ในช่วงปี 2019 ที่ผ่านมา พวกเราได้สัมผัสเกมดีเกมดังมามากมายตั้งแต่ Sekiro: Shadows Die Twice, Devil May Cry V, The Outer Worlds และเกมอื่น ๆ อีกมากมาย แต่แน่นอนว่าปีนี้ก็ยังคงมีเกมคุณภาพแย่ออกมาสร้างความผิดหวังให้เกมเมอร์ทุกคน แล้วจะมีเกมอะไรบ้าง ? นี่คือรายชื่อ 10 เกมยอดแย่ประจำปี 2019 โดยอ้างอิงจาก Metacritic ก็สามารถรับชมกันได้เลยครับ
Monster Jam Steel Titans – 47 คะแนน
เกมแข่งรถซีรีส์ Monster JamSteel Titans ยังคงเป็นการสานต่อความล้มเหลวจากเกมภาคก่อนอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านยอดขายกับเสียงวิจารณ์ แม้เกมนี้จะมีภาพกราฟิกสวยและเพลงประกอบดีเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่ระบบเกมการเล่นที่ค่อนข้างธรรมดา และรวมไปถึงระบบฟิสิกส์กับการเลี้ยวของรถยนต์ออกแบบมาแย่ ทำให้ประสบการณ์ระหว่างการเล่น Monster Jam Steel Titans จึงไม่มีความสนุก แต่เต็มไปด้วยความยากโดยไม่มีความบาลานซ์อย่างลงตัว กับความน่าเบื่อไปโดยปริยาย
Narcos: Rise Of The Cartels – 45 คะแนน
ก็ต้องบอกเลยว่าเกมนี้มีวี่แววไปไม่รอดตั้งแต่การเผยแพร่วิดีโอ Gameplay Trailer ตัวแรกที่กล่าวว่าตัวเกมเป็นแนววางแผนสไตล์ X-COM ซึ่งผู้เล่นหลายคนก็ได้แสดงความคิดเห็นพร้อมกันว่า “ไม่เหมาะสำหรับเกม Narcos เลย”
นอกจากนี้ คุณภาพเกมของ Narcos: Rise Of The Cartels ก็ถือว่าสอบไม่ผ่านสำหรับเกมแนววางแผนเช่นกัน ด้วยการรูปแบบการเล่นขาดความลึก หรือรวมถึงเนื้อหาเกมเกือบทั้งหมดแทบไม่ได้มีการเคารพต้นฉบับจากซีรีส์ Netflix จนองค์ประกอบเกมทุกอย่างดู “ไม่ถูกต้อง” ซะเท่าไหร่นัก ทำให้ Narcos: Rise Of The Cartels จึงตกเป็นหนึ่งในเกมทำจากซีรีส์ภาพยนตร์ที่ประสบความล้มเหลวอย่างไม่มีชิ้นดี
Generation Zero – 45 คะแนน
Avalanche Studio เป็นค่ายเกมที่ฝากผลงานเกมดังมากมาย ไม่ว่าจะ MAD MAX หรือซีรีส์ Just Cause แต่น่าเสียดายที่เกม Co-op 4 คน อย่าง Generation Zero ไปไม่ถึงฝันตามที่ผู้พัฒนาเกมหรือเกมเมอร์หลายคนคาดหวังไว้
แม้ Generation Zero จะมีไอเดียที่น่าสนใจ โดยตัวเกมใช้ฉากหลังเป็นประเทศสวีเดนในช่วงปี ’80 ที่เหล่าหุ่นยนต์เข้ามาลุกลามและปกครองประเทศจนมนุษย์กลุ่มเล็ก ๆ ต้องเอาตัวรอดจากกลุ่มเครื่องจักรสังหาร รวมถึงการออกแบบสถานที่สามารถนำเสนอบรรยากาศของประเทศนอร์ดิกได้ตรงจุด
แต่น่าเสียดายที่เกมเพลย์ของ Generation Zero เต็มไปด้วยข้อบกพร่องมากมายจนเกินกว่าจะอภัย ตั้งแต่แผนที่กว้างเกินไป, ระบบการชี้ Objective ไม่ดีพอ, มีบั๊กเยอะ และที่สำคัญคือระบบ AI ของเกมเก่งเกินไปจนการเล่นแบบ Solo หรือ Co-op ไม่มีความสนุกสนานเท่าที่ควร
Submersed – 44 คะแนน
Submersed เป็นเกมแนว Survival Horror ที่คุณต้องหลบสายตาของ “เจ้าหลาม” ให้จนได้ แม้ไอเดียเกมจะมีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นเกมที่สร้างขึ้นโดยมีแรงบันดาลจากภาพยนตร์ฉลามระดับตำนานอย่างเรื่อง JAWS แต่ทว่าตัวเกมกลับไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าที่ควร และระบบลอบเร้นกับการจัดการ Inventory เข้าขั้นระดับแย่ ทำให้ Submersed จึงเป็นเกมสยองขวัญ-เอาตัวรอดระดับ Mediocre จนถึง Bad ที่มีจุดเด่นอย่างเดียวคือมีศัตรูเป็นฉลาม
WWE 2K20 – 43 คะแนน
ถ้าเกมนี้ไม่ติดในรายชื่อ “เกมยอดแย่ประจำปี 2019” ก็คงจะแปลกน่าดู เนื่องจาก WWE 2K20 เป็นเกมมวยปล้ำประจำปีที่มี “ชื่อเสีย” มากมายจนผู้เล่นหลายคนเล่ากันเป็นปากต่อปากว่าเป็นเกม “พัง” แห่งปี 2019 ด้วยจำนวนบั๊กที่เยอะอย่างมหาศาลตั้งแต่เปิดเกมครั้งแรก และหน้าตาของนักมวยปล้ำหลายคนไม่ตรงตามต้นฉบับ หรือรวมไปถึงคอนเทนต์เนื้อเรื่องที่นำเสนอออกมาเหมือนเกมคุณภาพ PlayStation 2 จึงทำให้เกมนี้ต้องขึ้นรายชื่อเป็นเกมยอดแย่ของปี 2019 อย่างไม่ต้องสงสัย
FIFA 20: Legacy Edition – 41 คะแนน
แม้ FIFA 20 จะเป็นเกมที่มีกระแสวิจารณ์ในแง่บวกจากหลายเจ้าสำนัก แต่ไม่ใช่สำหรับ FIFA 20: Legacy Edition ของ Nintendo Switch ที่เกมเมอร์วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการย้อมแมวขายเกมใหม่ที่หน้าเลือดที่สุด
FIFA 20: Legacy Edition คือ FIFA 19 ที่อัปเดตรายชื่อนักเตะใหม่ โดยตัวเกมยังใช้ Frostbite Engine เวอร์ชันเก่าและ UI รูปแบบเดิม แต่ตัวเกมกลับขายในราคาเต็มที่ 44.99 เหรียญฯ ซึ่งหากเกมเมอร์สนใจ FIFA 20 ก็แนะนำให้ซื้อเวอร์ชัน PC, PS4 หรือ Xbox One ดีกว่า
Dollhouse – 41 คะแนน
Dollhouse เกม Survival Horror ในมุมกล้องบุคคลที่หนึ่งที่ผู้เล่นหลายคนยกย่องให้เป็นเกมที่มีระบบการควบคุมแย่ที่สุด ด้วยการตอบสนองความเคลื่อนไหวที่ช้าเกินทน และการออกแบบแผนที่ยังขาดความหลากหลายเหมือนเดินวนซ้ำอยู่สถานที่เดียว ทำให้ Dollhouse เป็นเกมสยองขวัญที่ชวนง่วงนอนมากกว่าช่วยปลุกประสบการณ์ขนหัวลุกซะอีก
