เปิดตัวมาแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Prince of Persia ฉบับ Remake ที่ยังคงเรื่องราวและเนื้อหาจากต้นฉบับในภาค The Sands of Time เหมือนเดิม และเหมือนเช่นเคย GamingDose จะขอจับมือพาทุกคนกลับไปสัมผัสเรื่องราวของทรายแห่งกาลเวลาอันแสนตื่นเต้นนี้กันอีกครั้งในแบบไตรภาคครับ
เนื้อเรื่องภาค The Sands of Time
ยุคศตวรรษที่ 9 King Sharaman กษัตริย์แห่งกรุงเปอร์เซีย ได้นำกองทัพและราชโอรสเข้าร่วมสงครามเพื่อต่อสู้กับอินเดีย ซึ่งมีมหาอุปราช Vizier ที่ทรยศมาอยู่ข้างเปอร์เซีย และแนะนำให้ Sharaman ก่อสงครามยกทัพมาล้อมอินเดียของ Maharajah เพื่อความรุ่งโรจน์ของเปอร์เซียสืบไป
ในระหว่างการบุกโจมตีวังของ Maharajah The Prince หรือเจ้าชายแห่งเปอร์เซียได้ลักลอบเข้าไปในวังและเข้าไปถึงด้านในห้องเก็บสมบัติ เขาก็ได้พบกับของสิ่งหนึ่งนั่นก็คือกริชเรืองแสงที่ส่องสว่างดึงความสนใจไปจากเขา ซึ่งหลังจากเขาหยิบมันออกมาก็ค้นพบว่ากริชเล่มนี้มีพลังในการควบคุมกระแสของเวลาให้หยุด ย้อน หรือเดินหน้าไปได้ตามที่ต้องการจากพลังของสิ่งที่เรียกกว่า “ทรายแห่งเวลา” ที่อยู่ด้านใน ซึ่งเจ้าชายก็เก็บมันไว้กับตัวทันที
เมื่อกลับมารวมกลุ่มกับเสด็จพ่อ Sharaman และ Vizier ที่เข้ามารอด้านในวังแล้ว ที่ปรึกษาเจ้าเล่ห์ Vizier ก็เริ่มทวงถามถึงรางวัลที่เขาควรได้รับจากการช่วยเหลือในการรบครั้งนี้ทันที ซึ่งสิ่งที่เขาต้องการก็คือกริชเรืองแสงที่เจ้าชายนำมาจากห้องเก็บสมบัติในวัง ทว่า Sharaman ปฏิเสธ พร้อมกับบอกว่าเจ้าชายคู่ควรกับกริชเล่มนั้นมากกว่า รวมไปถึงมีส่วนร่วมในการรบมากไม่แพ้คนอื่น ๆ ในกองทัพอีกด้วย
กองทัพของเปอร์เซียกวาดต้อนสมบัติและของอื่น ๆ จากวังของ Maharaja กลับสู่เมืองของตน รวมไปถึงนาฬิกาทรายขนาดใหญ่ที่พวกเขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร นำไปตั้งโชว์ในพระราชวังของกรุง Azard ที่เป็นพันธมิตรกับเปอร์เซียในการบุกเข้าโจมตี แน่นอนว่าสุลต่านแห่ง Azard ถูกต้องใจกับทรายที่อยู่ด้านในนั้นมากเพราะมันส่องสว่างสวยงามไม่เหมือนใคร ซึ่งมันก็คือทรายแห่งเวลา ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการควบคุมกระแสของเวลานั่นเอง
เมื่อได้โอกาสอีกครั้ง Vizier จึงล่อลวงให้เจ้าใช้กริชแห่งเวลาเสียบเข้าไปในนาฬิกาทราย เพื่อปลดปล่อยทรายที่อยู่ด้านในออกมา เฉลิมฉลองให้กับชัยชนะที่พวกเขามีเหนือศัตรู ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเลวร้ายกว่าที่คิด เพราะทุกคนในท้องพระโรงและชาวเมืองถูกเปลี่ยนร่างกลายเป็นปีศาจกระหายเลือดหมายฆ่าทุกคนที่ยังรอดชีวิต Vizier