึ่งไอดอลคนดังกล่าวนี้ก็คือ Alan Wake และทั้งสองก็ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป

Episode 2: North Star

ตอนที่ 2 มีชื่อตอนว่า North Star ในตอนนี้เป็นตอนที่ผมรู้สึกว่าเป็นตอนที่ดรอปที่สุดใน 3 ตอน เป็นเหมือนตอนที่ทีมงานหยิบนำไอเดียที่ไม่ได้ใช้มาลองทำดูเสียมากกว่า เราจะได้รับบทเป็น The Sibling ที่เป็นตัวแปรของ Jesse Faden ในจักรวาลนี้ ส่วนชื่อตอน North Star ก็เป็นการล้อถึงชื่อ Polaris สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่สิงสถิตอยู่ในตัวของ Jesse ในเกม Control นั่นเอง 

เรื่องราวในตอนนี้ Jesse จะต้องมาตามหาน้องชายของเธอที่ถูกพวกรัฐบาลจับตัวไป เบาะแสเดียวของน้องชายของเธอได้นำเธอมายังสวนสนุก Coffee World ที่เมือง Night Springs ณ เส้นเวลานี้ Jesse จะยังไม่ได้เข้าร่วมกับหน่วยงาน Federal Bureau of Control ทำให้เธอยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดา และยังไม่มีพลังเวอร์วังแบบในเกมภาคก่อนหน้า ทำให้เธอจะต้องระมัดระวังตัวจากภัยต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเธอ

Jesse ได้รับการช่วยเหลือจาก Polaris จนสามารถเดินทางเข้ามาในสวนสนุกได้ เธอก็ได้พบกับปีศาจเงามืดปริศนาเป็นจำนวนมาก เธอจึงตัดสินใจที่จะวิ่งหนีไปที่แสงสว่างและได้พบกับนายอำเภอที่บอกให้เธอเข้ามาหลบในแสงไฟ นายอำเภอคนนี้ก็คือตัวแปรของ Tim Breaker จากเนื้อเรื่องหลักนั่นเอง โดยนี่ก็เป็นกลับมาร่วมเฟรมกันอีกครั้งในรอบ 8 ปี ระหว่าง Shawn Ashmore และ Courtney Hope สองนักแสดง Motion Capture นับตั้งแต่เกม Quantum Break 

นายอำเภอได้บอกกับ Jesse ว่า ปีศาจเงาเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากกาแฟที่มีชื่อว่า Dark Triangle Coffee ซึ่งเป็นกาแฟที่รัฐบาลทำการทดลองขึ้นมา ผู้ใดก็ตามที่ดื่มกาแฟนี้จะต้องกลายร่างเป็นปีศาจกาแฟ นายอำเภอกล่าวเสริมว่าตอนนี้พวกรัฐบาลได้จับพวกชาวบ้านมาทำการทดลองกับกาแฟดังกล่าว และเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นปีศาจกาแฟคลั่ง นั่นจึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องมาช่วยเหลือพวกชาวบ้าน เขาคาดว่ารัฐบาลได้จับพวกชาวบ้านเอาไว้ที่โกดังใกล้ๆ กับสวนสนุกแห่งนี้ เพราะที่โกดังนั่นมีการป้องกันที่หนาแน่นมากๆ Jesse จึงได้ถามนายอำเภอว่าเขาเห็นน้องชายของเธอบางไหม? ซึ่งนายอำเภอก็บอกว่าเขาไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่ถ้าน้องชายของ Jesse ถูกรัฐบาลจับตัวมา บางที่เขาอาจจะถูกจับไว้ในโกดังเดียวกับพวกชาวบ้านก็เป็นได้ นายอำเภอได้มอบปืนพกและไฟฉายให้กับ Jesse และบอกให้เธอลองเดินทางไปตรวจสอบที่โกดังดู โดยเขาก็ได้เน้นย้ำว่าไม่ว่ายังไงก็ตาม ห้ามดื่มกาแฟนั้นโดยเด็ดขาด!

