เรื่องราวจะดำเนินต่อจากภาค Modern Warfare (2019) ตัวเอกหลักในภาคนี้คือเหล่าทีม Task Force 141 ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษข้ามชาติที่ก่อตั้งโดยกัปตัน John Price ที่มีสมาชิกคือ Kyle ‘Gaz’ Garrick / Simon ‘Ghost’ Riley / John ‘Soap’ MacTavish และภารกิจของเราในภาคนี้คือกองกำลัง Quds ของอิหร่านที่ร่วมมือกับองค์กรก่อการร้าย Urzik Al-Qatala ที่เราน่าจะได้เห็นกันมาแล้วจากภาคแรก
Simon Riley หรือ Ghost รับภารกิจจู่โจมสังหารนายพล Ghorbrani ที่กำลังเดินทางมาทำข้อตกลงค้าอาวุธใน Al Mazrah โดยมีการประสานงานกับทาง Laswell และ Shepherd เมื่อระบุตัวตนชัดเจนว่าเป็นนายพล Ghorbrani ตัวจริง จึงมีคำสั่งยิงมิสไซล์จู่โจมไปยังเป้าหมาย กลุ่มก่อการร้ายและนายพล Ghorbrani ถูกมิสไซล์ถล่มเละเป็นจุณพร้อมคำยืนยันจากปาก Ghost ว่าเป้าหมายถูกกำจัดแล้ว
หลายเดือนต่อมา Laswell เข้าพูดคุยกับ Shepherd เรื่องผู้มีอำนาจคนที่สองรองลงมาจาก Ghorbrani คือ Hassan Zyani ที่ยังคงอยู่ในอิหร่าน และคอยช่วยเหลือเหล่าผู้ก่อการร้ายทั้งด้านอาวุธ เงิน และข้อมูลข่าวสาร และวางแผนแก้แค้นที่กองกำลังสหรัฐฯลอบจู่โจม Ghorbrani และตอนนี้ข้อมูลเผยว่า Hassan อยู่ใน Al Mazrah ทำให้ Shepherd ออกคำสั่งให้จับกุมตัว และผู้ที่ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ Ghost และ Soap ถูกส่งตัวมาสนับสนุนภารกิจนี้ด้วย
ข้อมูลของ Laswell เผยว่า กองกำลังของ Hassan อยู่ในหุบเขา และอาจจะคอยคุ้มกันอะไรบางอย่างเอาไว้ และการบุกในคืนนี้เป็ฯภารกิจจับ Hassan ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตายก็ได้หมด แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจับเป็นเพื่อนำมาเค้นข้อมูล
ทีมปฏิบัติภารกิจของ Ghost และ Soap เดินทางมาถึง Al Mazrah ภารกิจคือการบุกจู่โจมและจับตัว Hassan Ghost ย้ำอีกครั้งว่าจับเป็นหรือตายก็ได้ แต่ถ้าจับเป็นได้จะดีกว่า พวกเขาแบ่งออกเป็นสองทีม แต่เครื่องบินของทีมเราอีกทีมโดนสอยจนร่วง เราจึงต้องฝ่าวงล้อมของศัตรูเข้าไปช่วยเหลือ ไปพร้อม ๆ กับการจัดการภารกิจตามหาตัว Hassan
แม้ว่าการช่วยเหลือจะสำเร็จ แต่ Hassan ไม่อยู่ที่นี่ เมื่อช่วยเหลืออีกทีมได้แล้ว เราจึงรวมทีมกันเข้าสำรวจโกดังเก็บของ ก่อนจะพบว่าจรวดขีปนาวุธของอเมริกาถูกซ่อนไว้ที่นี่ Ghost ติดต่อกับ Laswell เพื่อแจ้งข่าวนี้ Shepherd ไม่ต้องการให้สาธารณะชนรับรู้ว่าอาวุธร้ายแรงของอเมริกาตกไปอยู่ในมือของอิหร่านได้ยังไง แถมยังไม่รู้ด้วยว่ายังมีอาวุธของอเมริกาตกไปอยู่ในมือของอิหร่านอีกมากน้อยแค่ไหน Laswell คิดว่างานนี้ต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย ขณะที่ Shepherd ยืนยันว่าต้องการทำลายขีปนาวุธที่พวก Ghost เจอทิ้งซะ แล้ว Laswell ก็นึกขึ้นได้ว่าเบาะแสคือเมือง Amsterdam อาจเป็นศูนย์กลางการลักลอบขนส่งสินค้า เพราะท่าเรือและลำคลองนั้นไมไ่ด้เข้มงวดมาก แถมอิหร่านก็มีพันธมิตรอยู่ที่นั่น Laswell จึงติดต่อทีมบราโว่ที่อยู่ที่นั่น ซึ่งก็คือ John Price และ Gaz นั่นเอง
Price และ Gaz บุกมาที่ท่าเรือที่คาดว่าน่าจะเป็นจุดลักลอบขนของเถื่อนของพวก Hassan ทั้งสองพบตัวสมาชิกกลุ่ม Las Almas ที่เป็นพวกแก๊งเม็กซิกัน ที่คาดว่าทำงานลักลอบขนของให้พวกอิหร่าน และทำงานให้กับ Hassan เบาะแสชี้ว่าแก๊งนี้กำลงนัดพบกับพวก Al-Qatala ที่คาเฟ่ Gracht ในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้านี้ Laswell จึงตามมาสมทบกับ Price และ Gaz จากเบาะแสที่อัมสเตอร์ดัม ทำให้รู้ว่าพวกกลุ่ม Las Almas เตรียมลักลอบนำผู้ก่อการร้ายจากอิหร่านเข้ามายังชาสยแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ทำให้ Laswell ติดต่อไปยัง Alejandro Vargas ให้รีบไปหยุดยั้ง พร้อมกับหมายหัว Hassan Zyani แต่ภารกิจจบลงด้วยความล้มเหลวอีกครั้ง
