เกมเกือบทุกเกมสามารถนำความรู้เพื่อนำไปประกอบใช้ในชีวิตจริงได้ ถ้าหากคุณอยากเป็นทหาร คุณอาจจะได้รับความรู้มาจากเกม FPS, ถ้าคุณอยากเป็นเชฟทำอาหาร คุณต้องเล่นเกมหรือเสพอะไรที่เกี่ยวกับอาหารเยอะ ๆ
เกมแข่งรถก็เช่นกัน ถ้าหากคุณอยากขับรถบนท้องถนนอย่างราบรื่น คนรอบตัวมักแนะนำให้ลองเล่นเกมแข่งรถเพื่อให้ผู้เล่นได้สร้างความเคยชินจากการขับรถยนต์ผ่านวิดีโอเกมอยู่เสมอ แต่มันจะได้ผลขนาดไหนละ? เกมแข่งรถ สามารถส่งเสริมให้ผู้เล่นขับรถเป็นในชีวิตจริงหรือไม่ ? บทความนี้จะทำให้คุณช่วยตัดสินใจว่าการเล่นเกมแข่งรถเพื่อเสริมทักษะการขับรถยนต์ในชีวิตจริงสามารถช่วยได้จริงหรือเป็นเรื่องที่เสียเวลาเปล่า
ทำความเข้าใจสั้น ๆ ระหว่าง Adcade กับ Sim
อย่างแรกจะต้องทำความเข้าใจซะก่อนว่าเกมแข่งรถมีอยู่สองประเภทหลักคือ Arcade Racing กับ Simulation Racing ซึ่งแม้ว่าทั้งสองเกมจะเป็นเกมแข่งรถเหมือนกัน แต่กฎการเล่นแตกต่างกันอย่างชัดเจน
Arcade Racing เป็นแข่งรถทั่วไปที่เน้นความสนุกสนานความเร้าใจเป็นหลัก การควบคุมรถยนต์จะเข้าถึงง่าย และการปรับเซตติ้งจูนรถยนต์จะไม่ซับซ้อน แตกต่างจาก Simulation Racing เป็นเกมแข่งรถเน้นความสมจริงที่เจาะลึกทุกอย่างเกี่ยวข้องกับรถยนต์ทุกคัน ไม่ว่าเป็นฟิสิกส์การเลี้ยว, ความแข็งของล้อรถ, ปรับช่วงเกียร์, เสียง, การสวมใส่อุปกรณ์แต่งรถจะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างได้เห็นชัด
เล่นเกมไหน ช่วยขับรถมากที่สุด
หลายคนอาจเริ่มด่วนตัดสินใจว่าเล่นเกมแข่งรถสมจริงจะทำให้ผู้เล่นสามารถขับรถในชีวิตจริงได้อย่างแน่นอน คำตอบคือ ใช่ แต่ก็ ไม่เสมอไป
เพราะถึงแม้ว่าเกมประเภท Arcade Racing จะเป็นเกมที่เน้นเอาความสนุกเป็นหลัก แต่ตัวเกมส่วนใหญ่จะยังคงมีออฟชั่นในการปรับแต่งเกมเพลย์ เช่น เปลี่ยนระบบเกียร์จาก Automatic เป็น Manual ที่ผู้เล่นต้องสับเกียร์เอง หรือระบบ Assist อื่น ๆ อย่างเช่น ระบบเปิด/ปิด ABS, บอกเส้นทาง GPS หรือ Racing Line เพื่อบอกระยะการเบรกที่เหมาะสมให้ผู้เล่นสามารถเลี้ยวได้อย่างลื่นไหล ซึ่งระบบทั้งหมดก็ครอบคลุมพอที่ผู้เล่นสามารถเรียนรู้วิธีการควบคุมรถยนต์เบื้องต้นไปถึงระดับกลาง
แต่ถ้าผู้เล่นอยากเรียนรู้วิธีการขับรถที่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง ผู้เขียนแนะนำให้ลองเล่นเกมประเภท Driving Simulation มากกว่า Racing Simulation เนื่องจากเกมทั้งคู่มีจุดประสงค์ที่ต่างกัน ในขณะที่เกม Sim Racing คุณจำเป็นต้องแข่งขันกับ A.I หรือผู้เล่นคนอื่น แต่สำหรับ Driving Simulation จะเป็นการแข่งขันกับเวลาที่กำหนด โดยผู้เล่นต้องเคารพกฎหมายจราจรอีกด้วย
