BY StolenHeart
30 Dec 19 3:03 pm

10 เกมดีที่หลายคนมองข้ามแห่งทศวรรษ

17 Views

ทศวรรษที่ผ่านมาของวงการวิดีโอเกมถือเป็นอีกหนึ่งรอบที่มีเกมดีมากมายถือกำเนิดขึ้น ทั้งที่ดังเป็นพลุแตก หรือไม่ก็ออกมาแล้วหายไปเลย แต่บางครั้งก็มีเกมที่ทำได้ดีแต่หลุดรอดสายตาของเหล่าเกมเมอรืไปได้หรือไม่ได้รับความสนใจมากพอ และนี่คือ 10 เกมดีที่หลายคนอาจไม่เคยเหลียวแลมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมาครับ

Bioshock 2

หากเราพูดถึง Bioshock เชื่อว่าภาคที่หลายคนชื่นชอบก็คงหนีไม่พ้นภาคแรกที่เป็นตำนาน และภาค Infinite ที่จบได้อย่างตราตรึงใจ น้อยคนมากที่จะยกให้ภาค 2 เป็นภาคที่ชื่นชอบ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว Bioshock ภาคนี้จัดเป็นเกมที่ดีมาก ระบบการเล่นได้รับการพัฒนายิ่งกว่าเก่า ศัตรูท้าทายมากขึ้นโดยเฉพาะ Big Sister ที่ระทึกทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้า ด้วยสิ่งเหล่านี้ทำให้เราติดหนึบกับการเล่นอยู่แทบทุกครั้ง คงจะน่าเสียดายแย่ถ้าหากคุณเป็นผู้เล่นที่ชื่นชอบ Bioshock ทั้งภาคแรกและภาค Infinite แต่ยังไม่ได้สัมผัส Bioshock 2 เลยสักครั้ง

Alpha Protocol

Alpha Protocolแม้จะเต็มไปด้วยปัญหามากมาย ทั้ง Bug มหาศาล ระบบการเล่นที่พิการ แต่ Alpha Protocol ยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ ด้วยการดำเนินเรื่องในแบบหนังสายลับอันเข้มข้น ด้วยฝีมือของทีมงาน Obsidian ที่ทุกคนรู้จักกันดี ทำให้เรายังพอติดหนึบและทนเล่นมันไปจนจบได้ แม้จะเป็นเกมที่มีริ้วรอย แต่ Alpha Protocol ก็ยังคงคุ้มค่าพอที่จะหามาลองเล่นดูสักครั้งในชีวิต

Dragon Age II

แม้จะถูกรัศมีของภาค Origin กับ Inquisition กลบจนมิด แต่ Dragon Age II ก็ยังคงมีแง่มุมที่น่าสนใจรวมไปถึงระบบการเล่นที่เข้าถึงง่ายขึ้น รวมไปถึงตัวละครที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ถึงผู้เล่นบางคนจะมองว่าเกมนี้เป็นแกะดำของซีรีส์ แต่แกะดำตัวนี้ก็มีความยอดเยี่ยมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และมักถูกมองข้ามอยู่เสมอ คงน่าเสียกายถ้าหากคุณชื่นชอบซีรีส์ Dragon Age และจะข้ามผ่านภาคนี้ไป

Sleeping Dogs

อีกหนึ่งเกมที่อาจถูกมองข้ามในตลาดตะวันตก เพราะมันเป็นเกมที่ความเป็นเอเชียอย่างเปี่ยมล้น(แต่แน่นอนว่าถูกใจชาวเอเชียอย่างพวกเรามาก) และเกมแนว Open World เองก็มีให้เล่นหลากหลาย จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนอาจจะพรากเกมนี้ ทั้งที่จริงแล้ว Sleeping Dogs เป็นเกม Open World ที่ดีไม่แพ้เกมอื่น ๆ ในยุคนั้นเลย ทั้งบรรยากาศที่ยกเอาเกาะฮ่องกงทั้งเกาะมาอยู่ในเกมอย่างสมจริง และเนื้อเรื่องสไตล์โหดเลวดีที่เข้มข้น หากยังไม่เคยลองเล่นกันขอแนะนำให้ไปหามาลองสักครั้งจะประทับใจไม่มีลืมแน่นอน