เมื่อ Jesse เดินทางมาถึงโกดังดังกล่าว เธอก็ต้องพบว่าที่นี่ถูกป้องกันด้วยระบบคำสั่งเสียง โดยเธอจะต้องตอบคำถามทั้งสองข้อให้ถูกต้อง โดยคำถามแรกก็คือรหัสลับขององค์กรที่สร้างกาแฟนี้คืออะไร? โดยมีคำใบ้ว่า คำๆ นี้ถูกซ่อนเอาไว้ในวิดีโอเทปต้อนรับพนักงานใหม่ขององค์กร นั่นจึงทำให้ Jesse ต้องเดินทางไปตามหาเทปวิดีโอตัวนั้น Jesse เดินทางกลับมาหานายอำเภอเพื่อสอบถามถึงวิดีโอเทปดังกล่าว ซึ่งนายอำเภอได้ห้ามไม่ให้ Jesse ดูวิดีโอนั้นโดยเด็ดขาด เพราะใครก็ตามที่ได้ดูวิดีโอนั้นก็จะถูกพวกองค์กรล้างสมองผ่านการสะกดจิตจากวิดีโอ และจะกลายเป็นหุ่นเชิดของพวกมันไม่ต่างอะไรกับการดื่มกาแฟเข้าไป แต่ Jesse ก็ไม่มีทางเลือกเพราะเธอต้องการรหัสลับนั้นเพื่อเปิดประตูเข้าไปในโกดัง นายอำเภอจึงได้มอบกุญแจของชิงช้าสวรรค์ให้กับเธอ โดยบอกว่าเขาได้เอาเทปนั้นไปซ่อนเอาไว้ที่นั่น

เมื่อ Jesse ได้วิดีโอเทปมา เธอก็ได้เปิดวิดีโอดังกล่าวดูและได้รหัสลับนั้นมา แต่ทว่าเธอก็กำลังถูกวิดีโอนั้นล้างสมอง แต่โชคดีที่เธอนั้นมี Polaris คอยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่กำลังเข้ามาในจิตใจของเธอ จึงทำให้เธอสามารถรอดพ้นจากการถูกสะกดจิตจากวิดีโอดังกล่าวได้ Jesse เดินทางกลับไปที่โกดังและบอกรหัสลับที่เธอได้มา ทำให้เธอเข้าสู่คำถามที่สองโดยมีคำถามว่า อุณหภูมิที่ใช้ในการต้มกาแฟ Dark Triangle Coffee นั้นคือกี่องศาฟาเรนไฮต์? ทำให้ Jesse ต้องเดินทางไปตามหาเบาะแสที่โซนชงกาแฟ จนในที่สุดเธอก็ได้คำตอบนั้นมา เมื่อ Jesse เดินทางกลับมาตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง สิ่งสุดท้ายที่เธอจะต้องทำเพื่อพิสูจน์ว่าเธอเป็นพวกเดียวกับองค์กรนี้ก็คือเธอต้องดื่มกาแฟ Jesse ที่ไม่มีทางเลือกจึงได้ดื่มกาแฟดังกล่าว และมันทำให้เธอเกือบที่จะกลายร่างเป็นปีศาจ แต่ทว่า Polaris ก็ได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้อีกครั้ง

ระหว่างทางที่เดินกลับมาที่โกดัง Jesse ก็ได้ยินเสียงปืน เธอได้พบกับนายอำเภอที่ถูกพวกปีศาจกาแฟเข้าจู่โจม แต่เขาก็สามารถจัดการกับพวกมันได้ ทว่านายอำเภอก็ได้บอกว่าพวกปีศาจมันได้พ้นกาแฟเข้าไปในปากของเขาแต่โชคดีที่เขาบ้วนมันออกมาได้ทัน และยังยิงมุขติดตลกอีกว่าเขาชอบกินชาร้อนมากกว่ากินกาแฟ นายอำเภอบอกให้ Jesse รีบเข้าไปในโกดัง ส่วนเขาขอพักหายใจอยู่ข้างหน้านี้ก่อน เมื่อ Jesse ผ่านการพิสูจน์ตนเองจากการดื่มกาแฟ เธอก็จะต้องทิ้งอาวุธทั้งหมดถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในโกดัง

