BY StolenHeart
24 Feb 19 12:34 pm

20 ปี รำลึก Final Fantasy VIII กับสารพัดทฤษฏีสมคบคิด

112 Views

พวกเราต่างทราบกันดีว่าความดังของ Final Fantasy VII นั่นคือของจริง การเปลี่ยนผ่านจากกราฟฟิกแบบสองมิติไปสามมิตินั้นคือความตื่นตาตื่นใจอย่างที่สุด รวมไปถึงระบบการเล่นที่ยังคงความคลาสสิกในแบบที่แฟน ๆ ชอบ แต่ก็มีการนำเสนอสิ่งใหม่ให้เห็น และภาคที่สองบนระบบ PlayStation นั้นก็ยังได้รับเสียงตอบรับที่ดีเช่นเคย แต่มันก็มาพร้อมกับเรื่องที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือทฤษฎีจากเหล่าแฟนเกมที่ลือลั่นกันอย่างมากมายนั่นเอง

ถ้าหากจำกันได้ Final Fantasy VIII เปิดตัววางจำหน่ายในปี 1999 และมันก็สานต่อความสำเร็จที่ในภาคที่แล้วเคยทำไว้ได้อย่างดีทีเดียว แม้จะจะไม่ถึงขั้นประสบความสำเร็จถล่มทลายแบบภาค VII แต่ก็สร้างแฟนกลุ่มใหม่ขึ้นมาอย่างมากมาย รวมไปถึงมีความแปลกใหม่กว่าเกมในภาคเก่าที่เคยทำมาหลายอย่าง บางระบบก็เวิร์ค แต่บางระบบก็แย่(โดยเฉพาะระบบ Draw ทีค่อนข้างน่ารำคาญมากกว่าสร้างสรรค์)แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นเกม RPG ที่ครองใจผู้เล่นหลายคนอย่างไม่ต้องสงสัย

และแน่นอนว่าเนื้อเรื่องของเกมก็เป็นส่วนหนึ่งที่แฟน ๆ หลายคนตั้งคำถามกลับมา เพราะในหลายส่วนนั้นมันชวนให้พวกเขาคิดไปได้หลายทาง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนั้น จริง ๆ แล้วมาจากอะไรกันแน่ จนเกิดเป็นทฤษฏีสมคบคิดหลายอย่างออกมามากมาย และลือกันมานานเป็นสิบ ๆ ปี แถมบางคนก็เชื่อแบบเป็นตุเป็นตะเสียด้วย

ซึ่งเรื่องที่ดังที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของตัวเอก Squall ที่หลายคนคิดว่าน่าจะตายไปแล้วจากเนื้อเรื่องในแผ่นที่ 1 ที่ถูก Edea ยิงเวทย์น้ำแข็งปักกลางอก และเรื่องราวต่อจากนั้นเป็นจินตนาการของ Squall เองคนเดียว เพราะเรื่องราวในแผ่นต่อ ๆ มาของเกมนั้นค่อนข้างดูฟุ้งฝันและเหนือจริงมากกว่าที่คาดมากในช่วงแผ่นแรก จนทำให้ข้อสันนิษฐานนี้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาอย่างมาก และยังมีอีกหลายเรื่องที่ถูกเอามาคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ มากมายไปหมด

YouTube video

โชคดีที่ในปี 2017 ที่ผ่านมา ทาง Kotaku เคยเผยแพร่บทความไขปริศนาที่คาใจเหล่าเกมเมอร์มานานร่วมทศวรรษ จากปากของผู้สร้างเกมโดยตรง ซึ่งก็คือคุณ Yoshinori Kitase ผู้กำกับเกมจาก Square Enix ที่หลายคนคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีนี่เอง โดยทฤษฏีต่าง ๆ ที่แฟน ๆ ลือกันอย่างมากมายและถูกแก้ไขนั้นมีดังต่อไปนี้

Squall ตายตั้งแต่ถูกเวทย์น้ำแข็งของ Edea ยิงใส่จนทะลุทรวงอก และเรื่องราวต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องราวในฝันของ Squall

เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง คุณ Kitase อธิบายว่า จุดที่ Squall ถูกยิงน้ำแข็งใส่นั้นคือบริเวณหัวไหล่ด้านขวา ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ได้ แต่คุณ Kitase ก็มองว่านี่เป็นไอเดียที่น่าสนใจมากทีเดียว ซึ่งถ้าหากในอนาคตมีการ Remake ภาคนี้ขึ้นมาใหม่ ก็อาจจะนำไอเดียนี้ไปใช้เหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในฉากนี้ทำเอาผู้เล่นหลายคนเหวอไปพักใหญ่ทีเดียว ว่าเรื่องเศร้าแบบที่เคยเจอมาในภาคที่แล้วจะกลับมาหรือเปล่า ซึ่งพอเห็นตัวเอกของเราฟื้นขึ้นมา ก็โล่งอกกันไปตาม ๆ กัน

Rinoa คือ Ultimecia ตัวจริง

เนื่องจากในช่วงหลังของเกมภาคนี้ มีการพูดถึงเรื่องของเวลาและความทรงจำ ที่ซึ่งเปลี่ยนคนที่ไปข้องเกี่ยวกับเวลาให้กลายเป็นคนละคน และการเผชิญหน้ากับ Ultimecia บอสใหญ่ของเกมภาคนี้นั้นก็ชวนให้ผู้เล่นสงสัยถึงตัวจริงของเธอ ว่าจริง ๆ แล้วเธอคือ Rinoa ในยุคอนาคตหรือเปล่า? เพราะ Ultimecia คือหนึ่งในบุคคลที่ได้ท่องเวลากลับไปในอดีตจนทำให้ตัวตนเดิมของเธอนั้นเปลี่ยนแปลงไป และตัว Renoa เองก็เช่นกัน ซึ่งมันก็ทำให้ชวนคิดไปได้ว่า การที่ Renoa เดินทางข้ามเวลาไปนั้นจะทำให้ตัวเธอเปลี่ยนแปลงไป และกลายเป็น Ultimecia ได้หรือไม่

โดยเรื่องนี้คุณ Kitase ปฏิเสธในทันทีว่าไม่เป็นความจริง แม้ในเนื้อเรื่องของเกม ทั้งสองคนจะเป็นแม่มดที่มีพลังเวทย์มนต์สูงก็ตาม แต่ทั้งคู่นั้นไม่ใช่คน ๆ เดียวกันอย่างแน่นอน หรือต่อให้เกมถูก Remake ก็จะไม่มีทางเปลี่ยนความจริงในข้อนี้ไปอย่างแน่นอน

นอกจากนั้นในบทความนี้ยังมีการเผยความลับที่น่าสนใจของเกม Final Fantasy ภาคอื่น ๆ เอาไว้ด้วย โดยที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้ครับ

  • เรื่องของการคืนชีพ Aerith ที่ตอนแรกมีการลือกันว่าทีมงานตัดส่วนนี้ออกไป โดยเรื่องนี้ผู้เขียนได้อธิบายไปอย่างละเอียดแล้วในบทความ “รำลึก Final Fantasy VII กับการจากไปของสาวน้อยที่รักของเกมเมอร์” ว่าในตอนแรกจะต้องมีตัวละครที่สละชีพในภาคนี้อยู่แล้ว และก็มาลงตัวที่ Aerith โดยคุณ Kitase ยืนยันว่าไม่แผนที่จะให้ผู้เล่นชุบชีวิตเธอขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
  • มีผู้เล่นหลายคนเดาว่า ที่มาของมนต์อสูร Knight of the Round คือกลุ่มชนเผ่า Cetra ที่เคยปราบ Jenova เมื่อหลายพันปีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ในเกม Final Fantasy VII แต่คุณ Kitase ปฏิเสธว่าไม่ใช่ พร้อมกับบอกว่าแฟน ๆ นั้นคิดมากกันเกินไปเสียหน่อย และพวกเขาไม่ได้มีเบื้องหลังแบบที่แฟน ๆ เข้าใจ

วกกลับมาที่เกมในภาค VIII อีกครั้ง ที่ซึ่งนอกจากการพูดถึงในเรื่องทฤษฏีต่าง ๆ แล้วนั้น ตัวเกมยังได้รับความสนใจจากบุคคลทั่วไปค่อนข้างมากอีกด้วย ซึ่งก็มาจากความดังของเพลงประกอบอย่าง Eyes on Me ที่เพราะจับใจคนทุกเพศทุกวัย รวมไปถึงเนื้อเรื่องที่ชวนให้เราติดตามถึงความรักความสัมพันธ์ของตัวเอกอย่าง Squall และ Rinoa ว่าจะสมหวังตามที่เราคาดหวังหรือไม่ แถมเกมการ์ดที่เป็น Mini Game ในภาคนี้ก็เล่นได้สนุกเหลือเชื่อ เรียกว่าโหลดเกมมาเล่นแค่การ์ดเกมอย่างเดียวก็สนุกแล้วเหมือนกัน