ดังนั้น ผู้เล่นที่ต้องการฝึกขับรถในชีวิตจริงอย่างจริงจัง ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นเกมที่เกี่ยวข้องกับการขับรถยนต์ได้สามรูปแบบ คือ Arcade Racing, Simulation Racing, Driving Simulation
ถ้าหากผู้เล่นต้องการความบันเทิงจากการเล่นเกมและอยากเรียนรู้การขับรถแบบเบสิก ผู้เขียนแนะนำ Arcade Racing อย่าง Need For Speed Series, Forza Horizon กับ Driveclub
แต่หากผู้เล่นต้องการความจริงจังเกมมิ่ง ทุกอย่างที่ดูสมจริงไปหมดทั้งการเลี้ยว, การปรับแต่ง, ต้องการความรู้ของรถยนต์แบบเจาะลึก หรืออยากขับรถเร็วก็ดีรถช้าก็เยี่ยม การฝึกขับโดยเล่นเกมประเภท Racing Simulation ก็ไม่เลวเช่นกัน อย่าง Assetto Corsa, Gran Turismo กับ Forza Motorsport
หรือผู้เล่นอยากจะศึกษาการขับรถยนต์ตามท้องถนนที่ครอบคลุมทุกกฎจราจร การเล่น Driving Simulation เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เช่น Euro Truck Simulator เป็นต้น
ตัวอย่างคนที่สามารถเล่นเกมแข่งรถแล้วสามารถเอาดีได้
แม้ว่าจะไม่ค่อยมีเคสบอกกล่าวว่า เกมแข่งรถจะสามารถช่วยซัพพอร์ตให้สามารถขับรถยนต์จริง แต่มีกรณีตัวอย่างที่นักเล่นเกมสายแข่งรถได้ขยับกลายเป็นนักกีฬา Motorsport ในชีวิตจริง
ยกตัวอย่างเช่นแคมเปญ GT Academy ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์วาไรตี้ที่จับมือกันระหว่าง Nissan กับ Sony Interactive Entertainment ที่จะรวบรวมโปรเกมเมอร์ที่เล่นเกม Gran Turismo ทั่วทั้งภูมิภาคมาแข่งขันและทำ Challenge ต่าง ๆ โดยมีผู้เล่นคนไหนที่เป็นผู้ชนะหรือผ่านเงื่อนไขทั้งหมด คนนั้นจะได้รับคัดเลือกเป็นนักแข่งรถระดับ Professional ในทีม Nissan Nismo
ผู้ชนะคนหนึ่งนามว่า Jann Mardenborough เขาเป็นผู้ชนะหนึ่งในอันดับสามจากการแข่งขัน GT Academy ในปี 2011 ในปัจจุบัน เขาเป็นนักแข่งรถให้กับทีม Nissan NISMO ในหมวดรถแข่งประเภท LMP1 ที่มีอายุวัยหนุ่มที่สุด ซึ่งทุกวันนี้เขายังคงประสบความสำเร็จในฐานะทำอาชีพ Motorsport อย่างต่อเนื่อง
หรือแม้กระทั่งข่าวล่าสุด คุณ Enzo Bonito นักกีฬา Esports สายเกมแข่งรถ สังกัด Team Readline สามารถปราบคุณ Lucas di Grassi นักแข่งรถประเภท Formula E และอดีตนักแข่ง Formula 1 ในอีเว้นท์ Race of Champions ที่ประเทศ Mexico ทั้งที่ Enzo Bonito ไม่มีเคยประสบการณ์ในสนามแข่งรถของจริงมาก่อน (สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมใน ที่นี่)
อุปกรณ์สำหรับการฝึกฝน
สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการฝึกฝนขับรถในวิดีโอเกมคือ คอนโทรลเลอร์พวงมาลัยที่รองรับระบบ Force Feedback กับเครื่อง VR
ระบบ Force Feedback คือระบบช่วยตอบสนองของพวงมาลัย ซึ่งระบบดังกล่าวมีอยู่ในรถยนต์จริง และเครื่อง VR จะช่วยให้ผู้เล่นเข้าไปอยู่ในโลกของวิดีโอเกมที่สามารถหันหน้าขวาซ้ายหลังราวกับอยู่บนรถจริง แต่แน่นอนว่าอุปกรณ์ทั้งสองอย่างไม่ได้มีราคาถูก เพียงแค่เอาตัวเลขราคารวมกันทั้งสองเครื่องก็มีราคาเหยียบอยู่ที่หลักหมื่นแล้ว ฉะนั้นผู้เล่นที่ไม่ได้เล่นเกม Racing อย่างจริงจัง จะต้องใช้อย่างไม่คุ้มค่าแน่นอน
ถ้าหากคุณไม่มีงบมากพอที่จะซื้อพวงมาลัย ก็แนะนำให้ลองหาเกมที่มีระบบมุมกล้องแบบ Cockpit View หรือแบบ First Person ภายในรถ แล้วให้ผู้เล่นลองหัดฝืนเล่นเกมโดยบังคับให้ใช้มุมกล้องนี้ตลอดทั้งเกม ถึงแม้ว่าจะไม่มีพวงมาลัยเพื่อเสริมความ Immersive หรือรู้สึกสัมผัสได้จากการขับรถแบบถึงพริกถึงขิง แต่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถสร้างความเคยชินและลดความกลัวในการขับรถยนต์ในชีวิตจริงได้เช่นกัน
สรุป เกมแข่งรถช่วยส่งเสริมให้ผู้เล่นขับรถเป็นในชีวิตจริงหรือไม่ ? คำตอบคือ ใช่ แต่ว่าไม่ใช่ทุกเกมจะให้สกิลผู้เล่นที่เหมือนกัน ฉะนั้นผู้เล่นสามารถเลือกฝึกขับรถจากเกมไหนก็ได้ตามสไตล์ที่ตนเองต้องการ หากเป็นเกมแข่งรถอาร์เคดจะรู้วิธีการขับแบบเบื้องต้น แต่ Racing หรือ Driving Simulation จะทำให้ผู้เล่นเข้าใจวิธีการขับรถมากขึ้น แม้เนื้อหาบางส่วนจะไม่ได้ใช้ในชีวิตจริงก็ตาม
สุดท้าย ก็จริงอยู่ว่าเกมแข่งรถจะสามารถช่วยให้ผู้เล่นสร้างความคุ้นเคยกับการขับรถในชีวิตจริงมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริง กับ จินตนาการ ไม่สามารถเทียบกันได้อยู่ดี เนื่องจากในชีวิตจริงผู้เล่นไม่สามารถรีสตาร์ทเกมได้ ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง มันอาจจะส่งผลทำให้คุณต้องเสียเงินค่าซ่อมรถยนต์และเสียเวลาตกลงปัญหาซึ่งกันและกัน แม้ว่าการขับรถแล้วชนคนอื่น ถือเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ แต่หากหลีกเลี่ยงได้จะเป็นทางเลือกที่ดีมาก
ฉะนั้นวิธีการฝึกขับรถในเกมที่ดีที่สุด คือ ให้ไปเรียนขับรถในชีวิตจริง แล้วนำความรู้จากวิดีโอเกมไปเสริมต่อกับชีวิตจริงครับ