เมื่อเข้ามาด้านใน Jesse ก็จะได้พบกับปีศาจแก้วเก็บความร้อน ทำให้เธอต้องคอยหลบพวกมันและหาทางเข้าไปให้ห้องลับให้ได้ เมื่อเข้ามาในห้องลับ Jesse ก็ได้พบกับนายอำเภอที่ตอนนี้ได้ติดเชื้อกาแฟ และกลายเป็นหุ่นเชิดให้กับพวกองค์กรของรัฐบาลไปแล้ว Jesse ถูกนายอำเภอเชิญชวนให้มาดื่มกาแฟด้วยกัน เพราะกาแฟนั้นมีประโยชน์ในการช่วยเรื่องหัวใจ Jesse รีบวิ่งลงไปที่ชั้นใต้ดิน และได้พบกับห้องลับห้องสุดท้าย ซึ่งในที่สุดทุกอย่างก็ได้เฉลยออกมาว่า แท้จริงแล้วเหตการณ์เลวร้ายทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฝีมือของพวกรัฐบาล แต่ทว่ามันเป็นฝีมือของน้องชายที่หายตัวไปของเธอ ซึ่งน้องชายคนนั้นก็คือ Alan Wake นั่นเอง

Fun Fact: ทีมงาน Remedy เป็นทีมผู้พัฒนาเกมจากประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมในการดื่มกาแฟกันเป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่รัฐบาลของฟินแลนด์ต้องออกมาแบนกาแฟ เพราะประชาชนเสพติดกันยิ่งเสียกว่าแอลกอฮอล์เสียอีก หรือถ้าใครติดตาม Social Media ของคุณ Sam Lake เราก็จะได้เห็นว่าวันๆ แกมักจะถ่ายรูปหรือวิดีโอของตัวเขากำลังดื่มกาแฟเป็นส่วนใหญ่ จนบางครั้งก็ไปชวนคนดังคนอื่นๆ มาร่วมติดกาแฟไปกับแกด้วย เรียกได้ว่า Episode นี้ก็เป็นการแซววัฒนธรรมของประเทศฟินแลนด์ หรือของทีมผู้พัฒนาเกมเองนี่แหละครับ

Episode 3: Time Breaker

ตอนที่ 3 มีชื่อตอนว่า Time Breaker ในตอนนี้เรียกได้ว่าหากใครเป็นแฟนเกม Quantum Break และโหยหาตัวเกมภาค 2 กันอยู่ Time Breaker ก็น่าจะเป็นผู้สืบทอดของเกม Quantum Break 2 อย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะทั้งบทพูด นักแสดง หรือแม้กระทั้ง Soundtrack ของตอนนี้ก็ล้วนถูกหยิบมาจากเกม Quantum Break เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

เราจะได้รับบทเป็น The Actor หรือก็คือตัวแปรของนายอำเภอ Tim Breaker ในจักรวาลนี้ ในจักรวาลนี้เขามีชื่อว่า Shawn Ashmore ซึ่งมันก็คือชื่อของนักแสดง Motion capture ของตัวละครนี้จริงๆ ซึ่งคุณ Shawn ก็เคยรับบทเป็นตัวละครเอกของเกมค่าย Remedy อย่าง Jack Joyce ในเกม Quantum Break ด้วย 

เรื่องราวจะเริ่มต้นขึ้นที่สตูดิโอสร้างวิดีโอเกมนามว่า Poison Pill Entertainment ที่เมือง Night Springs ซึ่งมันก็คือบริษัทตัวแปรของ Remedy Entertainment ในโลกความเป็นจริงของเรานั่นเอง Shawn จะได้รับบทนำในเกมใหม่ของ Sam Lake ที่แสดงโดย Sam Lake และให้เสียงพากย์โดย Sam Lake อย่างเกม Time Breaker ซึ่งจะเป็นภาคต่อของเกมหยุดกระสุน สโลเวลา ที่ทุกคนน่าจะคุ้นๆ กันดี

Sam ดีใจมากที่ได้กลับมาร่วมงานกับ Shawn อีกครั้งในเกมนี้ เขาพรรณนาให้ฟังว่าเขาเฝ้าฝันและรอคอยที่จะกลับมาร่วมงานกับ Shawn อีกครั้งมากแค่ไหน Sam และ Shawn ได้พูดคุยกันถึงพล็อตเกม Time Breaker ที่พวกเขากำลังจะสร้าง โดยมีเรื่องราวว่า Shawn จะได้รับบทเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษขององค์กรพิทักษ์กาลเวลานามว่า Ripple Effect Corporation โดยเขาจะต้องออกตามล่าชายคนหนึ่งที่มีฉายาว่า The Master of Many Worlds หรือ Mr. Door ที่เขากำลังทำให้พหุจักรวาลกำลังปั่นป่วน โดยการไล่สังหารตัวแปรของ Shawn ในทุกๆ จักรวาล ตัวละครของ Shawn จะต้องเดินทางไปในแต่ละเส้นเวลา เพื่อหยุดยั้งการสังหารหมู่ของ Mr. Door เพื่อยุติโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ และนำสันติกลับคืนสู่พหุจักรวาลให้ได้ ซึ่ง Shawn และ Sam ก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับพล็อตของเกมนี้ว่ามันโคตรเฟี้ยวเลย หลังจากพูดคุยกันจบ Sam ก็ได้บอกให้ Shawn ไปพักผ่อนที่ห้องพักผ่อนนักแสดงก่อนเพื่อรอถ่ายทำฉากถัดไป