บอกให้เจ้าชายมอบกริชแห่งเวลามาให้เขาเพื่อแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เจ้าชายไม่เชื่อใจเสนาธิการเฒ่า เพราะเขาเห็นว่า Vizier ใช้ไม้เท้าของตนเองทำอะไรบางอย่างกับทรายแห่งเวลา นำกริชหนีออกไปด้านนอกทันที ซึ่งในระหว่างการหลบหนี เจ้าชายได้พบกับ Farah เจ้าหญิงแห่งอินเดียที่ถูกจับมาเป็นเชลยของเปอร์เซีย ซึ่งตัวของเธอนั้นไม่ได้กลายร่างกลายเป็นปีศาจเหมือนกับคนอื่น ๆ เพราะเธอนั้นมีสร้อยที่มีพลังต่อต้านผลของทรายแห่งเวลาอยู่ เช่นเดียวกับเจ้าชายที่มีกริชอยู่กับตัวทำให้ผลของการเปลี่ยนแปลงเวลาไม่เกิดขึ้นกับเขานั่นเอง
เมื่อผ่านการทะเลาะกันพอหอมปากหอมคอ เจ้าชายและ Farah จึงตกลงกันว่าจะหาทางทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมด้วยการแก้ไขในสิ่งที่ทรายแห่งเวลาและ Vizier ทำไว้ ออกเดินทางปราบเหล่าศัตรูและผจญภัยไปด้วยกัน พลังจากกริชแห่งเวลานั้นช่วยให้เขาสามารถทำการย้อนเวลาหรือเร่งเวลาให้เร็วขึ้นได้ รวมไปถึงความรู้สึกดีๆ ระหว่างเขากับ Farah ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
แม้จะมีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน แต่ในภาพนิมิตที่เจ้าชายเห็นจากกริชแห่งเวลาในระหว่างการผจญภัยว่า Farah นั้นจะทรยศเขาในภายหลังที่เขารวบรวมทรายแห่งกาลเวลาได้รบกวนจิตใจเขาอย่างมาก จนทำให้เขาเกิดความลังเลว่าจะเชื่อใจเธอได้หรือไม่
ในที่สุดหลังจากที่เจ้าชายและ Farah เดินทางมาถึงห้องที่เก็บนาฬิกาทรายแห่งเวลาเอาไว้ Farah ก็ขอร้องให้เจ้าชายในกริชแห่งเวลาดูดทรายที่รั่วไหลออกไปกลับมาเพื่อย้อนกลับไปสู่อดีต แต่เขานั้นกลับลังเลเพราะภาพนิมิตที่ออกมาจากในกริชนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ แต่แล้วจู่ ๆ Vizier ก็ปรากฏตัวออกมาขัดขวางเขาจนเกิดพายุโหมกระหน่ำพัดทั้งเขาและ Farah กระเด็นออกมาจากหอคอย เมื่อเอาตัวรอดมาได้ทั้งสองจึงตัดสินใจหลบไปหาที่พักกันก่อน
แต่เมื่อเจ้าชายฟื้นขึ้นมาก็พบว่า Farah ขโมยกริชแห่งเวลาหนีไปจากเขาแล้ว และพยายามปีนกลับไปบนหอคอยเพื่อแก้ไขกระแสเวลาที่วุ่นวายนี้ ซึ่งเมื่อปีนขึ้นไปถึงตัวของ Farah ก็พบว่าเธอถูกเหล่าปีศาจรุ่นโจมตีจนเสียชีวิต สร้างความเศร้าโศกให้แก่เขาอย่างมาก ซึ่งช่วงเวลานั้นเอง Vizier ก็ปรากฏตัวขึ้นมาพูดจาหว่านล้อมให้เขามอบกริชให้แลกกับความเป็นอมตะ แต่เจ้าชายไม่ยอมและใช้มันกับนาฬิกาทรายในการย้อนเวลากลับไป ก่อนที่สงครามระหว่างเปอร์เซียกับอินเดียจะเกิดขึ้น
