BY Nuttawut Apiratwarakul
3 Jan 23 11:10 am

10 เกมสยองขวัญแนว Cosmic Horror ที่สาวก Lovecraftian ต้องได้ลองสัมผัส

379 Views

ทุกวันนี้เกมสยองขวัญเป็นอีกหนึ่งในแนวเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและได้วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จนแตกย่อยออกมาหลายประเภททั้ง Survival Horror, Pure Horror และ Psychological Horror แต่ในบรรดาเกมสยองเหล่านั้นก็ได้แอบแฝงแนวคิดอันนึงเอาไว้ด้วยและแนวคิดที่ว่าคือ Cosmic Horror หรือความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้และอยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ 

นี่เป็นแนวคิดของ H.P.Lovecraft นักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดังผู้ให้กำเนิดตำนานเทพบรรพกาล Cthulhu Mythos ซึ่งผลงานของเขาได้แพร่กระจายอิทธิพลให้กับสื่อบันเทิงแนวสยองขวัญในปัจจุบันด้วยทั้งหนัง, เกม, ซีรีส์, นิยายและอื่นๆ อีกมากมาย

และสำหรับคอเกมสยองที่เป็นสาวก Lovecraftian หรือสนใจอยากลองเสพความสยองแบบ Cosmic Horror  แต่ไม่รู้ว่ามีเกมอะไรบ้าง ทางเราก็ได้รวบรวม 10 เกมสยองขวัญเหนือจินตนาการสไตล์ Lovecraft ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกแห่งความบ้าคลั่งจนสูญเสียค่า Sanity ไว้ให้แล้ว เชิญเข้าไปดูกันได้เลยครับ (ถ้าเราตกหล่นเกมอะไรก็ขออภัยด้วย)

01 (3)

  1. Sunless Sea (2015)

Sunless Sea เป็นเกมอินดี้แนว Survival RPG จาก Failbetter Games ที่เริ่มต้นจากการที่ทางทีมพัฒนาได้เสนอไอเดียผ่านทาง Kickstarter แต่ตัวเกมก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจนได้วางจำหน่ายทั้งบน PC, Console และมือถือ ด้วยกระแสตอบรับที่ดีแบบนี้ทำให้ทีมผู้พัฒนาออกภาคต่อในชื่อ Sunless Skies (2019) 

ในเกม Sunless Sea ผู้เล่นจะรับบทเป็นกัปตันเรือนิรนามที่นำลูกเรือออกสำรวจในผืนทะเลแถบ Fallen London อันกว้างใหญ่ที่ไร้แสงสว่างและเต็มไปด้วยความลึกลับและอันตรายทั้งโจรสลัดกับอสูรกายแปลกประหลาดที่จ้องจะเล่นคุณตลอดการเดินทาง

จุดเด่นของเกมนี้คือโลก ผสานเข้ากับความสยองสั่นประสาทสไตล์ Lovecraft ได้อย่างลงตัว, บทและเนื้อหาที่ร้อยเรียงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

สำหรับใครที่สนใจก็ไปหามาเล่นได้บน Steam, PlayStation และ Xbox 

02 (4)

  1. Bloodborne (2015) 

ไม่ต้องสาธยายให้มากหลายคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันสุดยอดขนาดไหนสำหรับ Bloodborne คือหนึ่งในผลงานเกม Action RPG สุด Exclusive ของเครื่อง PS4 จากค่าย Fromsoftware ผู้ให้กำเนิดเกมยากชวนปาจอยอย่างเกมตระกูล Souls 

แต่หลายคนอาจจะงงว่าเกมนี้มันเกี่ยวกับ Lovecraft ยังไง? คือเรื่องนี้ทางผู้พัฒนาบอกเองเลยว่า Bloodborne ได้รับอิทธิพลจากผลงานของ H.P.Lovecraft มาเต็มๆ ทั้งในด้านดีไซน์ศัตรูและบอสที่อ้างอิงมาจากเหล่าเทพบรรพกาลจากต่างมิติในจักรวาลของเขา (พวกมันจะถูกเรียกว่า Great One’s), บรรยากาศเมือง Yharnam ที่มีความอึมครึมไร้ผู้คนและกลิ่นอายของ Lovecraft ที่ชัดที่สุดคือระบบ Insight หรือเงินในเกมที่ได้จากการสังหารศัตรู, เข้าไปในพื้นที่ที่อยู่ใต้อิทธิพลของ Great Ones และรับความรู้จากแหล่งต่างๆ \

