ในยุคที่เกม Battle Royale ครองโลกในปัจจุบัน หันไปทางไหนก็เจอแต่เกมแนวนี้ทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นก้าวใหม่ของวงการเกมในไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลายเป็นเทรนด์ที่ครองตลาดส่วนใหญ่ แม้เกมแนวนี้จะเกิดขึ้นมาไม่นาน
ความนิยมในตลาด PC ว่าใหญ่แล้ว ในตลาดมือถือยิ่งเข้มข้นกว่า Garena Free Fire เป็นอีกหนึ่งเกมที่ยืนหยัดรอดชีวิตและประสบความสำเร็จมาจนปัจจุบัน ด้วยจำนวนรายได้ จำนวนผู้เล่น ทุกสถิตินี้เป็นข้อพิสูจน์และคำตอบ สำหรับคำถามที่ว่า เกมนี้มีดีอะไร ได้ดีกว่าการนั่งอธิบายด้วยซ้ำ
ใครจะรู้ล่ะว่า เกมที่เริ่มต้นจากทีมงานกลุ่มเล็ก จะเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายมาเป็นเกมยอดนิยมบนโทรศัพท์มือถือไปทั่วโลก และได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นจากแฟนเกมชาวไทย เรามาดูกันหน่อยว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ Garena Free Fire ผ่านอะไรมาบ้าง
จุดเริ่มต้น
สงครามของเกม Battle Royale ในปี 2017 เรียกได้ว่าร้อนระอุ การแข่งขันในส่วนของแพลตฟอร์ม PC สร้างมาตรฐานใหม่หลาย ๆ อย่างขึ้นให้คำว่า Battle Royale จนกระทั่งมีคนหัวใส คิดค้นเกมประเภทนี้บนมือถือขึ้นมา
เมื่อประตูความเป็นไปได้ในการยก ‘เทรนด์ที่กำลังมาแรง’ จาก PC สู่มือถือถูกเปิดขึ้น ก็ถึงเวลาที่เหล่าผู้พัฒนา จะได้โชว์ฝีไม้ลายมือ สร้างเกมแนว Battle Royale ในแบบของตัวเอง 111dots Studio ภายใต้การดูแลของ Garena (เป็นสตูดิโอสร้างเกม สตูดิโอแรกของ Garena) ที่สนใจจะสร้างเกมแนวนี้เช่นกัน
ไม่นานนัก โลกก็ได้รู้จักกับ Garena Free Fire ในเดือนตุลาคมปี 2017 ถือว่าเป็นเกมมือถือแนว Battle Royale ที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด ณ ขนาดนั้น โดยตัวเกมเปิดทดสอบ Alpha Test ในประเทศตัวเองก่อน และปล่อยให้ประเทศอื่นได้เล่นในช่วง Close Beta ตามลำดับ (มีภาษาไทยด้วยนะ)
มาแรงที่สุดในปีนั้น
Garena Free Fire กลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุด หลังจากเปิดทดสอบ เพราะความแปลกใหม่ของความเป็น Battle Royale ในมือถือ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นบนมือถือโดยเฉพาะ เป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่ ทั้งการควบคุม และระบบของเกม รวมถึงตัวเกมเป็นอะไรที่ ‘ใกล้เคียง’ กับความเป็น Battle Royale ใน PC ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงดาวน์โหลดเกม Free Fire มาเล่นกันแบบอุ่นหนาฝาคั่ง
ในช่วงแรก Free Fire ติดปัญหาอย่างหนึ่งก็คือ ความสามารถของฮาร์ดแวร์ ทำให้จำกัดจำนวนคนได้เพียง 20 คนต่อรอบเท่านั้น แต่ด้วยความเหนือชั้นของทีมพัฒนา ที่ปรับความกว้างแผนที่ให้น้อยลง ปรับอาวุธให้เกิดง่ายขึ้น รวมถึงรวบเอาสิ่งที่จำเป็นมากองรวมกันไว้ ผลักสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป ส่งผลให้เกิดเป็น ‘พื้นฐาน’ ของ Battle Royale บนมือถือที่ยังใช้กันอยู่ทุกวันนี้ คือต้องเร็ว และต่อเนื่องไปกับมันจนจบเกม
สู่เกมระดับโลก
หลังจากทดสอบกันไปเป็นที่เรียบร้อย Garena Free Fire ก็กลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 4 ธันวาคม 2017 พร้อมได้รับการดูแลจากผู้ให้บริการเกมอันดับต้น ๆ ของไทยอย่าง Garena
นอกจากการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามา และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ Garena Free Fire มีความเป็นเอกลักษณ์ และมีกลิ่นอายของความเป็นเกม Battle Royale มากยิ่งขึ้น ซึ่งระบบที่เพิ่มเข้ามา ถือเป็นสิ่งจำเป็น ที่เป็นรากฐานให้กับเกม Battle Royale บนมือถือในอนาคตทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น การหมอบคลาน, โหมดจัดอันดับ, เพิ่มการลงแบบ Squad, เพิ่มระบบยานพาหนะ, ระบบการกระโดดร่มแบบปัจจุบัน และสุดท้ายกับการเล็งยิงแบบ Aiming Down Sight
