หากเอ่ยถึงชื่อ Serious Sam เกมเมอร์จำนวนไม่น้อยย่อมต้องรู้จักเกมนี้ในฐานะเกมเดินหน้า (หรือถอยหลัง ?) ยิงสุดเดือด จากฝีมือ Croteam ซึ่งก็เพิ่งมีภาค 4 ตามออกมาเมื่อปีที่แล้ว แต่กับเกมที่สตอรี่ยิ่งทำยิ่งถอยหลังนี้ คงจะหาอะไรสนุกสนานไปไม่ได้นอกจากเกมเพลย์ที่โคตรสนุก และทุกคนมักจะีมภาพจำ Serious Sam ว่าเป็นเกมยิงแหลกที่ค่อนข้างน่ากลัว และเลือดสาด ด้วยภาพลักษณ์ของภาค 3 และ 4 ที่ออกมา
แต่มีอยู่ภาคหนึ่งที่เป็นความทรงจำในวัยเด็กอันยอดเยี่ยมของใครหลายคน นั่นคือภาค 2 ที่เปลี่ยนไปใช้กราฟิกแบบการ์ตูนสีสันสดใส แถมยังมีความแฟนตาซีแบบสุดโต่ง จนหลายคนแทบไม่เชื่อว่านี่คือจักรวาล Serious Sam และหลังจากที่เกมปล่อยมา 15 ปี แต่ยังมีอัปเดตใหม่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกท่านมาย้อนรอยความทรงจำกับ Serious Sam 2 กัน
Serious Sam 2 อาจจะเป็นเนื้อเรื่อง “ล่าสุด” ของซีรีส์
แฟนเกมที่ไม่ได้ติดตามเรื่องราวของ Serious Sam มาก่อน อาจจะไม่รู้ว่า แม้ปัจจุบันเกมภาคล่าสุดของซีรีส์คือภาคที่ 4 แต่จริง ๆ แล้วเนื้อเรื่องมันยิ่งถอยหลังลงไปเรื่อย ๆ Serious Sam 4 คือเหตุการณ์ก่อนภาค 3 ส่วนภาค 3 ก็คือเหตุการณ์ก่อนภาค First & Second Encounter เพราะฉะนั้นแล้ว Serious Sam 2 อาจจะเป็นภาคที่เนื้อเรื่องเดินหน้าต่อไปได้ไกลที่สุดแล้ว
ในภาค 2 นี้ Serious ‘Sam’ Stone จะต้องออกเดินทางไปยังโลกต่าง ๆ เพื่อรวบรวมชิ้นส่วนเหรียญ Sirian ที่จะสามารถนำมาพลิกวิกฤตในการเอาชนะ Mental ได้ และตัวเกมมีเนื้อเรื่องต่อจาก Second Encounter อันเป็นเหตุผลให้ว่านี่คือภาคที่เนื้อเรื่องของ Serious Sam มาไกลที่สุดแล้ว (นอกจากนั้นก็ย้อนอดีตรัว ๆ ทั้งภาค 3 และ 4)
เศษเหรียญ Sirian ต่างกระจัดกระจายไปอยู่บนดาวเคราะห์ทั้ง 5 และบังเอิญที่ว่าดาวเคราะห์ทั้งหมดนั้น อยู่ภายใต้การควบคุมของ Mental – Sam จำใจยอมรับภารกิจนี้เพื่อปกป้องโลก เมื่อภารกิจสำเร็จและเราเผชิญหน้ากับ Mental ความจริงที่น่าตกใจก็เผยออกมา เมื่อ Mental เฉลยว่าเขาคือพ่อของ Sam แน่นอนว่า Sam ไม่ได้สนใจ และยิงเขาทิ้ง และขณะที่ดูเหมือนว่าชัยชนะของจักรวาลจะเริ่มต้นเพราะเอาชนะ Mental ได้ มันก็ไม่จบอย่างที่คิด เพราะที่ Sam สังหารไปนั้นคือร่างปลอม และ Mental ตัวจริงได้หลบหนีไปแล้ว และยังมีตอนจบแบบหักมุมเอาฮาอีกนิดหน่อย
สังเกตได้ว่า เนื้อเรื่องของ Serious Sam นั้น ไม่ได้ก้าวไปไหนไกลนับจากภาค 2 เพราะอย่างที่บอกว่าภาค 3 และภาค 4 นั้น เป็นการเล่าย้อนเหตุการณ์ก่อนภาค First & Second Encounter ดังนั้นเราจึงเรียงลำดับเหตุการณ์เนื้อเรื่องของเกมได้ดังนี้
- Serious Sam 4
- Serious Sam 3