โดยหากอิงตาม lore ในเกมแล้ว Insight เป็นเหมือนตัวเเทนของ”ความรู้”เกี่ยวกับ Great Ones เรียกว่า Eldritch Truth และแน่นอนครับว่ายิ่งเรารู้มากมันก็จะทำให้คนนั้นๆ เสียสติในที่สุดตามเรื่องสยองของ Lovecraft (โดยในเกมยิ่งตัวละครมี Insight สูง ค่าต้านสถานะ Frenzy จะน้อยลงไปด้วยและเมื่อหลอด Frenzy เต็มจะทำให้ HP เราหายไป 80% ซึ่งจะทำให้เกมยากขึ้นนั่นเอง)

แต่นอกจาก Lovecraft แล้วตัวเกมยังได้แรงบันดาลใจการออกแบบโลกในเกมให้เป็นสไตล์ Gothic ยุค Victoria จากผลงานของ Bram Stroke ผู้ประพันธ์เรื่องราวของผีดูดเลือด Dracula อีกด้วย

03 (4)

  1. Conarium (2017)

เกมสยองขวัญเอาชีวิตรอดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายของ H.P.Lovecraft เรื่อง At the Mountains of Madness Conarium ว่าด้วยเรื่องราวของ Frank Gilman ชายคนหนึ่งผู้ตื่นขึ้นมาในห้องลับห้องหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทวีปแอนตาร์กติกและมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดเหนือกำลังจะออกมาไล่ล่าทุกคน ทำให้เขาต้องค้นหาความจริงและหลบหนี้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้

จุดเด่นของเกมนี้คือเนื้อเรื่องที่มีความลุ่มลึกและหน่วงความรู้สึก, กราฟฟิกที่สมจริงรังสรรค์ด้วยขุมพลัง Unreal Engine 4, ซาวด์ประกอบที่ช่วยเสริมบรรยากาศอึมครึมให้ดูวังเวงไม่น่าไว้ใจและฉากจบอีกหลายแบบที่รอให้เราได้ค้นหา

สำหรับใครที่สนใจก็ไปหาซื้อมาเล่นได้ทั้งบน Steam, PS4 และ Xbox One

04 (4)

  1. Dark Wood (2017)

Darkwood เป็นเกมแนวแอคชั่นสยองขวัญเอาตัวรอดจากทีม Acid Wizard Studio สตูดิโอเกมอินดี้จากโปแลนด์ที่นำเสนอเรื่องราวการผจญภัยในป่ามรณะ ผ่านมุมมอง Bird’s Eye View โดยเรื่องราวในเกมนี้จะเล่าถึงตัวละครปริศนาที่หลุดเข้ามาในป่าแห่งหนึ่งที่ถูกโจมตีด้วยเชื้อโรคบางอย่างเปลี่ยนให้ทำให้พืช สัตว์ รวมไปถึงมนุษย์นั้นเกิด สัตว์ประหลาดมากมาย คนที่สติฟั่นเฟือนละกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด และพลังลึกลับบางอย่างที่สามารถฆ่าคุณได้

Darkwood สามารถหาเล่นได้บน PC และ Console

05 (3)

  1. Song of Horror (2020)

เกมแนวสยองขวัญเอาชีวิตรอดมุมมองบุคคลที่สามกลิ่นอาย Lovecraft จากทีมพัฒนาสัญชาติสเปน Protocol Games ที่ว่าด้วยเรื่องราวการหายตัวไปของ Sebastian P. Husher นักเขียนชื่อดังและครอบครัว ทางกองบรรณาธิการที่เป็นห่วงจึงส่งผู้ช่วยอย่าง Daniel Noyer ไปออกตามหา Sebastian แต่เมื่อเดินทางมาถึงก็พบกับความว่างเปล่า ไร้ผู้คน มีเพียงประตูและไฟที่เปิดทิ้งเอาไว้ สิ่งเดียวที่เค้าพบเพียงกล่องดนตรีที่เล่นทำนองที่ฟังดูน่าขนลุก และต่อมา Daniel ก็ได้หายตัวไปอีกคน จนกองบรรณาธิการจึงต้องส่งผู้ช่วยคนๆต่อไปในการตามหาทั้งสองคน ซึ่งจะเป็นตัวละครที่เราได้เลือกเล่นในเกมนี้นั่นเอง ก่อนที่พวกเขาจะพบว่าสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดมาจากสิ่งลี้ลับนามว่า The Presence 

ด้านเกมเพลย์จะเหมือนเกม Horror ทั่วๆ ไปทั้งเน้นการสำรวจสถานที่และไขปริศนาต่างๆ และต้องหนีเอาตัวรอดจาก The Presence โดยที่เราไม่สามารถสู้ได้เลย แต่สิ่งที่ Song of Horror ทำได้ดีเลยก็คือบรรยากาศและเสียงประกอบที่น่าขนลุก การปรากฏตัวของ ที่เป็น Dynamic ไม่ตามสคริปต์รวมถึงการผจญภัยที่เปลี่ยนไปของแต่ละตัวละครที่ทำให้เกมไม่ซ้ำซากจำเจดี

