BY Aisoon Srikum
4 Sep 19 5:27 pm

เกมสมัยนี้ยากขึ้น หรือความอดทนของเราที่น้อยลง ?

31 Views

ธรรมดาชีวิตเราก็เจอเรื่องยาก ๆ มามากมายพออยู่แล้ว การที่จะต้องมานั่งเล่นเกมยากอีก สำหรับหลายคนก็คงไม่สนุกเป็นแน่แท้ ตัวเกมในยุคปัจจุบันจึงมีความท้าทายที่น้อยลง และเข้าถึงได้ง่าย ๆ ยกเว้นบางเกมที่ขายความยากเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว เช่นเกมจากค่าย From Software เช่นพวกเกม Dark Souls ที่เรารู้จักกันดี (และมีอีกหลายค่ายเกมที่ขายความยากของตัวเกมเป็นจุดเด่นด้วย) จนมาวันหนึ่งผู้เขียนได้ลองเล่นเกมในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเกมที่เป็นแนว Metroidvania ที่เกมยุคเก่าพัฒนากันออกมาเยอะมาก จึงเกิดคำถามว่า เกมในยุคนี้มันยากเกินไป หรือความอดทนของเราที่น้อยลงกันแน่?

Metroidvania / Side Scrolling แนวเกมยอดฮิตของสมัยก่อน

ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยี หรือปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ แต่ในสมัยก่อน เกมที่เราจะพบเห็นได้เป็นประจำ คือเกมแนว Metroidvania แบบ 2D Side Scrolling หรือเดินข้าง ซึ่งเกมแนวนี้การควบคุมนั้นไม่ยากเลย มีเพียงแค่ขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา ไม่มีการควบคุมแบบสามมิติรอบทิศทาง การเล่นเกมแนวนี้มีเพียงเดินหน้าลุยฝ่าไปตั้งแต่ต้นจนจบเกมเท่านั้น Boss Fight ของแต่ละเกมก็จะมีรูปแบบการโจมตีที่ตายตัว ถ้าจำรูปแบบได้ ก็สามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ โดยไม่เสียเลือดสักหยดก็ยังมี

กลับกัน ในยุคนี้ เกม Metroidvania ยังคงมีออกมาให้เราเลือกเล่นกันมากมาย และหลายเกมยังคงคอนเซปต์สุดโอลด์สคูลไว้เป๊ะ ๆ ไม่ว่าจะเป็นแพทเทิร์นการโจมตีบอส ระบบพลังชีวิตที่ล็อกไว้เป๊ะ ๆ โดน 3 ครั้งคือเกมจบเลย หรือยากระดับที่ว่าตายแล้วต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดก็มีเช่นกัน แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีผู้เล่นหลายคนมากที่เล่นเกมแนวนี้ไม่จบ เพราะรู้สึกว่าเกมมันยากไป ทั้ง ๆ ที่ตัวผู้เขียนเองรู้สึกว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับเกมสมัยก่อน

ยกตัวอย่างเกมที่แต่ก่อนสำหรับตัวผู้เขียนนั้น ต้องตายจนเบื่อไปเลยกว่าจะผ่านก็เช่น Adventure Island III หรือซีรีส์ Mega Man อาจจะเพราะด้วยความเป็นเด็ก เรายังสังเกตหรือจับจุดไม่ค่อยดี ทำให้เราไม่รู้ว่าต้องชนะยังไง กลับกันพอโตมา เราดูแพทเทิร์นการโจมตี หรือแพทเทิร์นการเล่นเกมไม่กี่รอบก็สามารถรู้และหาวิธีเอาชนะได้แล้ว

ปัจจุบันเกมที่ขายความยากในตัวเองก็ยังคงมี

แต่จะบอกว่าเกมมอร์เบื่อเกมยากแบบเข้าไส้ไปเลยมันก็ไม่ใช่ เพราะอย่างที่เราได้เห็นกัน เกมฟอร์มใหญ่อย่าง Sekiro : Shadows Die Twice ก็ยังคงขายดิบขายดี หรือแม้แต่เกมที่ได้แรงบันดาลใจหรือกลิ่นอายของเกมสไตล์เก่า ๆ มาเช่น Dead Cells , Death’s Gambit ที่ยากแบบอภิมหาโหด มันก็ยังมีคนที่เล่นและสนใจอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งการที่มีผู้เล่นให้การตอบรับที่ดี เกมแนวนี้ก็ยังคงมีออกมาเรื่อย ๆ เราไม่เถียงว่าเกมยากเหล่านี้มันเหนื่อย และกินเวลามากกว่าจะเล่นให้ผ่านได้ แต่พอผ่านทีฟีลลิ่งก็เหมือนกับว่าเราเอาชนะขีดจำกัดตัวเองได้แล้ว เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ

อย่างเช่น Dead Cells ที่ผู้เล่นตายแล้วจะต้องเริ่มใหม่หมดแต่แรก แม้บางทีเราจะสู้จนบอสเลือดเหลือประมาณ 1 ส่วน 4 แต่ถ้าเราพลาดตาย ก็นั่นแหละครับ เริ่มใหม่หมด เกมมันไม่ปรานีเราเลย พอเราอดทนเล่นจนผ่าน เราถึงรู้สึกว่ามันคุ้มค่า และมีพลังในการเล่นต่อ ในขณะที่บางคนอาจจะเลิกเล่นไปก็มี ดังนั้นสรุปให้ว่า ตัวเกมที่ขายความยากก็ยังสามารถขายได้และมีฐานผู้เล่นรองรับอยู่ในปัจจุบัน

ความยากมันเพิ่มขึ้น หรือความอดทนของเราที่น้อยลง ?

เป็นหัวข้อที่หลายคนอาจจะไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำ ประเด็นนี้มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้เขียนได้ลองเล่น Mega Man 11 ที่ออกมาในช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และผู้เขียนกลับรู้สึกว่าทำไมเกมมันยากขนาดนี้ ? หลายครั้งที่ตายจนหงุดหงิดก็มี (แต่แก้ด้วยการพักเล่น ไม่ไปโวยวายปาจอยใส่ใครนะ) นั่นทำให้ผู้เขียนกลับไปลองเล่น Mega Man ภาคเก่า ๆ อีกครั้ง โดยภาคที่ผมชอบที่สุดคือภาค 6 ก็พบว่าตัวเองสามารถเล่นได้อย่างคล่องแคล่ว ผ่านบอสทุกตัวในการเล่นเพียงครั้งเดียว

นั่นเป็นเพราะว่าในวัยเด็กของผู้เขียนนั้นผ่านการตายซ้ำตายซากมาแล้วนับไม่ถ้วน และเล่นบ่อยมากจนรู้แล้วว่าด่านนี้มีอุปสรรคอะไร บอสมีรูปแบบการโจมตีแบบไหน พูดง่าย ๆ คือเราใช้เวลากับมันมากพอจนเชี่ยวชาญ และชำนาญแล้ว ซึ่งสิ่งที่ต้องมีเลยในระหว่างการตายซ้ำตายซากนี้คือ “ความอดทน” ที่จะเรียนรู้นั่นเอง (เหมือนกับที่เราต้องตายจนหัวร้อน จนเกือบเลิกเล่นในเกมจำพวก Dark Souls นั่นแหละ) แต่ทำไมพอเราโตขึ้นมากลับไม่มีความอดทนเหมือนอย่างเช่นสมัยเรายังเป็นเด็กกันล่ะ ?

  1. เราไม่มีเวลาเหมือนสมัยก่อนแล้ว – ในวัยเด็กของผู้เขียน เชื่อว่าเด็ก ๆ หลายคนที่มีเครื่องเกมเล่นก็น่าจะคล้าย ๆ กัน คือนอกจากการไปเรียน กลับมาช่วยงานที่บ้าน เราก็แทบจะใช้เวลาอยู่กับเครื่องเกมที่เรารักได้โดยแทบไม่ต้องไปทำอย่างอื่น และเกมตลับในสมัยก่อนไม่มีการเซฟเกม นั่นหมายความว่าถ้าผู้เล่นอยากจะจบเกมให้ได้ ก็ต้องเล่นแบบยิงยาวให้จบไปเลย ห้ามพัก ห้ามเลิก ซึ่งนั่นทำให้เรามีความอยากจะเอาชนะ และเรียนรู้การต่อสู้จากการตายซ้ำตายซากไปโดยไม่เบื่อ จนเราชินไปเอง ในขณะที่ยุคนี้เราต้องทั้งเรียน เรียนพิเศษ ทำงาน ดูหนัง ซีรีส์ Netflix กิจกรรมในชีวิตเรามันเยอะไปหมด ทำให้อะไรที่เรารู้สึกว่ามันทำยาก ก็ช่างมันแล้วไปทำอย่างอื่นแทนดีกว่า ขี้เกียจเรียนรู้อะ ไปหาเกมที่มัน Casual เล่นง่าย ๆ จบ
  2. เราไม่ได้มีเกมให้เลือกเล่นมากเหมือนตอนนี้ – เพราะแต่ก่อนเรามีเกมให้เลือกเล่นน้อย ดังนั้นเราจึงมีความรู้สึกที่อยากจะเอาชนะเกมเกมนั้นให้มันจบ ๆ ไปเลยจะได้ไม่ค้างคา อาจจะเป็นเหตุผลเล็กน้อย แต่มันก็มีผลต่อความรู้สึกของผู้เขียนอยู่มากเช่นกัน และเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะคิดแบบนี้ด้วย ไม่มากก็น้อย ในขณะที่ปัจจุบัน ถ้าเราเบื่อเกมนี้ เราก็แค่ย้ายไปอีกเกม เพราะเกมมันเข้าถึงง่ายกว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับอะไรที่ไม่ชอบ

