นับตั้งแต่ Arcane ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลไปในช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าการดัดแปลงวิดีโอเกมให้มาเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ จะได้รับความนิยมขึ้นอย่างมาก หลายค่ายต่างทยอยไฟเขียวโปรเจกต์ที่ปลุกปั้นมานานนับปี ส่วนค่ายที่กำลังพัฒนาหรือทำกันอยู่ ก็มีแผนจะปล่อยให้เราได้รับชมกันภายในช่วงเร็ว ๆ นี้ วันนี้เรามาดูกันว่า มีโปรเจกต์ใดกันบ้าง ที่เรากำลังจะได้ชมกันบน Netflix ในเร็ว ๆ นี้
1. Resident Evil (ซีรีส์ไลฟ์แอ็คชั่น)
แม้ว่าตัวเกมจะสุดปังแค่ไหน แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ผลงานซีรีส์หรือภาพยนตร์ของ Resident Evil นั้น เวอร์ชั่น Alice ก็อาจจะใช้คำว่าประสบความสำเร็จได้บ้าง จากรายได้มหาศาลที่หนังโกยไป แต่เวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง Welcome to Raccoon City นั้น เรียกได้ว่าถูกสับยับจนไม่รู้ว่าจะได้ดันภาคต่อกันไหม แต่อีกโปรเจกต์หนึ่งที่เรากำลังจะได้ดูกันในตอนนี้ คือโปรเจกต์ฉบับไลฟ์แอ็คชั่นหรือคนแสดงจริงที่ทาง Netflix กำลังทำกันอยู่ตอนนี้ โดยจะเน้นไปที่การเล่าเรื่องราวของตัวละคร Albert Wesker และเล่าเรื่องสองช่วงเวลาแทน โดยอีกช่วงเวลาหนึ่งจะเล่าถึงลูกสาวทั้งสองคนของ Wesker โดยตอนนี้การเปิดตัวนักแสดงก็คือ Lance Reddick ทำให้หลายคนกลัวว่ามันจะพังอีกครั้ง เพราะคนที่มารับบท Wesker คนนี้เป็นคนผิวดำที่ไม่ตรงตามเกม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอดูกันอีกทีว่ามันจะออกมาเป็นยังไง
2. Cyberpunk: Edgerunners (แอนิเมชั่น)
ผ่านกว่า 1 ปีแล้ว แม้ว่ามันจะเป็นเกมที่ใครหลายคนต่างผิดหhttps://youtu.be/E7dKVCw7bkEวัง แต่โปรเจกต์นี้ของทาง Netflix จะยังคงดำเนินต่อไป กับซีรีส์อนิเมชั่นภาคแยกอย่าง Edgerunners ที่จะบอกเล่าเรื่องราวภายใน Night City และเป็นเรื่องราวของแก๊งเด็กข้างถนนที่ผันตัวไปเป็นอาชญากรรับจ้างเพื่อเอาตัวรอด โดยตัวแอนิเมชั่นนี้ พัฒนาโดย Studio Trigger ที่เคยมีผลงานจาก Kill La Kill มาก่อน ทำให้แฟน ๆ สามารถคาดหวังได้ว่าโลกและฉากของซีรีส์นี้จะไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวังแน่นอน
3. The Witcher: Blood Origin (ซีรีส์ไลฟ์แอ็คชั่น)
จากการประสบความสำเร็จมหาศาลของซีรีส์ The Witcher ทำให้ทาง Netflix สานต่อจักรวาล The Witcher ใก้กว้างไกลมากยิ่งขึ้น เริ่มจาก Nightmare of the Wolf แบบแอนิเมชั่นที่เพิ่งฉายไปช่วงปีที่แล้ว และตอนนี้ต่อด้วย Blood Origin ที่กำลังมีกำหนดออกอากาศในปี 2022 นี้ โดยเหตุการณ์ในซีรีส์ภาคนี้จะเป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ใน The Witcher 1,200 ปี ที่จะพาเราไปดูจุดกำเนิดของสายเลือดวิทเชอร์และอารยธรรมเอล์ฟก่อนวันสิ้นโลก ซีรีส์เรื่องนี้ได้นักแสดงดังอย่าง Michelle Yeoh มารับบทเป็น Scian สมาชิกคนสุดท้ายของเผ่าเอล์ฟที่ต้องตามหาดาบที่ถูกขโมยไป เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ขยายจักรวาล The Witcher ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
4. Sonic Prime (แอนิเมชั่น)
เป็นข่าวดีสำหรับแฟน ๆ เม่นสายฟ้า ที่จะได้มีแอนิเมชั่นภาคใหม่ฉายกันแล้วแถมยังเป็นแบบ 3D ด้วย สำหรับข้อมูลของตัวซีรีส์นั้น จะว่าด้วยเรื่องราวของเจ้าเม่นสายฟ้าที่ต้องออกเดินทางผ่าน Shatterverse และมีช่วงเวลาที่เขาจะได้ค้นพบความสามารถจริง ๆ ของตัวเอง และยังต้องคอยต่อสู้กับแผนการร้ายของตัวร้ายตลอดกาลอย่าง Dr.Eggman อีกด้วย ปีนี้แฟน ๆ Sonic ถือว่าสาสมใจแน่นอน เพราะนอกจาก Sonic Prime ที่เป็นตัวแอนิเมชั่นนี้แล้ว ยังมี Sonic the Hedgehog 2 ที่กำลังจะเข้าฉายในช่วงเมษายนนี้อีกด้วย
5. Devil May Cry (แอนิเมชั่น)
ประสบความสำเร็จจากการดัดแปลง Castlevania ไปแล้ว คราวนี้ Adi Shankar ที่เป็นโชว์รันเนอร์ กลับมาร่วมงานกับ Netflix อีกครั้ง และหยิบเอาเกมแอ็คชั่นท้าอสูรชื่อดังของ Capcom อย่าง Devil May Cry มาดัดแปลงเป็นแอนิเมชั่น โดยตอนนี้ตัวซีรีส์ยังอยู่ในขั้นตอนการผลิต แต่ Adi Shankar ออกมาเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนว่า ซีรีส์นี้จะมี Dante และ Virgil เป็นตัวละครหลัก และวางแผนการสร้างเอาไว้หลายซีซั่นเหมือนกับ Castlevania ด้วย ซึ่งเราต้องรอติดตามรายละเอียดชุดใหม่กันต่อไป
6. Captain Laserhawk: A Blood Dragon Remix (แอนิเมชั่น)
หากดูชื่อเรื่องแล้ว สงสัยว่ามันมาจากเกมอะไร ก็ไม่ต้องงงกันไป เพราะนี่คือการหยิบเอาซีรีส์เกมภาคสปินออฟอย่าง Far Cry: Blood Dragon มาเล่าขยายความเพิ่มเติม ซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลออกมาเพียงว่า ตัวซีรีส์จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนยุค 90 และนำเสนอด้วยเฉดสีและโทนแบบยุค 80 ให้เหมือนกับตัวเกมต้นฉบับนั่นเอง และ Captain Laserhawk นี้ ยังคงได้ Adi Shankar จาก Devil May Cry มารับหน้าที่ดูแลด้วย เรียกได้ว่างานชุกอย่างแท้จริง ซึ่งการทำงานหลาย ๆ โปรเจกต์พร้อมกัน จะทำให้งานออกมาดีหรือไม่ ก็ต้องรอติดตามกันแล้วล่ะ
7. Far Cry (แอนิเมชั่น)
เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่พัฒนามาคู่กันกับ Captain Laserhawk แต่โปรเจกต์นี้ยังคงเป็นปริศนาอยู่ เพราะยังไม่ทราบว่าจะใช้เนื้อเรื่องช่วงไหน หรืออ้างอิงจากเกมภาคใด แต่การเลือกที่จะสร้างเป็นแอนิเมชั่น อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะโลกของ Far Cry นั้น มีทั้งตัวร้ายที่น่าดึงดูดใจ มีบรรยากาศหลอน ๆ ที่ชวนให้สะพรึงกลัว การถ่ายทอดมันออกมาด้วยแอนิเมชั่น อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าก็ได้
8. The Cuphead Show (แอนิเมชั่น)
อันนี้ไม่ต้องรอนาน เพราะกำลังจะได้ดูกันแล้ว ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2022 ที่จะถึงนี้ และยังเป็นผลงานการดัดแปลงที่แฟน ๆ หลายคนรอคอยกันมากที่สุด โดยอ้างอิงจากเกม Cuphead ซึ่งซีรีส์นี้จะเคารพความเป็นการ์ตูนเก่าคลาสสิคยุค 1930 เหมือนที่สองผู้พัฒนาเกมตั้งใจทำเอาไว้แต่แรก โดย Wayne Brady จะมาพากย์เสียงเป็น King Dice จอมวายร้ายของซีรีส์ และน่าจะเล่าเรื่องราวอิงกับโลกของเกมด้วยเช่นกัน เอาแค่ยอดผู้ชมตัวอย่างก็มีมากเกือบ 10 ล้านวิว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ผลงานนี้เป็นที่คาดหวังจากแฟน ๆ มากขนาดไหน
9. Tomb Raider (แอนิเมชั่น)
เตรียมพบกับการผจญภัยล่าสมบัติครั้งใหม่ของแม่สาว Lara Croft กันอีกครั้ง ที่จะมาในรูปแบบของแอนิเมชั่น โดยทาง Netflix ร่วมงานกับ Powerhouse Animation Studios ซึ่งเป็นสตูดิโอที่มีผลงาน Blood of Zeus มาก่อน และจะมีความเป็นแอนิเมชั่นญี่ปุ่นมากขึ้น โดยจะเล่าเรื่องราวของ Lara Croft ที่ออกสำรวจดินแดนแห่งใหม่ และทางผู้สร้างจะพยายามเชื่อมโยงไทม์ไลน์ระหว่างไตรภาคดั้งเดิมและไตรภาครีบูทให้เข้ามาเป็นไทม์ไลน์เดียวกันด้วย งานนี้ต้องรอดูว่า สองไตรภาคของ Lara Croft จะทำออกมาได้ประทับใจแฟน ๆ แค่ไหน
10. Splinter Cell (แอนิเมชั่น)
แฟน ๆ แสงเขียวแห่ง Ubisoft อย่าง Splinter Cell งานนี้เต็มอิ่มกันอย่างแน่นอน เพราะนอกจากตัวเกมจะประกาศ Remake ภาคแรกอย่างเป็นทางการกันแล้ว ยังมีซีรีส์แอนิเมชั่นที่เรากำลังจะได้รับชมกันอีก โดยทาง Ubisoft นั้นร่วมมือกับทาง Netflix และดึงเอาตัว Derek Kolstad ที่ร่วมเขียนบท John Wick มารับหน้าที่ควบคุมโปรเจกต์นี้ โดยเราอาจจะได้เห็นการกลับมาของ Sam Fischer และว่ากันว่าในแต่ละซีซั่นจะมีเรื่องราวของตัวเองด้วย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรใหม่มากไปกว่าการประกาศยืนยันการสร้าง เราก็ต้องรอติดตามข่าวสารกันต่อไป