- Serious Sam : The First Encounter
- Serious Sam : The Second Encounter
- Serious Sam 2
บรรยากาศของเกมที่เปลี่ยนไป และแปลกไปจากทุกภาค
แฟนเกม Serious Sam จะรู้สึกได้ว่าภาค 2 เป็นภาคที่แหวกแนวจากสารบบของเกมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภาค First Encounter / Second Encounter ล้วนมีธีมเป็นการตะลุยไปยังโลกและอารยธรรมโบราณ ที่อาจจะต้องเจอทั้งซากปิรามิด กับดัก เอเลี่ยน และปีศาจโบราณมากมาย ในขณะที่ภาค 3 เป็นการตะลุยเมืองอียิปต์ที่เป็นตึกรามบ้านช่องที่ปรักหักพัง และภาค 4 เป็นโลกมนุษย์และเมืองของผู้คนที่ดูเป็นปกติดี
แต่กลับกัน ในภาค 2 ด้วยความที่เราต้องออกผจญภัยไปในโลกและดาวเคราะห์ต่าง ๆ มากมาย เราจึงได้เห็นฉากต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบ ทั้งเมืองโบราณ ป่าไม้ โลกอนาคตที่เต็มไปด้วยความไฮเทค โรงฝึกยุทธ์สไตล์เอเชีย ดินแดนหิมะที่ขาวโพลน เรียกได้ว่า Serious Sam 2 เป็นภาคที่พาตัวเอกของเราบุกตะลุยไปแทบจะทุกที่ ผิดกับภาคอื่น ๆ ที่เน้นความน่ากลัว สยดสยองของพวกปีศาจมากกว่า และทำให้ภาคนี้เป็นภาคที่ใคร ๆ ก็เล่นได้ เพราะสีสันและกราฟิกของมัน แต่ท้ายที่สุดมันยังคงความโหด เลือดสาด ตัวแตก เห็นเศษกระดูกเอาไว้บ้าง เพียงแต่ไม่รุนแรงเท่าภาคก่อน ๆ
แต่เหล่าศัตรูทั้งหลายนั้นยังคงยกเอาตัวเด่น ๆ จาก Serious Sam 2 โดยเฉพาะจอมพลีชีพไร้หัวที่มาพร้อมเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ “อ๊าาาาาาา” อย่าง Beheaded Bomber ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งศัตรูสุดกวนใจในภาคนี้ หรือแรดป่าที่วิ่งชาร์จใส่เราอย่างโหดร้าย Sirian Bull ก็มา แต่ศัตรูทั้งหลายในภาคนี้ถูกปรับให้มันดูน่ากลัวน้อยลง เพื่อให้เข้ากับธีมและบรรยากาศของเกมนั่นเอง
กระแสตอบรับและคำวิจารณ์ในช่วงที่เกมออก
ด้วยความที่มันฉีกแนวจากภาคก่อนหน้า ทำให้ Serious Sam 2 ได้คำวิจารณ์ที่อาจจะสู้สองภาคแรกไม่ได้ แต่มันก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงและยังได้ใจแฟน ๆ ที่ชื่นชอบเกมการยิงแบบ Old School และเหล่าศัตรูที่ดาหน้ากันมาแบบไม่หวาดไม่ไหว และยังคงเอกลักษณ์การเล่นที่เน้นศัตรูมาแบบมืดฟ้ามัวดิน เน้นเยอะ เอาสะใจไว้ก่อน
แต่คะแนนรีวิวของหลายสำนักก็ออกมาบอกว่านี่ล่ะจุดบอดของเกม เพราะความซ้ำซากจำเจของตัวเกม และคนที่ชอบโทนของสองภาคก่อนหน้านั้น ยังบอกว่าเกมนี้มันติดความเป็นการ์ตูนมากไป จนไม่หลงเหลือความจริงจังจกาภาคเก่า หรือแม้แต่ชื่อของตัวเอกอย่าง Serious Sam เองก็ดูไม่เข้ากันสักเท่าไร แต่เพราะเป็นแบบนี้ เกมเลยได้ฐานแฟนคลับที่เยอะขึ้น เพราะไม่ต้องขายความรุนแรงมากจนเกินไป แถมกราฟิการ์ตูน ๆ แบบนี้ทำให้แฟนหน้าใหม่อยากลองดูบ้าง และที่ยังคงยอดเยี่ยม เสมอ คือการที่เกมปรับโหมดมุมมองการเล่นได้ ทั้งแบบ FPS และ TPS