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง เจ้าชายที่ถือกริชแห่งเวลาเอาไว้ในมือก็ไม่รอช้ารีบเดินทางไปยังวังของ Maharaja และไปพบกับ Farah ในอดีต เล่าสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ไม่พ้นสายตาของเฒ่าเจ้าเล่ห์ Vizier ที่ตามมาทันและเตรียมจะฆ่า Farah พร้อมป้ายความผิดให้เจ้าชายเพื่อขจัดเสี้ยนหนามที่ขัดขวางแผนการในการครองชีวิตอมตะของเขา แต่เจ้าชายก็พิชิต Vizier ได้สำเร็จ ก่อนที่ความเลวร้ายทั้งหมดทั้งมวลจะเกิดขึ้น
ท้ายที่สุดเจ้าชายก็ได้มอบกริชแห่งกาลเวลาให้กับ Farah เพื่อให้เธอนำมันออกไปให้ห่างจากมือของคนชั่ว และไปใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกที่ควรต่อไป
เนื้อเรื่องภาค Warrior Within
ด้วยการเปลี่ยนแปลงของเส้นเวลาที่เจ้าชายได้ทำขึ้น ทำให้ทุกอย่างที่ควรจะเกิดขึ้นปั่นป่วนไปหมดเพราะฝีมือของเจ้าชายที่ปลดปล่อยทรายแห่งเวลาออกมาสู่โลกภายนอก ซึ่งสิ่งนี้ได้ไปปลุกให้ปีศาจแห่งกาลเวลานามว่า Dahaka ตื่นขึ้นมา ออกตามล่าทุกคนที่ควรจะต้องตายในเส้นเวลาเดิมทั้งหมดเพื่อนำพาสมดุลคืนมา ซึ่งก็รวมไปถึงตัวของเจ้าชายเองด้วย
หลังจากหลบหนีการตามล่าอยู่นานถึงเจ็ดปีเต็ม ในที่สุดเขาก็ได้เบาะแสมาจากผู้รอบรู้คนหนึ่งว่า การที่จะหนีรอดการตามล่าของเหล่าผู้พิทักษ์แห่งกาลเวลาไปได้นั้น เขาต้องเดินทางไปยังเกาะแห่งหนึ่งที่เป็นต้นกำเนิดของทรายแห่งกาลเวลา ซึ่งเกาะแห่งนี้นั้นไม่ปรากฏอยู่ในแผนที่ และการเดินทางไปยังที่แห่งนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่เจ้าชายก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ทางเดียวที่เขาจะทำคือทำลายทรายแห่งเวลาเพื่อแก้ไขอดีตอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ตัดสินใจที่จะล่องเรือออกเดินทางหาเกาะแห่งนี้ต่อไป
ระหว่างการเดินทาง เจ้าชายก็ถูกโจมตีจาก Shahdee ทาสรับใช้ของจักรพรรดินีแห่งเวลาผู้อยู่เบื้องหลังการตามล่าของเจ้าชายจนเรืออับปางลง แต่ด้วยดวงของพระเอกที่ยังแข็งพอทำให้เขารอดมาได้และลอยคอมาจนถึงเกาะแห่งหนึ่ง เมื่อเขารู้สึกตัวก็ได้พบกับ Shahdee คู่กรณีที่รออยู่แล้ว ทำให้เจ้าชายตัดสินใจที่จะตามล่าเธอเพื่อแก้แค้นให้เหล่าลูกเรือ แต่เมื่อเข้าไปถึงตัวเธอได้ เจ้าชายก็ถูกวาร์ปพามายังยุคอดีตที่ Shahdee กำลังจะสังหารหญิงสาวคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาเขานั่นเอง
เจ้าชายได้เข้าขัดขวางและจัดการ Shahdee ไม่ให้สังหารผู้หญิงคนนั้นและช่วยเธอไว้ได้สำเร็จ และ Kaileena คือชื่อของเธอ โดยเธอแนะนำตัวว่าเป็นข้ารับใช้ของจักรพรรดินีแห่งกาลเวลา ทำให้เจ้าชายรู้สึกสนใจและขอร้องให้เธอพาเขาไปหาจักรพรรดินีแห่งกาลเวลาทันที แต่เธอก็ได้ปฏิเสธและบอกเขาว่าการจะเข้าพบจักรพรรดินีนั้น เขาจะต้องทำการแก้ปริศนากลไกหน้าห้องบัลลังก์ที่อยู่ตรงหนร้าเขาให้ได้เสียก่อน
