หลังจากที่คอหนัง และคอเกม Monster Hunter ได้ทราบข่าวว่าภาพยนตร์ Monster Hunter นั้นจะถูกสร้างโดยทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ Resident Evil โดยผู้กำกับ Paul W.S. Anderson และ Jeremy Bolt ก็ทำให้หลายคนรู้สึกเป็นกังวลกันพอสมควร ว่าตัวหนังจะรอดจากคำสาป “หนังจากเกม” ที่คนในวงการบันเทิงต่างขยาดหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็มีเพียงหนังชุด Resident Evil เอง ที่สามารถทำลายคำสาปในแง่ของรายได้ไปได้ แต่ในแง่ของคำวิจารณ์นั้นยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดีเท่าไรนัก
แต่อย่างไรก็ตาม การสร้างหนัง Monster Hunter ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการทำลายคำสาปเหล่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตตอนที่ตัวหนังได้มีการเปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้ และก็มีโอกาสพอสมควร ที่หนังจะเปิดตัวออกมาดี ออกมาปังสมการรอคอย ดังเหตุผลต่อไปนี้
เนื้อเรื่องของ Monster Hunter แทบจะไม่มีอะไรเด่นนัก
สิ่งที่แฟนเกม Resident Evil รังเกียจหนัง Resident Evil มากก็คือเนื้อเรื่องของมัน สำหรับตัวหนังมีการเปลี่ยนแปลง คิดเนื้อเรื่องใหม่ในแนวทางของตัวเอง ใส่ความเป็นหนังแอ็คชั่นให้มากที่สุด เพื่อต้องการที่จะขาย “คนดูทั่วไป” ที่ไม่ได้เล่นเกม
ในช่วงที่หนังเรื่อง Resident Evil ออกฉายครั้งแรกในปี 2002 ขณะนั้นเกม Resident Evil ยังคงอยู่ในแนวทางของเกม Survival Horror อย่างหนักหน่วง โดยภาคที่ใหม่ที่สุดในขณะนั้นคือ Resident Evil Zero ทำให้ตัวหนัง และตัวเกมขัดกันอย่างแรง แต่ก็ไม่ใช่ว่าสัญลักษณ์และการเคารพตัวเกมต้นฉบับจะหายไป เพราะตัวหนังมีความ Horror อยู่บ้าง มีจุดเริ่มต้นที่ดูก็รู้เลยว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกม พร้อมกับมอนสเตอร์ที่หลุดมาจากเกมเป๊ะๆ
แต่จะทำเนื้อเรื่องให้ดีขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะเหมือนเกมได้ ประกอบกับหนังภาค 3 เป็นต้นมาที่ทุกคนให้ความเห็นว่า “มันออกทะเล” เรียบร้อย กลายเป็นว่าเป็นหนังที่ดูเอาเนื้อเรื่องไม่ได้เสียแล้ว แต่ก็ยังขายฉากแอ็คชั่นได้อยู่ดี เพราะตัวหนังทำเงินทั่วโลกถึงหลักร้อยล้านเหรียญเลยทีเดียว
การทำเนื้อเรื่องให้แตกต่างๆ จนออกทะเล กลายเป็นข้อเสียหลัก แต่กลับกลายเป็นข้อดีกับการทำหนัง Monster Hunter เสียอย่างนั้น เพราะแฟนเกมจะรู้กันดีว่า เนื้อเรื่องของ Monster Hunter ดั้งเดิมนั้นไม่มีอะไรเด่น มีเพียงแต่ ล่า – แล่ – คราฟต์ เพื่อที่จะนำของไปล่า – แล่ – คราฟต์ มอนสเตอร์ตัวต่อไป (อย่างที่ XTER-VENDETTA เคยกล่าวไว้ในคลิป วิวัฒนาการของ Monster Hunter) หรือจะให้มองลึกลงไปอีก เนื้อเรื่องที่แท้จริง ก็แค่ไปล่าสัตว์ ที่จะนำภัยร้ายมาสู่หมู่บ้าน ถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ และระบบนิเวศเท่านั้นเอง ซึ่งภาพของเนื้อเรื่องเพิ่งจะมาปรากฏอย่างชัดเจนใน Monster Hunter: World ภาคล่าสุดนี้