Co-op สุดสนุกและความมันของศัตรูที่ดาหน้ามาแบบ Non-Stop
ในความทรงจำของเหล่าเกมเมอร์ชาวไทยสมัยก่อน หากคุณยังจำได้ ร้านเกมหรืออินเตอร์เน็ตคาเฟ่สมัยก่อน ยังจะเป็นแหล่งสำหรับพบปะและเล่นเกมกับเพื่อนฝูง ในสมัยก่อนนั้น นอกจาก Counter Strike, DotA แล้ว น้อยคนที่จะรู้จักเกมอื่น แต่ในความทรงจำของผู้เขียน Serious Sam 2 คืออีกเกมที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่แถวบ้านได้ตัวเกมมาลงไว้ในเครื่อง (ไม่รู้ว่าถูกลิขสิทธิ์หรือไม่) และทุกครั้งที่จ่ายเงินไปนั่งเล่นร้าน ก็จะชักชวนเพื่อนเล่นเกมนี้กันผ่านระบบ LAN กันภายในร้าน
อย่างที่บอกไปว่า Serious Sam 2 นั้นไม่ใช่เกมที่ดูรุนแรงอะไรขนาดนั้น ดังนั้นเกมนี้จึงไม่ค่อยถูกครหาในด้านความรุนแรง และด้วยการที่ศัตรูมันมาแบบมืดฟ้ามัวดิน และมาเยอะสุด ๆ การเล่นคนเดียวอาจจะตึงมืออยู่บ้าง เพราะแบบนี้ระบบ Co-op จึงได้เข้ามาช่วยเติมเต็มในส่วนนี้ การได้ตะลุยด่านสุดยาว และศํตรูจำนวนมากไปกับเพื่อนเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ ในสมัยก่อน และเรามักจะหมดเวลาไปหลายชั่วโมงกับการพยายามลุยเคลียร์เกมให้จบ ก่อนที่จะรู้ว่าด่านในเกมนั้นมีมากมาย จนไม่สามารถจะเล่นจบได้ในวันเดียว
และ Serious Sam 2 จึงกลายเป็นอีกเกมที่ผู้เขียนมีความทรงจำในการเล่นแบบ Co-op แบบสุดสนุก ชนิดที่ว่าทุกวันนี้กลับไปเล่นก็ยังตราตรึงกับสีสันสดใส ความมัน และการยิงแหลกของเกมได้อยู่ดี รวมทั้งมีความหวังว่า เนื้อเรื่องของเกมภาคต่อ ๆ ไป จะพาตัวละครเอกเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่ถอยหลังย้อนเอา ๆ แบบนี้
การอัปเดตใหม่ในรอบ 15 ปี
ใครจะไปเชื่อว่าเกมที่มีอายุกว่า 15 ปีแล้ว อยู่ดี ๆ จะกลับมามีแพทช์อัปเดตหลักกันแบบงง ๆ โดยเมื่อวานนี้ ทาง Croteam ออกมาประกาศอัปเดตตัวเกมเป็นเวอร์ชั่น 2.90 พร้อมกับแซวตัวเองเบา ๆ ว่า นี่คือการอัปเดตในรอบห้าพันล้านปีเลยทีเดียว
โดยการอัปเดตนี้ เพิ่มอาุวธใหม่อย่าง Beam Gun เข้ามา เพิ่มระบบการวิ่ง อนิเมชั่นกราฟิกให้ลื่นไหลขึ้น และเพิ่มแผนที่สำหรับโหมด Multiplayer และแก้ไขบัคของเกมต่าง ๆ อีกด้วย
เรียกได้ว่า 15 ปีไม่สายไปจริง ๆ สำหรับ Serious Sam 2 และใครที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ อยากสัมผัสว่าเกมนี้มันมีดีขนาดที่เราว่ามาจริงหรือไม่ ก็ลองไปหามาเล่นกันได้บน Steam โดยมันลดราคาอยู่ 80% เหลือเพียง 43 บาทเท่าน้ัน แต่ต้องรีบหน่อย เพราะดีลนี้จะหมดเวลาในอีกวันเดียวเท่านั้น