เมื่อทราบดังนั้นเจ้าชายก็ได้ออกสำรวจสถานที่แห่งนี้ ซึ่งก็คือป้อมปราการแห่งกาลเวลานั่นเอง แต่ในระหว่างการสำรวจนั้น Dahaka ก็ตามเขามาได้ทันและตามล่าเจ้าชายต่ออย่างไม่หยุดยั้ง ทว่าก็มี Sand Wraith หรือภูติแห่งทรายปรากฏตัวขึ้นออกตามติดตัวเขาด้วย แต่ Dahaka เองก็มีเป้าหมายเป็น Sand Wraith ตัวนี้ด้วยเช่นกัน สร้างความสับสนให้กับตัวของเจ้าชายเป็นอย่างมากว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อเจ้าชายแก้ปริศนาทางเข้าห้องบัลลังก์ได้สำเร็จ Kaileena ก็เปิดเผยตัวตนว่า เธอนั่นแหละคือจักรพรรดินีแห่งกาลเวลาตัวจริง ซึ่งเธอได้พยายามที่จะสังหารเจ้าชายก็เพื่อรักษาชีวิตของตนเองจากเงื้อมมือของเขา พร้อมเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองเพื่อไม่ให้พบกับจุดจบด้วยการชิงลงมือฆ่าเจ้าชายเสียก่อน ซึ่งในตอนที่เจ้าชายเข้ามายังป้อมปราการแห่งนี้พร้อมกับ Shahdee ก็เป็นจังหวะที่ Kaileena กำลังจะฆ่าเธอเพราะทำงานพลาดนั่นเอง แถมยังเอาตัวปัญหาอย่างเจ้าชายติดมาด้วย
การต่อสู้จบลงโดยที่ชัยชนะเป็นของเจ้าชายและความตายของ Kaileena ซึ่งเขาก็ได้ใช้ประตูมิติที่อยู่ในห้องบัลลังก์เดินทางกลับสู่เส้นเวลาปัจจุบัน ทว่า Dahaka ก็ยังคงตามล่าเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งเจ้าชายก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วการตายของ Kaileena นั้นทำให้ทรายแห่งเวลากำเนิดเกิดขึ้นมาจากเศษซากที่เหลืออยู่ของเธอที่สลายเป็นผุยผงไปนั่นเอง
แต่ท่ามกลางความสิ้นหวังนี้ก็ยังมีแสงสว่างส่องมาให้เห็น เพราะเจ้าชายได้มาพบกับศิลาในสุสานแห่งหนึ่งที่มีข้อความจารึกเอาไว้เกี่ยวกับ Mask of the Wraith ที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงเส้นเวลาได้เช่นกัน ซึ่งหน้ากากชิ้นนี้พ่อของ Farah คนรักเก่าของเขาเคยใช้มันมาก่อน ซึ่งเมื่อเขาได้สวมมันแล้วก็พบว่าตัวเองได้กลายเป็น Sand Wraith ที่เขาเคยเจอในป้อมปราการแห่งเวลานั่นเอง
การสวม Mask of The Wraith ทำให้เจ้าชายเข้าใจได้ว่า ตัวของเขาเองนี่แหละที่พยายามเตือนตัวเองในป้อมปราการแห่งเวลาถึงสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในนั้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น จนถึงช่วงที่เจ้าชายในเส้นเวลาใหม่นี้เปิดกลไกของห้องบัลลังก์ได้ เขาก็ปล่อยให้เจ้าชายในเส้นเวลาใหม่นี้ถูกฆ่าโดย Dahaka โดยที่ตัวของเขาเองจะได้แก้ไขเส้นเวลานี้ให้มีชีวิตรอดต่อไป
