ในขณะที่ เครื่องเล่น console กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคหน้า และการเล่นก็ไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงหน้ามอนิเตอร์ ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมามีหลายเกมและสิ่งที่เกี่ยวข้องถูกพัฒนาขึ้นที่อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของหลายสิ่งที่เรารู้จักกันดีอยู่ทุกวันนี้

Far Cry

เกมม้ามืดแจ้งเกิดของ CryTek เมื่อครั้งยังอยู่ในสังกัดของ Ubisoft ที่โผล่มาแย่งซีนหลายเกมฟอร์มยักษ์ชนิดๆสั่นๆหนาว ด้วยระบบการเล่นที่เปิดกว้าง กราฟฟิคป่าไม้อันล้ำยุคสวยงาม แต่ AI สุดล้ำที่พร้อมจะทำให้ทุกย่างก้าวบนหาดสวรรค์เป็นดั่งนรก ก่อนที่ CryTek จะแยกทางย้ายสัมโนครัวไปปล่อยของกับ EA ในซีรีย์ใหม่ด้วยเอนจิ้นที่ทันสมัยยิ่งกว่าเดิมกับ Crysis (2007) และภาคต่อของ FarCry ก็ถูกเปลี่ยนบรรยากาศไปสู่ป่าในแถบแอฟริกา สำหรับ Far Cry 2 (2008) ก่อนที่จะกลับมาเป็นเกาะอีกครั้งที่อลังการและลุ่มลึกใน Far Cry 3 (2012)

Warhammer 40,000: Dawn of War

เกมวางแผนการรบ (Real-Time Strategy) ที่ทำให้จักรวาล Warhammer 40,000 เป็นที่รู้จักในวงกว้างกว่าเพียงเกมกระดานตัวจิ๋ว ด้วยตัวระบบที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความใหญ่(ของยูนิต)และรายละเอียดยิบย่อยที่ผู้เล่นสามารถอัพเกรดอาวุธในยูนิต รวมไปถึงการซูมดูยูนิตสู้กันอย่างถึงเลือดถึงคน และอย่างยิ่งความเป็น Sci-fi Fantasy ทำให้ Dawn of War เป็นที่ตื่นตาตื่นใจคอเกมวางแผนในหลากหลายแขนง ก่อนที่ตัวเอนจิ้นจะถูกนำไปใช้ต่อยอดกำเนิดซีรีย์วงแผนการรบสงครามโลกครั้งที่สองนามว่า Company of Heroes (2006) และนำเกมข้างต้นกลับมาพัฒนา Warhammer 40,000: Dawn of War 2 (2009) ที่ได้รับการพัฒนายกเครื่องและสมจริงยิ่งขึ้น

Soldiers: Heroes of World War II

เกมต้นแบบของ Men of War series ที่สร้างปรากฏการณ์การวางแผนระดับปัจเจกให้ผู้เล่นได้ใส่ใจในรายละเอียดของทหารหาญในการรบ แต่สิ่งที่สร้างตำนานให้แก่ซีรีย์นี้ไม่เพียงแต่ระบบการเล่นแต่ยังรวมไปถึงระบบการจัดการลิขสิทธิ์หรือ Digital Rights Management (DRM) ในนามว่า Starforce ที่สร้างชื่อ(เสีย)ให้แก่ตัวเกมชนิดที่ทำเอาผู้เล่นแผ่นลิขสิทธิ์เองยังปวดหัวไปตามๆกันกับระบบที่ยุ่งยากซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความยากเข็ญในช่วงเวลาก่อนการมาถึงของ Steam Store

N-Gage QD

ในขณะที่ปัจจุบันเรามีระบบปฏิบัติการทั้ง iOS และ Android พัฒนาอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับชิพประมวลผลของแต่ละค่ายมือถือ ที่มี Application ไว้ใช้เล่นเกมอย่างนับไม่ถ้วน แต่หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน หากจะมองหาเครื่องเล่น Hanheld ที่เป็นโทรศัพท์มือถือคงจะหนีไม่พ้น N-Gage ของ Nokia ที่รุ่นแรกผลิตออกมาในปี 2003 ก่อนที่จะตามด้วย QD ที่ปรับปรุงให้เล็กลงและกระชับมากขึ้น พร้อมทั้งระบบปฏิบัติการ Symbian ที่ถือได้ว่าเป็นพระเอกของยุค ก่อนที่แพล็ตฟอร์ม N-Gage จะถูกนำไปต่อยอดในปี 2008 บนเครื่องรุ่นท็อปอย่าง N95 หรือ N82 อันเป็นระยะเวลาแสนสั้นก่อนที่ช่วงเวลาการมาถึงของยุคบุกเบิกของการตีตลาดจากบริษัทชื่อดังเดียวกับผลไม้ กับผลงานนามว่า iPhone

Doom III vs. Half-Life 2

การปะทะกันระหว่างภาคต่อของเกมฟอร์มยักษ์ หนึ่งเกมคือตำนานแห่งยุค 90 ต้นต้น อีกหนึ่งคือตำนานแห่งยุค 90 ตอนปลายที่จะมาห้ำหั่นกันด้วยผลงานชิ้นล่าสุดในปีนั้น เริ่มจากการกลับมาของ Doom III ในฐานะของเกมภาคต่อที่ยกเครื่องใหม่หมด และด้วยความล้ำยุคของ id Tech 4 ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างใหม่เอี่ยมอ่องของช่วงเวลานั้น ทำให้ภาคที่สามของเกมสุดสยองเป็นที่หวั่นสะพรึงทั้งในนามธรรม (บรรยากาศ และเหล่าสัตว์ประหลาด) และรูปธรรม (ที่ต้องใช้เครื่องแรงๆในการเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ์ดจอ)

ก่อนที่ช่วงเวลาปลายปีจะกลายมาเป็นของ Half-Life 2 ผลงานภาคต่อของเกมที่สร้างปรากฏการณ์ไว้ในปี 1999 ที่กลับมาพร้อมกับฉากที่กว้าง เนื้อเรื่องชวนดึงดูดและความหลากหลายแต่ต่อเนื่องของการเล่นและกราฟฟิคสุดล้ำ โดยมาพร้อมกับปรากฏการณ์ที่สร้างความปวดหัวของคนในช่วงเวลานั้นซึ่งก็คือการมาถึงของการบังคับใช้อินเทอร์เน็ตในการติดตั้ง ก่อนที่แพล็ตฟอร์มอันน่ารำคาญนั้นจะถูกพัฒนาและเติบโตเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเกมบนคอมพิวเตอร์ที่จะเปลี่ยนวิถีการเล่นของคนยุคปัจจุบันไปอย่างสิ่งเชิง ในชื่อของ Steam

เมื่อมองย้อนไปจะพบว่าบางสิ่งเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ถึงต้นกับเนิด และบางสิ่งอาจเป็นเพียงนวัตกรรมคู่ขนานหรือเรื่องราวขนาบข้างที่ไม่ได้มีประวัติอันยิ่งใหญ่อะไร แต่สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นหนึ่งในแกนที่จะหมุนฟันเฟืองในการพัฒนาอันจะนำไปสู่สิ่งที่เราพบเห็น เล่น และบริโภคกันอย่างคุ้นชินในทุกวันนี้