ดังนั้น หนังเรื่องนี้คงไม่ทำให้ฝั่งที่เล่นเกมอยู่แล้วผิดหวัง เพราะเกมเมอร์ทุกคนก็รู้กันดีว่า “มันไม่มีอะไรเลย” ทำหนังมาก่อน เนื้อเรื่องดีหรือแย่ ค่อยวิจารณ์ในตัวหนัง และคนดูหนังทั่วไปก็สามารถดูได้ เพราะทีมงานถนัดทำหนังให้กลุ่มคนดูทั่วไปอยู่แล้ว
มอนสเตอร์ในเรื่องต้องออกมาอลังการ เอาคนดูอยู่แน่นอน
หนัง Resident Evil ทำออกมาได้คำวิจารณ์ไม่ดี แต่สิ่งที่ดีงามมากๆ ก็คือ CG ของเรื่อง ซึ่งพอ CG มันดีแล้ว การรังสรรค์มอนสเตอร์ก็จะออกมาดี
ในเกม Monster Hunter มีมอนสเตอร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของตัวเกมเป็นจำนวนมาก มีความเป็นเอกลักษณ์ และมีความน่าเกรงขาม เชื่อว่าการสร้างมอนสเตอร์เหล่านี้ให้โลดแล่นบนจอเงินดูจะไม่ใช่เรื่องยากของพวกเขา เพราะผลงานเก่าๆ ในหนัง Resident Evil ก็มีมอนสเตอร์หลายตัว ที่นอกจากทำมาจากเกมเป๊ะๆ แล้ว ยังออกมาน่ากลัวมาก (บางครั้งมันใหญ่กว่าในเกมอีกด้วย)
Nemesis จาก Resident Evil: Apocalypse
Licker ขนาดยักษ์กว่าเกมภาค 2 จาก Resident Evil: Retribution
Tyrant ผู้ที่ติดเชื้อ G-Virus จาก Resident Evil: Extinction
ถ้าพวกเขาได้ลองสร้างมอนสเตอร์จาก Monster Hunter ออกมาได้ เชื่อว่าจะต้องเป็นภาพจำที่ดีให้กับคอหนังและคอเกมแน่นอน แต่ยังไงก็ต้องพึ่งพาเนื้อเรื่องที่ดีอีกที
นักแสดง ที่เป็นแม่เหล็กชั้นดี แถมตีตลาดเอเชียได้
เช่นเคย นี่คือธุรกิจครอบครัว เพราะ Milla Jovovich จะมานักแสดงนำหนังเรื่องนี้ บางคนเห็นชื่อคนนี้ก็อยากไปดูแล้ว แต่คิดว่ายังไม่หมดแค่นี้
ดูทรงแล้ว น่าจะมีนักแสดงรับเชิญจากทุกมุมโลกที่มากกว่านี้แน่นอน เห็นได้จากหนัง Resident Evil ที่มีการแคสต์นักแสดงที่เป็นคาวรุ่งจากหลายที่ มาโชว์ฝีมือร่วมกันในเรื่อง และถือเป็นไม้เด็ดที่จะทำให้หนังทำเงินสูง สังเกตจากสามภาคหลัง ที่ทำเงินในเอเชีย (โดยเฉพาะจีน) สูงมาก เพราะมีฉากที่ถ่ายทำในเอเชีย พร้อมนักแสดงจีนอย่าง หลี่ ปิงปิง ในบท Ada Wong ซึ่งบอกตรงๆ ว่าแคสต์มาดี แต่เราขอไม่พูดถึง Leon ในหนังเรื่องนี้นะ อยากจะลืมๆ ไป
หลี ปิงปิง รับบทเป็น Ada Wong จาก Resident Evil: Retribution
ภาพเหตุการณ์แพร่เชื้อ T-Virus ทำให้คนเป็นซอมบี้ กลางแยกชิบุยะ กรุงโตเกียว จากภาค 4 และ 5
ด้วยความสำเร็จของหนัง Resident Evil ที่ผ่านมา ทีมงานเลยอยากที่จะนำนักแสดงซุปตาร์หลากหลายชนชาติมานำแสดงให้มากขึ้นใน Monster Hunter ด้วย และแน่นอน คนไทยถูกเล็งให้มาดูหนังเรื่องนี้เรียบร้อย เพราะมี จา พนม มานำแสดงในหนังเรื่องนี้ และเชื่อว่าน่าจะมีนักแสดงอีกหลายคนตบเท้าเข้าร่วมในกองถ่าย
และนี่คือ 3 เหตุผลที่ผู้เขียนเชื่อว่าหนัง Monster Hunter จะออกมาปัง ออกมาดี แม้ทีมงานผู้สร้างดุจะมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ตาม เราก็เฝ้ารอคอยหนังเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น และเข้าฉาย เพื่อที่จะพิสูจน์ว่า หนังเรื่องนี้ จะลบล้างคำสาปที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานได้หรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไป