GTA IV หนึ่งในผลงานชิ้นโบแดงของ Rockstar Games ที่สร้างความสะเทือนให้กับวงการเกมเมื่อปี 2008 ด้วยการออกแบบโลก Open-World ที่มีชีวิตชีวา และเนื้อเรื่องโดนดาร์กที่แปลกใหม่สำหรับเกมตระกูลนี้
2023 จัดว่าเป็นปีที่ครบรอบ 15 ปี การถือกำเนิด Grand Theft Auto IV เกมแอ็กชัน-ผจญภัย ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเกมแนว Open-World ของยุคนั้น แล้วมันความพิเศษอย่างไร ? ทำไม 15 ปี เกมนี้เพิ่งเริ่มมีการพูดถึงมากขึ้น ? เราจะมาอธิบายกันในบทความนี้
วันที่ 29 เมษายน ปี 2008 หรือ 15 ปีที่ผ่านมา Grand Theft Auto IV ได้ออกวางจำหน่ายอย่างทางการครั้งแรกในคอนโซล PlayStation 3 กับ Xbox 360 ซึ่งเกมดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของ GTA ยุค HD ที่ภาพกราฟิกมีความสมจริง โลกมีชีวิตชีวา และระบบการควบคุมตัวละคร มีการเปลี่ยนแปลงจากเกมยุค 3D แบบเห็นได้ชัดเจน
ในเกมนี้ เนื้อเรื่องจะดำเนินผ่านมุมมองของ Niko Bellic ชายทหารผ่านศึก ได้ตัดสินใจเดินทางมาที่เมือง Liberty City เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ (และกำลังอพยพหลบหนีจากผู้อิทธิพล) หลังอ่านอีเมลของ Roman Bellic ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่อ้างมีทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่เงินทอง เจ้าของธุรกิจยักษ์ มีรถยนต์สปอร์ตหรู และมีผู้หญิงติดตาม
แต่สิ่งที่ Roman เขียนในอีเมลนั้นเป็นเรื่องโม้เหม็นทั้งเพ ในความเป็นจริง เขามีเพียงแค่บริษัทรถแท็กซี่ขนาดเล็ก และ Roman กำลังติดหนี้ที่กู้นอกระบบจากมาเฟีย และติดหนี้การพนัน เป็นจำนวนมาก Niko Bellic จึงต้องกลับมาทำงานผิดกฎหมาย และเป็นอาชญากร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Niko Bellic ตัวละครหลักของภาค IV
เนื้อเรื่องของภาค IV จะแตกต่างจาก GTA ทุกภาคที่ผ่านมา เนื้อหาจะมีโทนดาร์กสมจริง ไม่เชิดชูในสิ่งที่พระเอกได้กระทำลงไป นำเสนอว่าการใช้ชีวิตของ Niko ในสหรัฐฯ ในฐานะเป็นอาชญากร กับมือปืนรับจ้างนั้นเต็มไปด้วยอันตราย และคนรอบข้างของ Niko ได้รับผลกระทบจากการกระทำของตัว Niko ด้วย
ในความคิดเห็นส่วนตัว Niko Bellic เป็นตัวละคร GTA ที่มี “ความเป็นมนุษย์” มากที่สุด เขาเป็นคนห่วงใยสมาชิกครอบครัวและเพื่อน มีหลักการเป็นของตัวเอง และความจริง Niko ไม่อยากจะทำงานเป็นอาชญากรเลยแม้นิดเดียว แต่ด้วยสภาพแวดล้อมกับสถานการณ์พาไปที่มีแต่ทำให้แย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้ Niko Bellic ต้องเลือกทำในสิ่งที่เขาเกลียด เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้
นอกจากนี้การควบคุมทั้งตัวละครกับรถ และระบบเกมเพลย์ ก็มีความแตกต่างจากเกมภาคเก่าอย่างสิ้นเชิง GTA IV เป็นเกมภาคแรกของตระกูลนี้ ที่ตัวละครเอกสามารถหลบหลังกำแพง และเมื่อเล็งยิง ตัวเกมจะใช้มุมกล้อง Third-Person แบบข้ามหัวไหล่ตามสไตล์ Gear of War และ Resident Evil 4
การขับรถมีความสมจริงอย่างเห็นได้ชัด, ฟิสิกส์ Ragdoll มีความสมจริงด้วยการใช้ขุมพลัง Euphoria และปืนแต่ละชนิดมีแรงถีบแตกต่างกัน ทำให้ความรู้สึกในการเล่น GTA IV แตกต่างจากภาค San Andreas, Vice City และ III แบบชัดเจน
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยโทนของเกมที่มีความซีเรียสจริงจังมากขึ้น การควบคุมสมจริงเกินไปจนเล่นยาก คอนเทนต์หลายอย่างจากภาค San Andreas โดนตัดในภาค IV และภารกิจขาดความน่าตื่นเต้น เพื่อแลกกับความสมจริง ทำให้แฟน ๆ บางส่วนไม่ชื่นชอบ GTA IV จนถึงขั้นบอกว่าเกมภาคนี้เป็น GTA ที่แย่ที่สุด เพราะเนื้อเรื่องและตัวเกมไม่ได้บ้าบิ่น ไม่ได้ระเบิดภูเขาเผากระท่อมเหมือนเกมภาคก่อนหน้านี้ และภารกิจก็ขาดความหลากหลาย บางส่วนจึงคิดว่า GTA IV คือเกมที่น่าเบื่อ เนื้อเรื่องมีแต่ดราม่า และสมจริงเกินไปจนพรากความสนุกอย่างที่ GTA ภาคเก่าควรจะเป็น
แม้ GTA IV ไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับเกมเมอร์บางส่วน แต่ปัจจุบัน ผู้เล่นบางคนที่เคยเกลียด GTA IV ได้เริ่มเปิดใจแล้วชื่นชอบเกมภาคนี้มากขึ้น เพราะเนื้อเรื่องโทนซีเรียส และตัวละครน่าหลงใหล มีความเป็นมนุษย์ กลายเป็นฟีเจอร์เด็ดกับเอกลักษณ์ของ GTA IV ที่เกมภาคอื่น หรือแม้แต่ภาคล่าสุดอย่าง V ขาดหายไป