ในขณะที่ Shawn กำลังเดินกลับไปที่ห้องนักแสดงนั้น เขาก็เห็นแสงไฟประหลาดสว่างออกมาจากห้องพักนักแสดง และเขาได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังมาจากห้องของเขา และเมื่อเขาเดินเข้าไปภายในห้อง เขาก็ได้พบกับร่างของตัวเขาอีกคนที่กลายเป็นศพไปเสียแล้ว โดยที่ร่างของของชายคนดังกล่าวก็คือตัวแปรของตัวเขาในอีกจักรวาลที่มีชื่อว่า Tim Branch ข้างกายของร่างนั้นมีอุปกรณ์ไฮเทคตกอยู่เต็มไปหมด ทำให้ Shawn คิดว่านี่เป็นการอำกันเล่นของ Sam Lake โดยเขาก็บ่นว่า แหม่ แกล้งกันเนียนเลยนะ Shawn จึงหยิบอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ขึ้นมา เพราะคิดว่าเป็นพร็อพที่ต้องเอาไว้ใช้ในการแสดง แต่เมื่อเขาหันกลับไปที่ประตู เขาก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่ขององค์กร Ripple Effect Corporation ที่เป็นตัวแปรของ Jesse Faden โดยเธอก็หน้าเสียมากๆ ที่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ Tim Branch ได้ถูก Mr. Door จัดการไปเสียแล้ว ซึ่ง Shawn ก็ยังคงคิดว่านี่คือการอำเขาเล่น โดยเขาก็ได้ถามเธอไปว่า นี่ Sam Lake ก็จ้างคุณมา Motion Capture เกมนี้ด้วยหรอ แต่ Jesse ก็ได้บอกว่าเธอมาช้าไป และบอกให้ Shawn ตั้งใจฟังเธอให้ดีๆ ว่าเขากำลังตกเป็นเป้าหมายถัดไปของ Mr. Door แต่ก็ยังไม่ทันจะพูดจบ Shawn ก็ได้ถูก Mr. Door ดึงเขาข้ามเส้นเวลามายังอีกจักรวาลหนึ่ง

Shawn ได้วาร์ปมาโผล่ที่ใจกลางป่าของเมือง Night Springs เขาได้แต่งงเป็นไก่ตาแตกว่าทั้งหมดมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น Shawn ยังคงคิดว่านี่น่าจะเป็นการสร้าง Method Acting หรือ Reality Show ที่ Sam Lake ใช้เทคโนโลยีแกล้งเขาแน่ๆ Shawn จึงตัดสินใจที่จะเล่นไปตามน้ำและเดินไปตามทาง และบอกว่าถ้าเขาหลุดจากที่นี่ได้เมื่อไหร เขาจะเดินเข้าไปซัดหน้า Sam Lake จังๆ สักที เมื่อเดินมาตามทาง Shawn ก็ได้มาพบกับกระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่ง Shawn ก็ได้ยินเสียงของตัวเขาอีกคนในจักรวาลนี้ที่กำลังนำโหนดพลังงานบางอย่างไปซ่อนเอาไว้ให้พ้นจากเงื้อมมือของ Mr. Door

Shawn จำได้ว่าในพล็อตเกมที่ Sam Lake เล่าให้เขาฟัง ตัวละครของเขาจะต้องใช้เครื่อง Polyhedron Reality Shifter ในการตามหาโหนดพลังงาน Shifter Energy Node เพื่อเก็บมันมาใช้เดินทางข้ามเส้นเวลาผ่านทาง Lumivista TV นั่นจึงทำให้ Shawn ตัดสินใจที่จะเดินทางไปตามหาโหนดพลังงานดังกล่าว ระหว่างทาง Shawn ได้พบกับเบาะแสเกี่ยวกับพหุจักรวาล ที่ตัวแปรของเขาในจักรวาลนี้เป็นคนเขียนขึ้นมา และเน้นย้ำว่าเขาจะต้องตามหาสาวผมแดงคนนั้นให้พบ นั่นจึงทำให้ Shawn เริ่มเชื่อจริงๆแล้วว่า นี่คือเรื่องจริง และไม่ใช่การอำของ Sam Lake อีกต่อไปแล้ว 