และที่สำคัญที่สุด ตัวเกมสามารถเพิ่มจำนวนผู้เล่นต่อเกมให้มากกว่าเดิมได้อีกถึงสองเท่า! แม้ว่าฮาร์ดแวร์ของมือถือสมัยนั้น จะใกล้เคียงกับช่วงทดสอบก็ตาม โดยหลังจากนั้นก็มีการอัปเดตเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ จนสามารถรองรับได้ทั้งหมด 50 คนในปัจจุบัน (และ 52 คนหากเล่นในโหมด Squad)
ความแตกต่าง
เมื่อพื้นฐานของความเป็น Battle Royale กลมกล่อมแล้ว ก็เหลือเพียงการสร้างจุดเด่นเป็นของตัวเองให้ได้ Garena Free Fire เริ่มต้นหาความแตกต่างในต้นปี 2018 ด้วยการ ‘สร้าง’ ความเป็นตัวตนของตัวละครขึ้น ทั้งชื่อ เรื่องราว ความสามารถเฉพาะตัว ทั้งหมดเพื่อบ่งบอกถึงความเป็น Garena Free Fire และความลึก ที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่าเกมอื่น
ตัวละครเริ่มต้นสองตัวถูกเพิ่มชื่อเป็น ‘อาดัม’ และ ‘เอวา’ ให้เกียรติมนุษย์คู่แรกในพระคัมภีร์ไบเบิล และทำการเพิ่มตัวละครเข้ามาหลายต่อหลายตัว โดยแต่ละตัวจะมีประวัติเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังมีสกิลเฉพาะตัว ที่สร้างความได้เปรียบในการเล่นเล็กน้อย
ยกตัวอย่างตัวละคร ‘เคลลี่’ ที่เพิ่งจะปล่อยหนังสั้นแอนิเมชั่นเป็นของตัวเองที่ชื่อว่า “Kelly The Swiftly (ปลุกความเร็วที่หลับใหล)” โดยในช่วงแรก ตัวละครของเธอได้รับความนิยมมาก ๆ เนื่องจากเป็นตัวละครรุ่นแรกของเกม Free Fire และยังเป็นตัวละครผู้หญิงที่มีสกิลที่มีประโยชน์มาก ๆ อย่างการเพิ่มความเร็วในการวิ่ง ทำให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้ในการวิ่งเข้าหา หรือวิ่งหนีนั่นเอง
และเมื่อขยับเข้าไปอีกปี Garena Free Fire ก็ได้สร้างความแตกต่างอีกรอบ ด้วยการส่งฟังก์ชัน ‘สัตว์เลี้ยง’ เข้าไปในเกม นับเป็นความแปลกอย่างที่สุด เพราะไม่มี Battle Royale เกมไหนเคยทำมาก่อน โดยสัตว์เลี้ยงนอกจากมาเดินเท่ ๆ แล้ว มันยังมีสกิลประจำตัว ที่เพิ่มความสามารถให้กับเจ้าของและช่วยให้การต่อสู้ในแผนที่ดูสนุกยิ่งขึ้น
นอกจากฟีเจอร์ข้างบน Garena Free Fire ยังมีโหมดจำกัดเวลาต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นที่น่าสนใจคือโหมด PVE ที่คุณและเพื่อนร่วมทีม จะต้องยิงบอสในแผนที่ให้ตายให้ได้ ส่งให้ Garena Free Fire กลายเป็น Battle Royale ที่แฟนตาซีที่สุดในท้องตลาด
ความสำเร็จในปัจจุบัน
ปัจจุบัน Garena Free Fire กลายเป็นหนึ่งในเกมมือถือแนว Battle Royale ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเกมหนึ่งของโลก ที่หมั่นพัฒนาระบบเกมอย่างต่อเนื่อง จนสามารถครองใจผู้เล่นในไทยและทั่วโลกได้อย่างอยู่หมัด ทำรายได้ให้กับ Garena อย่างมหาศาล
ผลสำรวจที่น่าสนใจคือ ในการรวบรวมข้อมูลในไตรมาส 4 ปี 2019 Garena Free Fire เป็นเกมที่มีผู้เล่นต่อวันถึง 60 ล้านคน เป็นเกมที่ทำรายได้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และลาตินอเมริกา เป็นเกมมือถือที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุดในปี 2019 นับเป็นเกียรติสูงสุดของตัวเกม ณ ขณะนี้
ใครจะไปเชื่อว่าเกมมือถือแนว Battle Royale ที่เริ่มต้นพัฒนามาจากจุดเล็ก ๆ จะสามารถลบล้างคำครหาและผ่านมาถึง ณ จุดนี้ได้ จากการท้าทายเทคโนโลยีในช่วงแรก สร้างความแตกต่าง รวมถึงบรรทัดฐานใหม่ให้วงการ Battle Royale บนมือถือมากมายในช่วงหลัง จากผลงานที่กล่าวไป Garena Free Fire ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า พวกเขา คือหนึ่งในเกมแอคชั่นเอาตัวรอดบนมือถือที่นอกจากจะมีเอกลักษณ์ของตัวเองแล้ว ยังช่วยสร้างความบันเทิงพร้อมประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เล่นจนได้รับความนิยมจากเหล่าเกมเมอร์ทั่วโลกและดีที่สุดในตอนนี้
โดดร่มด้วยกัน โดดมันส์ใน Free Fire
#FreeFireFarForYou #ไกลกันมันส์ต้องโดด #Freefire
Garena Free Fire
iOS – https://bit.ly/3cXiPOb
Android – https://bit.ly/3cXiPOb