ทุกวันนี้เกมสยองขวัญเป็นอีกหนึ่งในแนวเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและได้วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จนแตกย่อยออกมาหลายประเภททั้ง Survival Horror, Pure Horror และ Psychological Horror แต่ในบรรดาเกมสยองเหล่านั้นก็ได้แอบแฝงแนวคิดอันนึงเอาไว้ด้วยและแนวคิดที่ว่าคือ Cosmic Horror หรือความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้และอยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์
นี่เป็นแนวคิดของ H.P.Lovecraft นักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดังผู้ให้กำเนิดตำนานเทพบรรพกาล Cthulhu Mythos ซึ่งผลงานของเขาได้แพร่กระจายอิทธิพลให้กับสื่อบันเทิงแนวสยองขวัญในปัจจุบันด้วยทั้งหนัง, เกม, ซีรีส์, นิยายและอื่นๆ อีกมากมาย
และสำหรับคอเกมสยองที่เป็นสาวก Lovecraftian หรือสนใจอยากลองเสพความสยองแบบ Cosmic Horror แต่ไม่รู้ว่ามีเกมอะไรบ้าง ทางเราก็ได้รวบรวม 10 เกมสยองขวัญเหนือจินตนาการสไตล์ Lovecraft ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกแห่งความบ้าคลั่งจนสูญเสียค่า Sanity ไว้ให้แล้ว เชิญเข้าไปดูกันได้เลยครับ (ถ้าเราตกหล่นเกมอะไรก็ขออภัยด้วย)
- Sunless Sea (2015)
Sunless Sea เป็นเกมอินดี้แนว Survival RPG จาก Failbetter Games ที่เริ่มต้นจากการที่ทางทีมพัฒนาได้เสนอไอเดียผ่านทาง Kickstarter แต่ตัวเกมก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจนได้วางจำหน่ายทั้งบน PC, Console และมือถือ ด้วยกระแสตอบรับที่ดีแบบนี้ทำให้ทีมผู้พัฒนาออกภาคต่อในชื่อ Sunless Skies (2019)
ในเกม Sunless Sea ผู้เล่นจะรับบทเป็นกัปตันเรือนิรนามที่นำลูกเรือออกสำรวจในผืนทะเลแถบ Fallen London อันกว้างใหญ่ที่ไร้แสงสว่างและเต็มไปด้วยความลึกลับและอันตรายทั้งโจรสลัดกับอสูรกายแปลกประหลาดที่จ้องจะเล่นคุณตลอดการเดินทาง
จุดเด่นของเกมนี้คือโลก ผสานเข้ากับความสยองสั่นประสาทสไตล์ Lovecraft ได้อย่างลงตัว, บทและเนื้อหาที่ร้อยเรียงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับใครที่สนใจก็ไปหามาเล่นได้บน Steam, PlayStation และ Xbox
- Bloodborne (2015)
ไม่ต้องสาธยายให้มากหลายคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันสุดยอดขนาดไหนสำหรับ Bloodborne คือหนึ่งในผลงานเกม Action RPG สุด Exclusive ของเครื่อง PS4 จากค่าย Fromsoftware ผู้ให้กำเนิดเกมยากชวนปาจอยอย่างเกมตระกูล Souls
แต่หลายคนอาจจะงงว่าเกมนี้มันเกี่ยวกับ Lovecraft ยังไง? คือเรื่องนี้ทางผู้พัฒนาบอกเองเลยว่า Bloodborne ได้รับอิทธิพลจากผลงานของ H.P.Lovecraft มาเต็มๆ ทั้งในด้านดีไซน์ศัตรูและบอสที่อ้างอิงมาจากเหล่าเทพบรรพกาลจากต่างมิติในจักรวาลของเขา (พวกมันจะถูกเรียกว่า Great One’s), บรรยากาศเมือง Yharnam ที่มีความอึมครึมไร้ผู้คนและกลิ่นอายของ Lovecraft ที่ชัดที่สุดคือระบบ Insight หรือเงินในเกมที่ได้จากการสังหารศัตรู, เข้าไปในพื้นที่ที่อยู่ใต้อิทธิพลของ Great Ones และรับความรู้จากแหล่งต่างๆ \