Shawn หยิบอาวุธไว้ในมือแน่น และเดินทางไปตามหาโหนดพลังงาน จนในที่สุดเขาก็ได้พบกับมันที่ถูกซ่อนเอาไว้ที่กลางป่า Shawn รีบกลับไปที่ Lumivista TV ที่ตั้งอยู่ในกระท่อมเพื่อที่จะได้กลับสู่เส้นเวลาของตัวเอง แต่ทว่าขณะที่กำลังกลับไปที่กระท่อมนั้น เขาก็ได้พบกับ Mr. Door ที่สังหารตัวแปรของเขาในจักรวาลนี้ไปแล้ว และได้ส่งกองทัพปีศาจของเขานามว่า Time Breakers ออกมาไล่ล่า Shawn 

Shawn ต้องต่อสู้กับพวก Time Breakers และมุ่งหน้าไปที่ทีวีในกระท่อมได้สำเร็จ เขาได้ใช้โหนดพลังงานกับทีวีตามพล็อตเกมของ Sam Lake และข้ามเส้นเวลามายังอีกจักรวาลหนึ่ง ซึ่งจักรวาลนี้จะเป็นจักรวาลที่มีการเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์ขาวดำ ตอนนี้ Shawn ได้มาอยู่ที่ The Oceanview Hotel โรงแรมที่เปรียบเสมือนต้น Yggdrasil ในจักรวาล RCU ที่สามารถพาเขาย้อนเวลาไปไหนก็ได้ Shawn ได้ค้นพบว่าตัวแปรของเขาในจักรวาลนี้ได้ถูก Mr. Door สังหารไปแล้ว ทำให้เขาต้องแก้ไขปริศนาในการย้อนเวลาไปมา เพื่อตามหาโหนดพลังงานที่ถูกซ่อนอยู่ เพื่อที่เขาจะได้เดินทางข้ามจักรวาลได้อีกครั้ง ซึ่งเขาก็ต้องต่อสู้กับพวก Time Breakers มากมายที่เข้ามาขัดขว้าง แต่จนแล้วจนรอด Shawn ก็สามารถหาโหนดพลังงานจนพบ และกระโดดข้ามจักรวาลสำเร็จได้อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ Shawn ตัดสินใจที่จะไม่กลับไปยังจักรวาลของตัวเอง แต่ตั้งใจที่จะไปตามหาสาวผมแดงคนนั้น หรือก็คือตัวแปรของ Jesse คนที่เข้ามาเตือนเข้าในช่วงต้นเกมนั่นเอง 

ซึ่งคราวนี้ Shawn ได้มาโผล่ที่จักรวาลหนังสือการ์ตูน Comics ที่ตัวเขาได้กลายเป็นตัวละครในหน้าหนังสือ Shawn ได้มาอยู่ที่สำนักงานใหญ่ขององค์กรพิทักษ์กาลเวลา Ripple Effect Corporation ซึ่งเขาก็ได้พบกับสาวผมแดงตัวแปรของ Jesse Faden ที่เขาตามหา เธอได้บอกกับ Shawn ว่าเธอนึกว่า Mr. Door กำจัดเขาไปแล้วเสียอีก Shawn จึงได้เล่าเรื่องราวในจักรวาลของเขาให้ Jesse ฟัง ว่าในจักรวาลของเขาพวกเขากำลังสร้างเกมเกี่ยวกับ Multiverse กันอยู่ แต่ในตอนนี้พล็อตเกมที่กำลังสร้างกันอยู่ดันเกิดขึ้นจริงๆ Jesse จึงได้อธิบายเกี่ยวกับพหุจักรวาลให้กับ Shawn ฟัง ว่าในแต่ละจักรวาลพวกเราทุกคนต่างมีตัวแปรที่แตกต่างกัน บางจักรวาลคุณอาจเป็นตำรวจ บางจักรวาลคุณอาจเป็นนักแสดง บางจักรวาลคุณก็มีพลังพิเศษ (กล่าวถึง Quantum Break ที่ตัวละคร Jack Joyce มีพลังในการหยุดเวลา หรืออาจพูดถึง X-Men ที่ Shawn Ashmore แสดงเป็น Iceman) หรือบางจักรวาลคุณอาจเป็นแค่เพียงตัวละครในวิดีโอเกมของใครสักคน (เป็นการ Break the 4th Wall ถึงผู้เล่นว่าในโลกจริงของเราก็อยู่ในจักรวาลของ RCU ด้วย)