หลังจากถอดหน้ากากออก เจ้าชายก็ได้เข้าไปพูดคุยและเจรจากับ Kaileena ถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต รวมไปถึงโน้มน้าวให้เธอเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเองโดยที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งต้องตาย แต่เธอก็ไม่ฟังเขา เมื่อไม่มีทางเลือก เจ้าชายจึงได้ผลัก Kaileena เข้าไปในประตูมิติ เพื่อพาเธอไปยังเส้นเวลาปัจจุบันที่เจ้าชายได้จากมา
ถึงจุดนี้ตัวเกมจะมีฉากจบสองแบบ ขึ้นอยู่กับผู้เล่น
ไม่ได้เก็บดาบ Water Sword มา(ฉากจบแบบ Bad Ending)
ไม่ว่าจะเจรจาอย่างไร Kaileena ก็จะไม่ยอมฟังเจ้าชาย จนทั้งสองต้องต่อสู้กันจนถึงชีวิตในที่สุด เมื่อการต่อสู้จบลง Dahaka ก็เข้ามาดูดพลังจากร่างของ Kaileena ที่มีพลังอยู่เต็มเปี่ยม และเอาเหรียญแห่งเวลาที่เป็นของดูต่างหน้าของ Farah ไปจากเจ้าชายอีกด้วย แต่การต่อสู้ก็ไม่เกิดขึ้นเพราะตัวของ Dahaka ได้หายไป เพราะวัฎจักรของเวลาถูกทำลาย เขาจึงไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก ซึ่งเกมจะจบลงโดยที่เจ้าชายต้องเดินทางกลับไปยังเปอร์เซียอย่างโดดเดี่ยว และเสียงของผู้ทรงปัญญาว่าการเดินทางของเขานั้นจบลงในแบบที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เก็บดาบ Water Sword มาได้ในระหว่างการเล่น(แบบ Good Ending)
แม้ Kaileena จะไม่ยอมฟังที่เจ้าชายพูด แต่การต่อสู้ระหว่างทั้งสองก็ไม่เกิดขึ้น เพราะ Dahaka โผล่มาเพื่อจัดการกับเธอพอดี แต่เขาก็พบว่าดาบ Water Sword ที่เขามีติดตัวไว้นั้นสามารถใช้จัดการกับ Dahaka ได้ และการปราบ Dahaka ลงก็เป็นเหมือนกับการแก้ไขชะตากรรมของเขาและ Kaileena ได้สำเร็จ ซึ่งทั้งสองก็ตัดสินใจเดินทางกลับบาบิโลน เมืองหลวงของเปอร์เซียต่อไป
เนื้อเรื่องภาค Two Thrones
เนื้อเรื่องของภาคนี้จะต่อเนื่องจากภาค Warrior Within แบบ Good Ending ทันที ซึ่งเมื่อเจ้าชายและ Kaileena เดินทางไปถึงบาบิโลน ก็พบว่าเมืองถูกรุกรานโดยชาว Scythians และจัดตั้งกองกำลังรอต้อนรับเข้าอยู่แล้ว ผลจากการบุกโจมตีนี้ทำให้เรือของเจ้าชายจมลง แม้เขาจะรอดมาได้ แต่ Kaileena ก็ถูกกองกำลังของพวก Scythians จับตัวไปยังหอคอยบาเบล ทำให้เขาพยายามรีบเข้าไปช่วยเหลือเธอทันที
เมื่อเข้าไปถึงหอคอยบาเบล เจ้าชายก็ได้พบกับผู้เฒ่า Vizier เจ้าเก่าที่กลับมาจากความตายอีกครั้งเนื่องจากเส้นเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป และที่แย่ที่สุดคือ Vizier นั้นได้ครอบครองทั้งทรายแห่งกาลเวลา กริชแห่งเวลา และของวิเศษอีกมากมายที่ทำให้เขาได้เปรียบเจ้าชายแบบสุด ๆ รวมไปถึงหนังสือที่บันทึกเรื่องราวของจักรพรรดินีแห่งเวลาหรือ Kaileena นั่นเอง