โดยหากอิงตาม lore ในเกมแล้ว Insight เป็นเหมือนตัวเเทนของ”ความรู้”เกี่ยวกับ Great Ones เรียกว่า Eldritch Truth และแน่นอนครับว่ายิ่งเรารู้มากมันก็จะทำให้คนนั้นๆ เสียสติในที่สุดตามเรื่องสยองของ Lovecraft (โดยในเกมยิ่งตัวละครมี Insight สูง ค่าต้านสถานะ Frenzy จะน้อยลงไปด้วยและเมื่อหลอด Frenzy เต็มจะทำให้ HP เราหายไป 80% ซึ่งจะทำให้เกมยากขึ้นนั่นเอง)
แต่นอกจาก Lovecraft แล้วตัวเกมยังได้แรงบันดาลใจการออกแบบโลกในเกมให้เป็นสไตล์ Gothic ยุค Victoria จากผลงานของ Bram Stroke ผู้ประพันธ์เรื่องราวของผีดูดเลือด Dracula อีกด้วย
- Conarium (2017)
เกมสยองขวัญเอาชีวิตรอดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายของ H.P.Lovecraft เรื่อง At the Mountains of Madness Conarium ว่าด้วยเรื่องราวของ Frank Gilman ชายคนหนึ่งผู้ตื่นขึ้นมาในห้องลับห้องหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทวีปแอนตาร์กติกและมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดเหนือกำลังจะออกมาไล่ล่าทุกคน ทำให้เขาต้องค้นหาความจริงและหลบหนี้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้
จุดเด่นของเกมนี้คือเนื้อเรื่องที่มีความลุ่มลึกและหน่วงความรู้สึก, กราฟฟิกที่สมจริงรังสรรค์ด้วยขุมพลัง Unreal Engine 4, ซาวด์ประกอบที่ช่วยเสริมบรรยากาศอึมครึมให้ดูวังเวงไม่น่าไว้ใจและฉากจบอีกหลายแบบที่รอให้เราได้ค้นหา
สำหรับใครที่สนใจก็ไปหาซื้อมาเล่นได้ทั้งบน Steam, PS4 และ Xbox One
- Dark Wood (2017)
Darkwood เป็นเกมแนวแอคชั่นสยองขวัญเอาตัวรอดจากทีม Acid Wizard Studio สตูดิโอเกมอินดี้จากโปแลนด์ที่นำเสนอเรื่องราวการผจญภัยในป่ามรณะ ผ่านมุมมอง Bird’s Eye View โดยเรื่องราวในเกมนี้จะเล่าถึงตัวละครปริศนาที่หลุดเข้ามาในป่าแห่งหนึ่งที่ถูกโจมตีด้วยเชื้อโรคบางอย่างเปลี่ยนให้ทำให้พืช สัตว์ รวมไปถึงมนุษย์นั้นเกิด สัตว์ประหลาดมากมาย คนที่สติฟั่นเฟือนละกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด และพลังลึกลับบางอย่างที่สามารถฆ่าคุณได้
Darkwood สามารถหาเล่นได้บน PC และ Console
- Song of Horror (2020)
เกมแนวสยองขวัญเอาชีวิตรอดมุมมองบุคคลที่สามกลิ่นอาย Lovecraft จากทีมพัฒนาสัญชาติสเปน Protocol Games ที่ว่าด้วยเรื่องราวการหายตัวไปของ Sebastian P. Husher นักเขียนชื่อดังและครอบครัว ทางกองบรรณาธิการที่เป็นห่วงจึงส่งผู้ช่วยอย่าง Daniel Noyer ไปออกตามหา Sebastian แต่เมื่อเดินทางมาถึงก็พบกับความว่างเปล่า ไร้ผู้คน มีเพียงประตูและไฟที่เปิดทิ้งเอาไว้ สิ่งเดียวที่เค้าพบเพียงกล่องดนตรีที่เล่นทำนองที่ฟังดูน่าขนลุก และต่อมา Daniel ก็ได้หายตัวไปอีกคน จนกองบรรณาธิการจึงต้องส่งผู้ช่วยคนๆต่อไปในการตามหาทั้งสองคน ซึ่งจะเป็นตัวละครที่เราได้เลือกเล่นในเกมนี้นั่นเอง ก่อนที่พวกเขาจะพบว่าสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดมาจากสิ่งลี้ลับนามว่า The Presence
ด้านเกมเพลย์จะเหมือนเกม Horror ทั่วๆ ไปทั้งเน้นการสำรวจสถานที่และไขปริศนาต่างๆ และต้องหนีเอาตัวรอดจาก The Presence โดยที่เราไม่สามารถสู้ได้เลย แต่สิ่งที่ Song of Horror ทำได้ดีเลยก็คือบรรยากาศและเสียงประกอบที่น่าขนลุก การปรากฏตัวของ ที่เป็น Dynamic ไม่ตามสคริปต์รวมถึงการผจญภัยที่เปลี่ยนไปของแต่ละตัวละครที่ทำให้เกมไม่ซ้ำซากจำเจดี
Song Of Horror สามารถหาเล่นได้ทั้งบน PC และ Console
- Call of Cthulhu: Dark Corners of the Earth (2005)
เกมแนว Survival Horror FPS ที่ดัดแปลงจากหนึ่งในนิยายของ Lovecraft เรื่อง The Shadow over Innsmouth (1931) เรื่องราวในเกมจะถูกเซทอยู่ในปี 1922 ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Jack Walters นักสืบเอกชนที่ได้รับการว่าจ้างให้ไปสืบคดีคนหายที่ Innsmouth เมืองที่ตัดขาดจากโลกภายนอกและผู้คนในเมืองก็ผิดปกติจากอะไรบางอย่างที่เขาจะต้องหาสาเหตุให้ได้
ระบบเกมเพลย์ของเกมนี้จะคล้ายๆ กับ Resident Evil และ Alone in the Dark ทั้งการสำรวจพื้นที่, เอาตัวรอดจากศัตรูที่ผู้เล่นจะต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะสู้หรือหลบหนี, การแก้ปริศนาและบริหารทรัพยากรจำพวกกระสุนและยาที่มีจำกัด แต่สิ่งที่ Call of Cthulhu โดดเด่นกว่าเกมแนวเดียวกันในยุคนั้นเลยก็คือระบบพลังชีวิตที่สมจริงและละเอียดมาก โดยหากผู้เล่นบาดเจ็บตรงส่วนไหนต้องหาไอเท็มเฉพาะมารักษาเช่น ถ้าแขนหรือขาหักต้องใช้เฝือก, ถ้าติดพิษต้องหายาแก้พิษ, ถ้าเลือดไหลไม่หยุดก็ต้องหาไอเท็มห้ามเลือดเป็นต้น
และความเป็น Lovecraft ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือค่า Sanity ที่จะลดลงเรื่อยๆ ตลอดทั้งเกมซึ่งจะแสดงออกมาให้ผู้เล่นเห็นทั้งเสียงทั้งภาพหลอนและถ้าค่า Sanity มันหมดลงเมื่อไหร่ผู้เล่นจะเสียสติและฆ่าตัวตายแล้วทำให้ Game Over ทันที สิ่งที่ผู้เล่นจะสามารถเพิ่มค่า Sanity ได้มีอยู่สองอย่างคือหาพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นห้องเซฟในเกมนี้หรือจัดการศัตรูให้ได้นั่นเอง
ตอนนี้ตัวเกมวางจำหน่ายครั้งแรกบนเครื่อง Xbox ก่อนจะถูกพอร์ตมาลง PC ในภายหลัง ซึ่งเราสามารถไปซื้อมาเล่นได้ในร้านค้า Steam
- Moons of Madness (2019)
อีกหนึ่งเกมที่ได้แรงบันดาลใจจากนิยาย At the Mountains of Madness กับ Moons of Madness ผลงานเกมแนว Sci-Fi Horror ของทีมพัฒนา Rock Pocket Games และจัดจำหน่ายโดย Funcom ที่หยิบเอานิยายดังกล่าวมาตีความใหม่โดยเปลี่ยนฉากหลังจากภูเขามาอยู่บนดาวอังคารแทน เนื้อเรื่องของเกมว่าด้วยเรื่องราวของ Shane Newehart ช่างเทคนิคระดับล่างที่ได้รับหน้าที่ดูแลสถานีอวกาศในดาวอังคาร ซึ่งระหว่างรอลูกเรือคนอื่นมาแทนที่ในอีกไม่กี่เดือน เขาก็ต้องเจอกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ไม่เคยพบมาก่อน และเขาต้องเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้ พร้อมไขปริศนาเรื่องราวต่าง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ระบบการเล่นของเกมนี้จะเน้นที่การไขปริศนาและการปะติดปะต่อเรื่องราวจากการเชื่อมโยงผ่านมุมมองตัวละคร เอกสาร และข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏในเกมส่วนจุดเด่นของ Moons of Madness ที่มอบประสบการณ์สยองขวัญแปลกใหม่ให้ผู้เล่นเลยก็คือการออกแบบดาวอังคารที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุดและการนำเสนอสภาวะจิตหลุดของตัวละครที่เรียกว่า Zone Outs ซึ่งถอดแบบความ Cosmic Horror มาจากนิยายของ Lovecraft ได้ดีมาก
Moons of Madness สามารถหาเล่นได้ทั้งบน PC และ Console
- Amnesia: The Dark Descent (2010)
ผลงานเกมสยองแบบเพียวๆ ที่สร้างชื่อให้กับทีมพัฒนาเกมสัญชาติสวีเดน Frictional Games และยังจุดกระแสให้เกิดการนั่งดูคนเล่นเกมผีมากกว่าจะเล่นเองอีกด้วย
เรื่องราวในเกมนี้เกิดขึ้นในปี 1839 ผู้เล่นจะรับบทเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาในปราสาท โดยที่เขาจำอะไรไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร และมาที่นี่ได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เขาจำได้เพียงอย่างเดียวคือเขาชื่อว่า Daniel และอาศัยอยู่ในเขต Mayfair ของกรุงลอนดอน ซึ่งเบาะแสเดียวที่เขามีคือข้อความที่เขาเขียนถึงตัวเองว่าเขาได้เลือกที่จะลบความทรงจำของตนเองทิ้ง และการถูกตามล่าโดย “เงา” ลึกลับที่เพียงแค่จ้องมองก็ทำให้เขาสติแตกได้
จุดเด่นของเกมนี้คือการเล่าเรื่องผ่านกระดาษโน้ต ระบบ Sanity กลิ่นอายความสยองของ Lovecraft มาเต็มไหนจะการเล่นกับฟิสิกส์ที่ถือว่าแปลกใหม่มากในตอนนั้น
Amnesia: The Dark Descent มีให้เล่นทั้ง PC และ Console
- Call of Cthulhu (2018)
ผลงานเกมสืบสวนสอบสวนจาก Cyanide Studio ที่อ้างอิงจากบอร์ดเกมในชื่อเดียวกันของ Chaosium โดยเรื่องราวของเกมนี้เริ่มขึ้นในปี 1924 ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักสืบเอกชนนามว่า Edward Pierce ที่ได้รับการว่าจ้างให้ไปสืบสวนการตายของตระกูล Hawkin ที่เมือง Darkwater โดยตัวผู้ว่าจ้างเชื่อว่าเรื่องราวทั้งหมดน่าจะมีส่วนเกี่ยวพันธ์กับเหล่าเทพบรรพกาล
ข้อดีของเกมนี้คือนำเสนอการสืบสวนเต็มรูปแบบทั้งการสืบหาเบาะแส, ไขปริศนาและสนทนากับ NPC พร้อมกับบรรยากาศอึมครึมและเสียงประกอบที่ทำออกมาได้น่าขนลุก แต่ข้อเสียอย่างเดียวของเกมนี้เลยก็คือบทสนทนาที่เป็นสคริปต์มากไปหน่อย ไหนจะอนิเมชั่นที่แข็ง
แต่ใครที่อยากสัมผัสความเป็น Lovecraft ขนานแท้ก็ไม่ควรพลาดเกมนี้ทุกประการ ไปหามาเล่นกันได้บน Steam และ Console ครับ
- The Sinking City (2019)
The Sinking City เกมแนวผจญภัยสืบสวนสอบสวนจาก Frogwares (ผู้สร้างเกม Sherlock Holmes หลายภาค) ที่พาผู้เล่นย้อนเวลากลับไปในปี 1920 ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักสืบเอกชนผู้มีพลังจิตในการค้นหาหรืออ่านสิ่งต่าง ๆ และการเห็นภาพจำลองเหตุการณ์ในอดีตนามว่า Charles W. Reed ได้เดินทางมายังเมือง Oakmont Massachusetts รัฐนิวอิงแลนด์ ที่เมืองแห่งนี้ต้องประสบอุทกภัยอย่างน้ำท่วมไม่หยุดที่มีสาเหตุจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ที่ผู้เล่นจะต้องค้นหาคำตอบนี้ท่ามกลางความบ้าคลั่งที่จะสั่นสะเทือนโสตประสาทของผู้เล่นตลอดทั้งเกม
ตัวเกมชูจุดเด่นด้วยเนื้อหาที่อ้างอิงมาจากนิยายสยองขวัญของ H.P Lovecraft โดยตรงพร้อมกับโลกในเกมขนาดใหญ่ที่มีอะไรหลายอย่างให้สำรวจ, เนื้อเรื่องที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนรวยคนจนในสมัยนั้นได้ดีแถมมีหลายทางเลือกให้เราได้กำหนดเส้นทางด้วยตัวเอง และระบบเกมเพลย์ที่รวมจากเกมหลายๆ แนวเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นการสืบสวนหาหลักฐานและไขปริศนา, การต่อสู้และเอาตัวรอดจากสิ่งมีชีวิตประหลาดตามแบบเกมแนว Survival Horror
แต่ตัวเกมก็ประสบปัญหามากมายกว่าจะได้วางจำหน่ายโดยสมบูรณ์เพราะดันเกิดมหากาพย์ดราม่าระหว่างผู้จัดจำหน่ายกับผู้พัฒนาซะก่อน สามารถไปหาอ่านได้ที่นี่
The Sinking City สามารถหาเล่นได้ทั้งบน PC และ Console