ปัจจัยหลัก ๆ สำหรับตัวผู้เขียน 2 ข้อนี้ก็มีเหตุผลมากพอแล้วที่ทำให้มุมมองต่อการเล่นเกมยากของเราเปลี่ยนไป ในขณะที่คนที่รักเกมยากเป็นชีวิตจิตใจ ก็ยังพร้อมที่จะทุ่มเท ทุ่มเวลาในการเรียนรู้ ต่อสู้กับบอสจนะชนะ หรือแม้กระทั่งเล่นในโหมด New Game+ ซ้ำไปอีกหลาย ๆ รอบ จนทะลุปรุโปร่งไปทุกด่าน

แล้วสรุปปัญหามันอยู่ที่ตัวเกม หรือตัวเรา ?

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเราคงคิดแล้วว่า สรุปแล้วการที่มันเป็นแบบนี้ เป็นเพราะความอดทนเราต่ำลงจริงหรือ ? ผมก็คงตอบได้ว่ามันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน เพราะถึงแม้ตัวผู้เขียนเองจะเริ่มขี้เกียจต้องมานั่งเล่นเกมยาก ๆ แต่ผู้เขียนก็ยังคงซื้อเกม Dark Souls , The Surge หรือเกมแนวตายซ้ำตายซากมานั่งเล่นอยู่ดี วันไหนมีอารมณ์ท้าทายอยากวัดฝีมือก็เล่น วันไหนเบื่อก็ไปเล่นเกมที่ Casual กว่า ข้อดีคือเรามีเกมให้เลือกเล่นหลากหลายมากขึ้นอยู่แล้ว

สิ่งสำคัญอยู่ที่ความสุขระหว่างการเล่นเกมของเรา ผมไม่ได้ตัดสินว่าคนที่เล่นไม่จบ หรือเล่นไม่ได้ความอดทนต่ำลง เพราะในชีวิตของเรานั้นก็เจอเรื่องหนักหนามามากพออยู่แล้ว จะให้ไปนั่งเล่นเกมยาก ๆ ท้าทายตัวเองอีกก็คงไม่ไหว ดังนั้นให้ความชอบส่วนตัวของตัวเองตัดสิน เกมไหนที่เล่นแล้ว ไม่มีความสุข ก็ข้ามไปเล่นเกมอื่น (เว้นแต่ว่าคุณเสียดายเงินนั่นมันก็อีกเรื่องนึง เป็นความรู้สึกส่วนตัว)

เพราะอย่างผู้เขียนเองก็ไม่ใช่คนความอดทนสูงอะไร ตายบ่อย ๆ ใน Mega Man 11 ก็กด Alt+F4 ออกเกมด้วยความหัวเสียแล้ว แต่ถ้าวันไหนนึกสนุกก็กลับเข้าไปเล่น แล้วมันก็จะผ่านเองแบบงง ๆ อยู่ดี ดังนั้นถ้ามีใครมาบอกว่า เกมแค่นี้ยังเล่นไม่ผ่าน ก็อย่าไปใส่ใจอะไรมาก เลือกเล่นเกมที่ทำให้เรามีความสุขดีกว่าครับ อย่างที่ผู้เขียนย้ำไปหลายหนในตัวบทความนี้ ธรรมดาชีวิตเราก็ยากเย็นพออยู่แล้ว อย่าทำให้การเล่นเกม ซึ่งมันควรจะเป็นความสุขของเรา ต้องกลายเป็นความกดดันเพิ่มไปอีกอย่างหนึ่งเลยนะ ขอให้มีความสุขกับการเล่นเกมครับ

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top