ภารกิจ ณ เมืองอัมสเตอร์ดัม
การบุกจับตัวที่ชายแดนล้มเหลว
จากนั้น Alejandro Vargas และ Rodolfo “Rudy” Parra ได้เข้าร่วมปฏิบัติการร่วมกับ Ghost, Soap และ Graves เข้าจับกุม Hassan ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องบุกฝ่าพาตัวกันออกมาจากกองกำลังจู่โจม น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดก็ถูกบังคับให้ต้องปล่อยตัวไป เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางการเมือง และพวก Ghost ก็จัดการฝังเครื่องติดตามไว้ที่มือถือของ Hassan
แม้จะจับตัวมาได้ แต่ก็ต้องปล่อยตัวไป เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเมือง
จากการแกะรอยมือถือของ Hassan นำพาให้ Price, Laswell, Gaz ไปยังสเปน เพื่อบุกไปยังสถานที่ประมงของพวก Las Almas และค้นพบว่ามีอุปกรณ์ GPS ที่ผลิตในรัสเซียเพื่อใช้สำหรับขีปนาวุธที่ถูกขโมยมา ก่อนที่ Laswell จะพลาดท่าถูกพวก Al-Qatala จับตัวไป Price และ Gaz จึงต้องตามไปช่วยเธอที่ Urzikstan โดยได้รับความร่วมมือจากเพื่อนเก่าอย่าง Nikolai และ Farah Karim อีกด้านหนึ่ง Ghost และ Soap ก็แทรกซึมไปยังสถานที่ประชุมของพวก Las Almas เพื่อยืนยันเป้าหมายที่เป็นหัวหน้าอย่าง El Sin Nombre แต่แท้ที่จริงแล้วหัวหน้าที่แท้จริงก็คือ Valeria Garza อดีตเพื่อนร่วมงานของ Alejandro ที่ทำข้อตกลงกับ Shadow Company โดยให้ที่ตั้งขีปนาวุธของอเมริกาให้นั่นเอง
Laswell พลาดท่าระหว่างภารกิจที่สเปน
การกลับมาของสหายเก่า Farah Karim
Valeria Garzia (ขวา)
Ghost, Graves, Soap และ Alejandro จึงออกทำภารกิจโจมตีแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ถูกทิ้งร้าง และเรือขนสินค้าเพื่อป้องกันไม่ให้ขีปนาวุธถูกปล่อยออกมา แม้จะหยุดยั้งเอาไว้ได้ แต่ท้ายที่สุด Shadow Company ที่นำโดย Graves ก็หักหลัง Alejandro และพวก Ghost โดยเป็นคำสั่งของผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง Shepherd ในขณะที่ Ghost และ Soap หนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่ Alejandro ถูกจับตัวเอาไว้ Laswell, Price, Gaz, Ghost, Soap จึงเปิดฉากแหกคุกเพื่อช่วยเหลือ Alejandro และทีมของเขา
ภารกิจบุกแท่นขุดเจาะน้ำมัน
Graves ผู้ทรยศ
บุกช่วย Alejandro
หลังจากช่วย Alejandro สำเร็จ Laswell สืบเบาะแสย้อนไปเมื่อก่อนหน้านี้พบว่า Shepherd และ Graves ได้รับหน้าที่ให้รับผิดชอบดูแลภารกิจการขนส่งขีปนาวุธ ซึ่งควรจะถูกส่งไปให้ประเทศพันธมิตรในตะวันออกกลางและ URA เพื่อต่อต้านรัสเซีย แต่ก็ถูกกองกำลังรัสเซียเข้าโจมตี และชิงขีปนาวุธทั้งหมดไป และซ่อนไว้ เมื่อรู้ต้นตอตัวการแล้ว Price สัญญาว่าหลังจากจัดการ Hassan และ Graves ได้แล้ว ต่อไปก็ถึงคิวของ Shepherd ทีม Task Force 141 และกองกำลังพันธมิตรของเม็กซิโกได้ร่วมมือกันจัดการ Graves ลงได้ และได้รับข้อมูลจาก Valeria ว่า Hassan อยู่ที่ชิคาโก เตรียมยิงขีปนาวุธโจมตี Washington D.C. พวกเขาจึงรีบตามมาสกัดแผนร้ายครั้งนี้ได้สำเร็จ
Price เผชิญหน้าเจรจากับ Shepherd
Hassan มีแผนจะยิงมิสไซล์จากชิคาโก้
สังหาร Hassan Zyani
อย่างไรก็ตาม Shepherd หลบหนีไป ในขณะที่ Laswell แจ้งต่อทีม Task Force 141 ว่า ผู้นำกลุ่มชาตินิยมของรัสเซียคือคนที่บุกโจมตีตอนขนส่งขีปนาวุธ และตัวการคือ Vladimir Makarov
Mid Credit
บนเครื่องบินโดยสาร ผู้ก่อการร้ายชาวรัสเซียเตรียม Hijack เครื่องบิน และได้รับข้อความจากบุคคลปริศนาชื่อ M สั้น ๆ ว่า “์No Russian”