Vizier ได้ใช้กริชแห่งเวลาแทง Kaileena จนเสียชีวิต เป็นผลให้ทรายแห่งเวลาทะลักออกมาจนทุกคนในบริเวณนั้นถูกทรายกลืนกินจนร่างกายเปลี่ยนแปลงไป แต่ชั่วขณะนั้น Vizier ใช้กริชแห่งเวลาแทงตัวเองเพื่อรับพลังอมตะ พร้อมเรียกตัวเองในชื่อใหม่ “Zurvan” เทพเจ้าแห่งเวลา แต่เจ้าชายก็อาศัยความว่องไว แย่งกริชแห่งเวลามาจากมือของ Zurvan หลบหนีออกมาได้ในสภาพเจียนตาย
แม้จะหนีรอดมาได้ แต่เจ้าชายนั้นได้รับผลกระทบจากทรายแห่งเวลาเข้าไปเต็ม ๆ ที่แขนข้างซ้ายของเขา พลังนั้นกระตุ้นด้านมืดในจิตใจของเขาให้ตื่นขึ้นมาจนกลายเป็นปีศาจที่มีพลังมหาศาล และเข้าควบคุมร่างกายของเขา ซึ่งนั่นทำให้เจ้าชายคิดที่จะใช้พลังทั้งสองขั้วนี้ในการจัดการกับ Zurvan ให้ได้
เจ้าชายและชาวเปอร์เซียที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ร่วมมือกันเพื่อหาทางกำจัด Vizier และในระหว่างทางนั้นเองเขาก็ได้พบกับ Farah คนรักเก่าที่เข้ามาร่วมรบในศึกนี้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเธอจำเจ้าชายไม่ได้เลย ซึ่งเขาต้องทำให้เธอเชื่อใจรวมไปถึงปิดบังความลับว่าเขานั้นถูกทรายแห่งเวลาครอบงำจนมีส่วนหนึ่งกลายเป็นปีศาจ แต่ท้ายที่สุดยังไง Farah ก็รู้อยู่ดีว่าเจ้าชายได้ถลำเข้าสู่ด้านมืดแล้ว
ไม่ว่าเจ้าชายจะพยายามชัดแม่น้ำทั้งห้า อธิบายให้ Farah เชื่อใจเขาก็ไม่เป็นผล พร้อมถูกเธอตอกกลับมาอย่างเจ็บปวดว่า สิ่งที่เขาทำไปนั้นมีเพียงแค่การล้างแค้นเท่านั้น เขาไม่ได้คิดถึงหัวจิตหัวใจของชาวเปอร์เซียที่รักและศรัทธาในราชวงศ์เลย ปล่อยให้ประชาชนในเมืองบาบิโลนต้องเจอชะตากรรมอันยากลำบากด้วยตัวเอง แม้จะทำใจได้ยากแต่เขาก็ยังได้รับการช่วยเหลือจากผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ช่วยให้ทั้งสองเข้าถึงตัว Zurvan ได้
ทว่าการต่อสู้กับ Vizier หรือ Zulvan นั้นไม่เป็นไปดังที่คาดแม้ทั้งสองจะใช้ฝีมืออย่างเต็มที่ Farah ถูกจับตัวและเจ้าชายก็ถูกโจมตีจนร่วงลงสู่ชั้นใต้ดินของหอคอยบาเบล ด้วยความอ่อนแอของจิตใจที่ตกต่ำถึงขีดสุดทำให้เขาถูกความคิดด้านลบกัดกินจิตใจจนด้านมืดของเขาสามารถควบคุมร่างของเจ้าชายได้สมบูรณ์
หลังจากที่ครอบงำร่างของเจ้าได้สำเร็จ ด้านมืดของเขาก็พูดดูถูกเจ้าชายสารพัดสิ่งที่เขาทำผิดพลาด จนเส้นเวลาผิดเพี้ยนไปหมด รวมไปถึงทำให้คนที่รักต้องตายจากไปหลายคน ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากยอมรับว่าความยโสโอหังของเขานั้นคือสาเหตุที่ทำให้ทุกอย่างพังทลายลง แต่แล้วในที่สุดเขาก็ได้พบกับร่างของ Sharaman ผู้เป็นพ่อที่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว
ด้วยความเศร้าที่ผู้เป็นพ่อได้จากไป ทำให้เจ้าชายรู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไปเพราะความโง่เขลาและจองหองของตน จนละเลยความรู้สึกของคนที่รักและประชาชน ความรู้สึกผิดนี้ทำให้เจ้าชายรู้ตัว และพร้อมจะปรับปรุงตัวเองเป็นคนใหม่ ซึ่งนั่นก็ทำให้ดาบประจำราชวงศ์ที่เขาได้รับมาจาก Sharaman ส่องสว่างขึ้น เหมือนเป็นการยอมรับแล้วว่าเจ้าชายคู่ควรกับมันแล้วนั่นเอง ซึ่งนั่นก็ทำให้เขากลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง และปัดเป่าด้านมืดในจิตใจออกไปได้ในที่สุด
เมื่อกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งได้รับพลังจากกาบประจำราชวงศ์ เจ้าชายได้ไต่ขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอยบาเบล จัดการกับ Zulvan และช่วย Farah ออกมาได้สำเร็จ พร้อมกับใช้กริชดูทรายแห่งเวลาที่รั่วไหลกลับมาทั้งหมด จนร่างของ Kaileena ที่แปรสภาพกลายเป็นกลุ่มพลังงานกลับมาหาเขาอีกครั้งเพื่อจบเรื่องราวทุกอย่าง เจ้าชายได้มอบกริชแห่งเวลาให้กับเธอ และเธอก็รักษาแขนซ้ายที่ถูกทรายครอบงำอยู่จนกลายเป็นปกติ ก่อนที่จะสลายหายไปเพื่อค้นหาความสงบที่แท้จริงต่อไปพร้อมกับนำเอาทรายแห่งเวลาทั้งหมดออกไปจากมิติแห่งนี้ด้วย
ทว่าทุกอย่างก็ยังไม่จบสิ้น ด้านมืดของเจ้าชายได้ปรากฏตัวออกมาเพื่อแย่งมงกุฎแห่งเปอร์เซียไปจากมือของเขา พร้อมกับดึงเจ้าชายเข้าสู่มิติที่อยู่ในจิตใจของเขา เพื่อเผชิญหน้ากับความทรมานที่ไม่เคยเจอมาก่อน
“ของที่เป็นของเจ้า ก็เป็นของข้าด้วยเช่นกัน…”
ในมิติแห่งนั้น ด้านมืดของเจ้าชายยังคงใช้เล่ห์เหลี่ยมเป่าหูเขา หว่านล้อมให้เขารู้สึกผิดถึงสิ่งที่เคยทำมาตลอดเพื่อเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้กับความรู้สึกผิด ทว่า Farah ก็เข้ามาเรียกสติเขา ให้ละทิ้งสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไว้ในอดีตและก้าวต่อไปข้างหน้า จนทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ในที่สุด
เมื่อทุกอย่างจบลง Farah ก็ได้ถามเจ้าชายว่า เขานั้นรู้ชื่อของเธอได้อย่างไร เพราะในเส้นเวลานี้ Farah กับเจ้าชายยังไม่เคยเจอกันมาก่อน ซึ่งเจ้าชายก็ได้ตอบกลับไปเป็นปริศนาไว้ดังนี้
“ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่า เวลาน่ะก็เหมือนกับแม่น้ำ ไหลไปแค่ในทิศทางเดียว แต่ข้าน่ะได้เห็นทั้งโชคชะตาและเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว”
“ข้าบอกได้เลยว่า พวกเขานั้นคิดผิด เวลานั้นเป็นทั้งมหาสมุทรและพายุ เจ้าอาจจะสงสัยว่าข้านั้นเป็นใครสินะ?”
“มาสิ จงขยับเข้ามา ข้าจะเล่าเรื่องราวการผจญภัยที่เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ให้เจ้าฟังเอง”