อีกสองสามเรื่องที่น่าหยิบยกมาพูดก็คือประเด็นที่ว่า ทำไม Final Fantasy VIII ถึงไม่ถูกนำมา Remastered ใหม่เหมือนกับเกมภาคอื่น ๆ ที่เคยวางจำหน่ายมาก่อนหน้า เรื่องนี้เท่าที่ผู้เขียนได้ลองเสาะหาข้อมูลมา และน่าเชื่อถือที่สุดนั้นมาจาก Twitter ของ Alex Donaldson ผู้ช่วยบรรณาธิการของ VG247 ที่เขาได้เล่าว่า Souce Code ของเกมภาค VIII นั้น ทาง Square Soft ไม่ได้เก็บเอาไว้หลังจากที่จบโปรเจกต์พัฒนาเกมเวอร์ชั่น PlayStation ไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้มาโป๊ะแตกตอนที่ทาง Eidos ในสมัยนั้นต้องการพอร์ทเกมลงระบบ PC และต้องใช้ไฟล์ต้นฉบับเพื่อนำมาแปลง แล้วปรากฏว่าไม่มีไฟล์ต้นฉบับเก็บเอาไว้เลย ซึ่งก็รวมไปถึงภาค VII ด้วย และเกมเวอร์ชั่นที่พวกเขาได้มานั้นก็เป็นเกมเวอร์ชั่น Pre Production ที่เต็มไปด้วย Bug จำนวนมหาศาลที่ยังไม่ได้แก้ไข และด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวดของทีมงาน Eidos ทำให้การพอร์ทเกม Final Fantasy ทั้งสองภาคลง PC สำเร็จอย่างทุลักทุเล ซึ่งคุณ Alex ถึงกับเอ่ยว่า นี่คือโปรเจกต์การคืนชีพให้กับ Frankenstien เลยทีเดียว

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจที่มีน้องทีมงาน GamingDose ของเราแอบกระซิบมาก็คือเรื่องของ Gunblade ว่ามันทำงานอย่างไร ดาบอะไรทำไมมันยิงไม่ได้ ซึ่งที่จริงแล้ว Gun Blade นั้นมีหลักการทำงานเหมือนกับปืนผสมกับดาบที่ไม่ได้เอาไว้โจมตีในระยะไกล แต่การยิงของมันก็คือการปล่อยคลื่น Shockwave ออกมาจากคมดาบ แรงดีดที่เกิดจากคมดาบปะทะเป้าหมายนั้นจะช่วยในการฟันในครั้งต่อไป ซึ่งตัวเอกอย่าง Squall นั้นสามารถใช้งานมันได้อย่างคล่องแคล่วมาก (ว่ากันว่า Gun Blade ในโลกของ Final Fantasy VIII คืออาวุธที่ใช้ยากที่สุดที่เคยมีมา คนที่ใช้งานมันได้คล่องมักจะเป็นนายทหารระดับสูง ๆ ของ SeeD) โดยอาวุธชิ้นนี้ออกแบบโดยคุณ Tetsuya Nomura ซึ่งในตอนนั้นเป็นผู้ออกแบบตัวละครทั้งหมดของเกม

ยังมีทฤษฏีอีกมากที่เหล่าแฟนเกม Final Fantasy คาดเดาและถกเถียงกันอย่างออกรส แต่เนื้อเรื่องในเกมหลายส่วนก็เคลียร์ปมตรงจุดนี้ไปได้ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเรื่องของ Squall นี้ถือว่าเป็นทฤษฏีสมคบคิดเกี่ยวกับเกมซีรีส์นี้ที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว แต่ในอนาคตเราก็อาจจะได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้น้อยลง จากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น และตัวผู้พัฒนาเองก็ขยันตอบคำถามกับแฟน ๆ มากขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกด้วย แต่ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตข้างหน้า เราก็อาจจะได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้มาเป็น Gimmick อีกครั้งก็เป็นได้ครับ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง – Is Squall Really Dead? Final Fantasy Producer Addresses The Series’ Biggest Fan Theories, Alex Donaldson Twitter

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top