Shawn ได้ถามว่าทำไม Mr. Door ถึงได้ออกไล่ล่าตัวแปรของเขา และ Mr. Door คนนี้เป็นใครกันแน่ Jesse จึงเล่าให้ฟังว่า Mr. Door ได้ทำการย้อนเวลากลับไปในอดีตที่ไกลโพ้นมากๆ จนหน่วยงาน REC ไม่สามารถตามรอยของเขาได้ Mr. Door ได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาสามารถเข้าถึงทุกๆ ความเป็นจริงในทุกๆ จักรวาลได้ และเขาก็ถูกกลืนกินโดยบางสิ่งบางอย่างนั้น Jesse ไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัดว่าทำไม Mr. Door ถึงไล่ล่าตัวแปรของ Shawn ในทุกๆ จักรวาล เธอรู้เพียงแค่ว่า Mr. Door มองว่าตัวแปรทุกตัวของ Shawn คือศัตรูตัวฉกาจของเขา Mr. Door จึงได้สังหารตัวแปรของ Shawn และเปลี่ยนร่างของพวกเขาให้กลายเป็นปีศาจนามว่า Time Breakers ตอนแรกเธอคิดว่า Tim Branch ตัวแปรคนนี้ของ Shawn คือกุญแจสำคัญในการยับยั้งเหตุการณ์นี้ แต่แท้จริงแล้วเป็นตัว Shawn เองนี่แหละ ที่คือตัวแปรคนสำคัญที่ Mr. Door กำลังไล่ล่า

Shawn จึงตัดสินใจเข้าร่วมกับองค์กร Ripple Effect Corporation และพร้อมที่จะช่วยเหลือ Jesse ในการหยุดยั้ง Mr. Door แต่ทว่าเขาก็เป็นกังวลกับภารกิจนี้เพราะเขาเป็นเพียงแค่นักแสดงไม่ใช่เจ้าหน้าที่พิเศษ Jesse จึงบอกกับเขาว่า เธอไม่เคยเห็นตัวแปรไหนของเขาสามารถหลบหนี Mr. Door ข้ามจักรวาลได้แบบที่ Shawn  ทำเลย และความมุ่งมั่นที่จะกำจัด Mr. Door ของ Shawn ก็อาจเป็นกุญแจในการต่อกรกับเขา Shawn จึงตัดสินใจที่จะเดินทางข้ามจักรวาลต่อเพื่อยับยั้ง Mr. Door ตอนนี้เข้าไม่ใช่นักแสดงอีกต่อไป แต่เขาคือเจ้าหน้าที่พิเศษขององค์กรพิทักษ์กาลเวลา และภารกิรของเขาก็คือการโค้นล้มจอมปีศาจอย่าง The Master of Many Worlds ลงให้จงได้

Shawn มีความรู้สึกผูกพันธ์บางอย่างกับ Jesse เขาจึงได้ถามเธอว่าความรู้สึกเหล่านี้มันคืออะไร Jesse จึงได้บอกว่ามันคือความรู้สึกของตัวแปรของพวกเขาในจักรวาลอื่นๆ มีให้กัน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ Shawn กับ Jesse ในทุกจักรวาลได้ถูกลิขิตมาให้พบกันนั่นเอง ซึ่งในเกม Quantum Break ทั้งสองก็คือพระเอกและนางเอกที่คู่กันด้วย ก่อนที่ Shawn จะพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า “I’ll come back for you” ซึ่งมันก็คือคำพูดของ Jack Joyce ที่พูดกับ Beth Wilder ใน Quantum Break นั่นเอง