Call of Juarez: Gunslinger

หลังความล้มเหลวของภาค Cartel ที่หลุดกรอบการเป็นเกมเดินหน้ายิงสไตล์คาวบอย ไปเป็นเกมเดินยุคยุคปัจจุบันแบบโหล ๆ แทน แต่ Gunslinger กล้าแหวกกรอบดั้งเดิมของตัวเกมที่เป็นเกมเดินหน้ายิงแบบกึ่ง Open World ให้กลายมาเป็นเกมเดินหน้ายิงแบบลุยด่านที่มีการนำเสนอล้ำสุด ๆ ผ่านมุมมองของตัวเอกที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และด้วยงานศิลป์ในสไตล์ Cell Shade สวยงาม และการยิงต่อสู้กันอย่างสะใจ นี่ถือเป็นเกมฟอร์มเล็กที่ควรค่าแก่การหามาเล่นอย่างยิ่งอีกเกม

Lightning Return: Final Fantasy XIII

แม้ Final Fantasy XIII จะเป็นภาคที่ถูกพูดถึงในแง่ลบอยู่พอสมควร จนส่งกระทบต่อภาคต่อมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในภาค Lightning Return นั้นคือความลงตัวที่สุดหลังจากที่ถูกพัฒนามานาน มันผสมรวมระบบการเล่นของภาค X-2 และการแก้ปัญหาในโลกที่เกิดหายนะแข่งกับเวลา และระบบ Side Quest ที่ออกแบบมาได้ดีกว่าเก่า เป็นการแก้มือและปิดไตรภาคของ XIII ไปได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเกิดอุปสรรคขึ้นมาก่อนหน้าก็ตาม

Binary Domain

เชื่อหรือไม่ว่านี่คือผลงานของ Toshihiro Nagoshi ผู้กำกับเกมซีรีส์ Ryu Ga Gotoku หรือ Yakuza นั่นเอง และเมื่อเขาลองมาจับเกมแนวเดินหน้ายิงสไตล์ Gears of War มันก็เป็นเกมที่อยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว ด้วยเนื้อเรื่องล้ำอนาคตที่มนุษย์จะต้องต่อกรกับเหล่าหุ่นยนต์ พร้อมกับเนื้อเรื่องที่น่าติดตามไม่น้อย และมีความโดดเด่นในด้านการใช้เสียงเพื่อออกคำสั่งแก่เพื่อนร่วมทีม จัดเป็นอีกหนึ่งเกมที่ล้ำมากแม้จะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรก็ตาม

Tales From The Borderlands

แม้ Borderlands จะเป็นเกม Loot & Shoot สุดมันยอดนิยมของผู้เล่น แต่เชื่อว่าคงผู้เล่นไม่มากที่จะตามไปเล่น Tales From The Borderlands เพื่อติดตามเนื้อเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะแม้ตัวเกมจะไม่ได้เป็นแนวเดินยิงตูมตามเหมือนเดิม แต่การบอกเล่าเรื่องราวของเกมนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนเกมนี้ประทับใจได้ไม่ยากนัก รวมไปถึงการให้เสียงพากย์ของเหล่านักแสดงในเกมโดยเฉพาะ Troy Baker ในบท Rhys นั้นเป็นสิ่งที่ดีงามอย่างมาก หากคุณเป็นแฟน Borderlands แล้วไม่ได้สัมผัสเกมนี้ บอกเลยว่าน่าเสียดายมากครับ

Assassin’s Creed IV: Freedom Cry

จริงอยู่ที่ตัวเกมหลังของ Assassin’s Creed ภาคที่สี่จะสุดยอดมาก ทว่าเนื้อหาเสริมอย่าง Freedom Cry เองก็มีความเจ๋งที่ไม่น้อยหน้าภาคหลักของมันเช่นกัน กับมือสังหารที่เป็นอดีตทาสชาวไฮติ กับเควสและระบบการต่อสู้ที่ดุเดือดถึงใจมากขึ้น หากคุณที่ชอบเล่นภาคที่สี่อยู่แล้ว หากพลาดไม่ได้สัมผัสกับ Freedom Cry ด้วยแล้วคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายแย่

Watch Dogs 2

Watch_Dogs 2เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า Watch Dogs เป็นเกมที่ดีจนเกือบถึงขั้นยอดเยี่ยม ทว่าจากกระแสด้านลบที่เกิดขึ้นจากปัญหาในเกมภาคแรกและการลดคุณภาพกราฟฟิกของเกม รวมไปถึงเนื้อเรื่องที่ออกแนวไปทางโทนสดใสไม่ตึงเครียดเหมือนภาคเก่า ทำให้เกมเมอร์หลายคนมองข้ามมันไป แต่ถ้าหากใครได้สัมผัสก็จะรู้ว่านี่คือเกมที่ดีกว่าภาคแรกแทบทุกส่วน แถมการเชื่อมต่อเพื่อดวลกันหรือร่วมมือกับผู้เล่นอื่นก็เรียบเนียนสนิทไร้รอยต่อจริง ๆ เรียกว่าหากไม่เคยได้เล่นก็ควรลองดู รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top