Song Of Horror สามารถหาเล่นได้ทั้งบน PC และ Console

06 (3)

  1. Call of Cthulhu: Dark Corners of the Earth (2005) 

เกมแนว Survival Horror FPS ที่ดัดแปลงจากหนึ่งในนิยายของ Lovecraft เรื่อง The Shadow over Innsmouth (1931) เรื่องราวในเกมจะถูกเซทอยู่ในปี 1922 ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Jack Walters นักสืบเอกชนที่ได้รับการว่าจ้างให้ไปสืบคดีคนหายที่ Innsmouth เมืองที่ตัดขาดจากโลกภายนอกและผู้คนในเมืองก็ผิดปกติจากอะไรบางอย่างที่เขาจะต้องหาสาเหตุให้ได้

ระบบเกมเพลย์ของเกมนี้จะคล้ายๆ กับ Resident Evil และ Alone in the Dark ทั้งการสำรวจพื้นที่, เอาตัวรอดจากศัตรูที่ผู้เล่นจะต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะสู้หรือหลบหนี, การแก้ปริศนาและบริหารทรัพยากรจำพวกกระสุนและยาที่มีจำกัด แต่สิ่งที่ Call of Cthulhu โดดเด่นกว่าเกมแนวเดียวกันในยุคนั้นเลยก็คือระบบพลังชีวิตที่สมจริงและละเอียดมาก โดยหากผู้เล่นบาดเจ็บตรงส่วนไหนต้องหาไอเท็มเฉพาะมารักษาเช่น ถ้าแขนหรือขาหักต้องใช้เฝือก, ถ้าติดพิษต้องหายาแก้พิษ, ถ้าเลือดไหลไม่หยุดก็ต้องหาไอเท็มห้ามเลือดเป็นต้น

และความเป็น Lovecraft ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือค่า Sanity ที่จะลดลงเรื่อยๆ ตลอดทั้งเกมซึ่งจะแสดงออกมาให้ผู้เล่นเห็นทั้งเสียงทั้งภาพหลอนและถ้าค่า Sanity มันหมดลงเมื่อไหร่ผู้เล่นจะเสียสติและฆ่าตัวตายแล้วทำให้ Game Over ทันที   สิ่งที่ผู้เล่นจะสามารถเพิ่มค่า Sanity ได้มีอยู่สองอย่างคือหาพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นห้องเซฟในเกมนี้หรือจัดการศัตรูให้ได้นั่นเอง

ตอนนี้ตัวเกมวางจำหน่ายครั้งแรกบนเครื่อง Xbox ก่อนจะถูกพอร์ตมาลง PC ในภายหลัง ซึ่งเราสามารถไปซื้อมาเล่นได้ในร้านค้า Steam

07 (3)

  1. Moons of Madness (2019) 

อีกหนึ่งเกมที่ได้แรงบันดาลใจจากนิยาย At the Mountains of Madness กับ Moons of Madness ผลงานเกมแนว Sci-Fi Horror ของทีมพัฒนา Rock Pocket Games และจัดจำหน่ายโดย Funcom ที่หยิบเอานิยายดังกล่าวมาตีความใหม่โดยเปลี่ยนฉากหลังจากภูเขามาอยู่บนดาวอังคารแทน เนื้อเรื่องของเกมว่าด้วยเรื่องราวของ Shane Newehart ช่างเทคนิคระดับล่างที่ได้รับหน้าที่ดูแลสถานีอวกาศในดาวอังคาร ซึ่งระหว่างรอลูกเรือคนอื่นมาแทนที่ในอีกไม่กี่เดือน เขาก็ต้องเจอกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ไม่เคยพบมาก่อน และเขาต้องเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้ พร้อมไขปริศนาเรื่องราวต่าง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ระบบการเล่นของเกมนี้จะเน้นที่การไขปริศนาและการปะติดปะต่อเรื่องราวจากการเชื่อมโยงผ่านมุมมองตัวละคร เอกสาร และข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏในเกมส่วนจุดเด่นของ Moons of Madness ที่มอบประสบการณ์สยองขวัญแปลกใหม่ให้ผู้เล่นเลยก็คือการออกแบบดาวอังคารที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุดและการนำเสนอสภาวะจิตหลุดของตัวละครที่เรียกว่า Zone Outs ซึ่งถอดแบบความ Cosmic Horror มาจากนิยายของ Lovecraft ได้ดีมาก

Moons of Madness สามารถหาเล่นได้ทั้งบน PC และ Console

08 (2)

  1. Amnesia: The Dark Descent (2010) 

ผลงานเกมสยองแบบเพียวๆ ที่สร้างชื่อให้กับทีมพัฒนาเกมสัญชาติสวีเดน Frictional Games และยังจุดกระแสให้เกิดการนั่งดูคนเล่นเกมผีมากกว่าจะเล่นเองอีกด้วย

เรื่องราวในเกมนี้เกิดขึ้นในปี 1839 ผู้เล่นจะรับบทเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาในปราสาท โดยที่เขาจำอะไรไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร และมาที่นี่ได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เขาจำได้เพียงอย่างเดียวคือเขาชื่อว่า Daniel และอาศัยอยู่ในเขต Mayfair ของกรุงลอนดอน ซึ่งเบาะแสเดียวที่เขามีคือข้อความที่เขาเขียนถึงตัวเองว่าเขาได้เลือกที่จะลบความทรงจำของตนเองทิ้ง และการถูกตามล่าโดย “เงา” ลึกลับที่เพียงแค่จ้องมองก็ทำให้เขาสติแตกได้

จุดเด่นของเกมนี้คือการเล่าเรื่องผ่านกระดาษโน้ต  ระบบ Sanity กลิ่นอายความสยองของ Lovecraft มาเต็มไหนจะการเล่นกับฟิสิกส์ที่ถือว่าแปลกใหม่มากในตอนนั้น

Amnesia: The Dark Descent มีให้เล่นทั้ง PC และ Console

09 (2)

  1. Call of Cthulhu (2018) 

ผลงานเกมสืบสวนสอบสวนจาก Cyanide Studio ที่อ้างอิงจากบอร์ดเกมในชื่อเดียวกันของ Chaosium โดยเรื่องราวของเกมนี้เริ่มขึ้นในปี 1924 ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักสืบเอกชนนามว่า Edward Pierce ที่ได้รับการว่าจ้างให้ไปสืบสวนการตายของตระกูล Hawkin ที่เมือง Darkwater  โดยตัวผู้ว่าจ้างเชื่อว่าเรื่องราวทั้งหมดน่าจะมีส่วนเกี่ยวพันธ์กับเหล่าเทพบรรพกาล

ข้อดีของเกมนี้คือนำเสนอการสืบสวนเต็มรูปแบบทั้งการสืบหาเบาะแส, ไขปริศนาและสนทนากับ NPC พร้อมกับบรรยากาศอึมครึมและเสียงประกอบที่ทำออกมาได้น่าขนลุก แต่ข้อเสียอย่างเดียวของเกมนี้เลยก็คือบทสนทนาที่เป็นสคริปต์มากไปหน่อย ไหนจะอนิเมชั่นที่แข็ง

แต่ใครที่อยากสัมผัสความเป็น Lovecraft ขนานแท้ก็ไม่ควรพลาดเกมนี้ทุกประการ ไปหามาเล่นกันได้บน Steam และ Console ครับ

10 (3)

  1. The Sinking City (2019) 

The Sinking City เกมแนวผจญภัยสืบสวนสอบสวนจาก Frogwares (ผู้สร้างเกม Sherlock Holmes หลายภาค) ที่พาผู้เล่นย้อนเวลากลับไปในปี 1920 ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักสืบเอกชนผู้มีพลังจิตในการค้นหาหรืออ่านสิ่งต่าง ๆ และการเห็นภาพจำลองเหตุการณ์ในอดีตนามว่า Charles W. Reed ได้เดินทางมายังเมือง Oakmont Massachusetts รัฐนิวอิงแลนด์ ที่เมืองแห่งนี้ต้องประสบอุทกภัยอย่างน้ำท่วมไม่หยุดที่มีสาเหตุจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ที่ผู้เล่นจะต้องค้นหาคำตอบนี้ท่ามกลางความบ้าคลั่งที่จะสั่นสะเทือนโสตประสาทของผู้เล่นตลอดทั้งเกม

ตัวเกมชูจุดเด่นด้วยเนื้อหาที่อ้างอิงมาจากนิยายสยองขวัญของ H.P Lovecraft โดยตรงพร้อมกับโลกในเกมขนาดใหญ่ที่มีอะไรหลายอย่างให้สำรวจ, เนื้อเรื่องที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนรวยคนจนในสมัยนั้นได้ดีแถมมีหลายทางเลือกให้เราได้กำหนดเส้นทางด้วยตัวเอง และระบบเกมเพลย์ที่รวมจากเกมหลายๆ แนวเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นการสืบสวนหาหลักฐานและไขปริศนา, การต่อสู้และเอาตัวรอดจากสิ่งมีชีวิตประหลาดตามแบบเกมแนว Survival Horror 

แต่ตัวเกมก็ประสบปัญหามากมายกว่าจะได้วางจำหน่ายโดยสมบูรณ์เพราะดันเกิดมหากาพย์ดราม่าระหว่างผู้จัดจำหน่ายกับผู้พัฒนาซะก่อน สามารถไปหาอ่านได้ที่นี่ 

The Sinking City สามารถหาเล่นได้ทั้งบน PC และ Console

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top