Shawn ได้เดินทางข้ามจักรวาลอีกครั้งและได้มาเผชิญหน้ากับ Mr. Door ซึ่งในจักรวาลนี้จะเป็นจักรวาลของเกมเรโทร 2 มิติ ที่ซึ่ง Mr. Door ได้ส่งกองทัพ Time Breakers เข้ามาโจมตี Shawn ทำให้ต้องต่อสู้กับพวกมันด้วยไฟฉายและปืนพกในมือ จนในที่สุดเขาก็สามารถเอาชนะพวกมันและข้ามจักรวาลตาม Mr Door มาได้อีกครั้ง

ณ ตอนนี้ Shawn ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของจักรวาล ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่วางเปล่าและไม่เหลือแม้แต่สิ่งมีชีวิตใดๆ Shawn สัมผัสได้ว่าตอนนี้ เขาเข้าใกล้จุดจบของเรื่องราวนี้แล้ว ระหว่างทาง Shawn ต้องต่อสู้กับพวก Time Breakers ที่เขามาขัดขว้างเขา แต่เขาก็ยังสามารถเอาชนะพวกมันได้และได้พบกับโหนดพลังงาน ทำให้เขาตัดสินใจกระโดดข้ามจักรวาลอีกครั้ง

ณ จักรวาลใหม่นี้ Shawn ได้กลายเป็นตัวละครในเกมบนระบบ MS-DOS และเราจะต้องคอยตอบคำถามตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น Shawn ได้มาถึงจุดเริ่มต้นของจักรวาล ที่ซึ่งทุกอย่างอยู่นอกเหนือกฏของกาลเวลาและอวกาศ Shawn จำได้เลือนลางว่าภารกิจของเขาคือการตามล่าและกำจัด The Master of Many Worlds 

ในตอนนี้ผู้เล่นจะได้เลือกเส้นทางต่างๆ ที่เกมกำหนดมาให้ ซึ่งก็จะมีฉากจบหลากหลายรูปแบบมากๆ ซึ่งก็เข้ากันกับคอนเซ็ปต์ของ DLC นี้ที่ทุกความเป็นไปได้มีไม่มีที่สิ้นสุด แต่ไม่ว่าผู้เล่นจะเลือกตอบอย่างไร ในฉากจบส่วนใหญ่ก็จะมีตัวแปรของ Jesse Faden เข้ามาพัวพันกับชีวิตของ Shawn แทบทุกเส้นทาง บางฉากจบทั้งสองจะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน หรือบางฉากจบพวกเขาจะกลายเป็นคู่หูกัน แต่ก็ไม่ว่าจะฉากจบไหนมันก็จะมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกันอยู่ดี 

เมื่อผู้เล่นเลือกทางเลือกจนจบแล้ว Shawn จะได้มาเผชิญหน้ากับ The Master of Many Worlds เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเขาผู้นี้ก็ได้นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน กำลังนั่งเขียนนวนิยาย และเปลี่ยนแปลงผลงานศิลปะให้กลายเป็นความจริง เขาเงยหน้าขึ้นมามอง Shawn ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ Shawn รู้สึกประหลาดใจมากที่ชายคนตรงหน้าของเขานั้นไม่ใช่ Mr. Door ที่เขากำลังไล่ล่า หากแต่เป็น Alan Wake, The Master of Many Worlds ชายผู้กำหนดชะตาของทุกๆ คน ในทุกๆ พหุจักรวาลผ่านทางนวนิยายของเขานั่นเอง และเรื่องราวทั้งหมดก็ได้จบลงเพียงเท่านี้ครับ

Fun Fact: ตัวละครของ Mr. Door ที่แสดงโดยคุณ David Harewood ก็เป็นการ Reference ไปถึงวายร้ายในเกม Quantum Break อย่าง Mr. Hatch ที่แสดงโดยคุณ Lance Reddick นั่นเองครับ

In Loving Memories of James Mccaffrey

ในตอนสุดท้ายของ DLC Night Springs นี้ ก็ได้มีการไว้อาลัยให้คุณ James Maccaffey ผู้ให้เสียงพากย์ตัวละคร Max Payne, Zachariah Trench, และ Alex Casey ที่เพิ่งจะจากเราไปเมื่อช่วงปลายปีทีแล้วด้วยนะครับ ซึ่งคุณ James Maccaffey ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงและผู้ให้เสียงที่ร่วมงานกับ Remedy มาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่ามีส่วนร่วมในทุกโปรเจคของ Remedy เลยก็ว่าได้ ซึ่งทางเราก็ขอใช้บทความนี้ร่วมไว้อาลัยแด่คุณ James Maccaffey มา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ

SHARE

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top