Contra: Rogue Corps – 40 คะแนน
แม้ Metacritic จะไม่ได้ยกให้ Contra: Rogue Corps เป็นเกมยอดแย่ที่ให้อันดับต่ำดินที่สุด แต่ผู้เขียนเชื่อว่าเกมเมอร์หลายคน โดยเฉพาะกับแฟนเกม Contra ร่วมสามัคคีกันยกตำแหน่งให้เกมนี้เป็นเกมยอดแย่แห่งปี 2019 และเป็นเกม Contra ที่ห่วยที่สุดอีกด้วย
Contra: Rogue Corps เปลี่ยนจากเกมแนวยิงในมุมกล้องแบบ 2D กลายเป็นเกมยิงมุมกล้อง Isometric ที่ไม่ค่อยมีคอนเทนต์อะไรเลยนอกเหนือจากการเดินยิง ยิง และยิงจนกว่าศัตรูจะตายไปข้างหนึ่ง นอกจากนี้ ตัวเกมยังมีการทำโทษเกมเมอร์ที่หากยิงปืนนานเกินไป อาวุธจะต้องทำการ Cooldown ก่อนยิงปืนระลอกใหญ่อีกรอบ ซึ่งแตกต่างจากกับเกม Contra ภาคก่อนที่สามารถยิงปืนได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการ Cooldown
Left Alive – 37 คะแนน
เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ จบลงอย่างพังพินาศอย่างแท้จริง Left Alive เป็นเกม Spin-off ของซีรีส์ Front Mission จากเป็นเกมแนวขับหุ่นยนต์และเกมแอ็กชัน ได้กลายเป็นเกมลอบเร้นอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการออกแบบหน้าปกเกมก็รับผิดชอบโดย Yoji Shinkawa ซึ่งอดีตเคยออกแบบตัวละครให้กับซีรีส์ Metal Gear อีกด้วย
แต่ถ้าหากผู้เล่นคาดหวังว่า Left Alive จะเป็นเกมลอบเร้นคุณภาพดีก็คงต้องผิดหวังกันยกใหญ่ เพราะระบบเกมเพลย์ของ Left Alive ยังจัดว่าเรียบง่ายเกินไปสำหรับเกมลอบเร้น มีแอนิเมชันแข็งทื่อ และพฤติกรรมของ AI ก็เข้าขั้น “ไม่สมประกอบ” อย่างรุนแรง ซึ่งบางครั้งศัตรูสามารถมองทะลุกำแพง หรือศัตรูไม่สามารถมองเห็นเราในระยะใกล้มาก
เพียงเท่านี้ ก็สามารถทำให้ผู้เล่นหลายคนต้องหมดสนุกกับเกม Left Alive เพียงจับคอนโทรลเลอร์เป็นครั้งแรก แม้ว่าเซตติ้งของเกมจะน่าสนใจก็ตาม
Eternity: The Last Unicorn – 36 คะแนน
มาแล้วสำหรับเกมยอดแย่ประจำปี 2019 อย่าง Eternity: The Last Unicorn ที่เกมเมอร์สายเกมผจญภัย-แฟนตาซีหลายคนจะต้องร้องกรี๊ดดัง ๆ เพราะองค์ประกอบเกมสอบตกทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องสุดเชย, มุมกล้องเกมแย่เกินทน, ระบบการต่อสู้ไม่สะใจ, การควบคุมไม่มีการตอบสนองที่ดี หรือแม้กระทั่งภาพกราฟิกที่ไม่มีความสวยงาม กับโมเดลตัวละครออกแบบเหมือนสมัยเกม PlayStation 1 ก็ต้องบอกว่าคุณภาพเกมเทียบเท่ากับโครงการของนักศึกษามหาวิทยาลัยก็น่าจะถูกต้องที่สุดแล้วสำหรับเกมนี้