ตลอดเวลาที่ผ่านมา วงการเกมนั้นพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ ในทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว แต่ใครเล่าจะทราบว่า บางระบบนั้น ได้เข้ามาปฏิวัติและวางเป็นรากฐานให้เกมอื่น ๆ นำไปต่อยอดอีกหลายเกมเลยทีเดียว วันนี้เราจะพามาดู 4 ระบบเกมยอดเยี่ยมที่มาปฏิวัติวงการเกมกัน
1.Fog of War
Fog of War หรือเอาภาษาบ้าน ๆ หมอกดำที่ปิดแมปและพื้นที่นั้น ๆ เอาไว้ เป็นระบบที่ปัจจุบันเราน่าจะเห็นได้จากเกม MOBA ทั้งหลาย ที่เราเรียกกันติดปากว่าแมปมืด ปัก Ward หน่อย เพราะตรงนั้นเราจะไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ว่ามีศัตรูหรืออะไรซ่อนอยู่
แรกเริ่มเดิมที ระบบ Fog of War ถูกใช้กับเกมประเภท Strategy หรือเกมแนววางแผนกลยุทธ์ โดยมีการใช้งานครั้งแรกในเกม Empire & Tactics
และที่มาของระบบนี้ก็เพราะฮาร์ดแวร์ในยุคสมัยนั้นยังแรงไม่พอ จึงใช้วิธีการแสดงผลเมื่อคุณควบคุมตัวละครหรือ Unit ไปยังพื้นที่นั้น ๆ แผนที่ หรือสิ่งของต่าง ๆ ถึงจะปรากฎออกมาให้เราเห็น
ทำให้มันถูกนำมาประยุกต์ใช้กับเกมหลาย ๆ เกมจนเป็นที่นิยมในปัจจุบัน และถูกนำมาใช้กับเกมประเภทอื่น ๆ อย่างเช่น The Division 2 ใน DLC Warlords of New York ก็ใช้วิธีนี้ในการเปิดแผนที่ใหม่ ๆ หรือ Far Cry 5 เองก็ด้วย
2.Parry & Counter Combat
สองระบบที่ทำให้การต่อสู้สนุกมากยิ่งขึ้น แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น ที่มาของมันมาจากเกมแนว Fighting อย่าง Street Fighter ที่มีพื้นฐานมาจากการบล็อกการโจมตีของฝั่งตรงข้ามเพื่อลดความเสียหายที่เราได้รับ
แต่มันถูกนำมาต่อยอดเป็นการ Parry และ Counter Attack ที่ใช้กันอย่างมากในเกมยุคปัจจุบัน เช่นเกมตระกูลโซลทั้งหลาย
การทำงานของระบบนี้อย่างที่บอกไปคือตอนแรกมีพื้นฐานเพื่อป้องกันความเสียหาย แต่ถูกนำมาต่อยอด ถ้าผู้เล่นไวพอก็จะสามารถโจมตีสวนกลับไปสร้างความเสียหายให้ฝ่ายตรงข้ามได้เอง ยกตัวอย่างเช่น God of War ที่ป้องกันสำเร็จก็โจมตีสวนไปเลย หรือเกมอย่าง SEKIRO : Shadows Die Twice ก็มีระบบนี้เช่นกัน
เป็นอีกหนึ่งระบบที่ทำให้เกมการต่อสู้สนุกมากขึ้น แต่ถ้าจะใช้ให้เชี่ยวชาญก็ต้องฝึกกันในระดับนึงเลยทีเดียว
3.Crafting
เกมไหนคราฟท์ของได้ เกมนั้นติดพันแน่นอน เชื่อว่าหลายคนต้องคิดกันแบบนี้ กับระบบสร้างหรือผลิตไอเทมด้วยตัวเอง ที่หลายเกมเรียกว่าการคราฟท์ของ
ว่ากันว่าเกมที่นำระบบนี้มาใช้เป็นเกมแรก ๆ เลยคือเกม RPG ชื่อดังอย่าง Neverwinter Nights จุดประสงค์ในการคราฟท์ของก็ขึ้นอยู่กับบริบทของเกม เช่นคราฟท์เพื่อเอาตัวรอด (นำไม้มารวมกันเป็นกองไฟ) หรือคราฟท์เพื่ออุปกรณ์ที่ดีกว่า พบบ่อยในเกม MMORPG
ต่อมาระบบคราฟท์ก็ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมแนว Survival เอาตัวรอดทั้งหลายที่จะขาดระบบนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งการคราฟท์ของก็จะมีระดับของมัน ยิ่งคราฟท์บ่อย ๆ ก็ยิ่งทำของดี ๆ ออกมาได้ ก็เหมือนกับการบังคับให้ผู้เล่น Grinding ทางอ้อม และต้องออกไปฟาร์มหนัก ๆ อยู่ดี
ในบางเกมการคราฟท์จะแบ่งสายอย่างชัดเจน ทำให้ผู้เล่นต้องเล่นแบบร่วมมือกันเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นเกมอย่าง Atlas นั่นเอง
4.Aim Down Sight
ถือเป็นการปฏิวัติวงการเกมครั้งสำคัญ กับเกมแนว First Person Shooter เพราะคุณอาจไม่รู้มาก่อนว่าเกมยิงสมัยก่อนนั้น ยังไม่เรียนรู้วิธีที่จะใช้การยิงแบบ Aim Down Sight หรือเอาง่าย ๆ คือการยิงแบบเข้าลำกล้องนั่นแหละ (ถ้าปืนไม่มีลำกล้องก็จะใช้วิธีการยิงแบบยกปืนขึ้นมาตรงหน้า เหมือนเล็งนั่นเอง)
ในเกมยิงสมัยก่อนนั้น จะยังไม่มีอนิเมชั่นมากมาย ทั้งการถือปืน แรงสะท้อนกลับ การรีโหลดปืนที่สมจริงแบบในปัจจุบัน แม้แต่การยิงแบบเข้าลำกล้องหรือ Aim Down Sight ก็ยังไม่มีให้เห็น
เกมแรก ๆ ที่นำระบบนี้มาใช้คือ Operation Flashpoint และตามมาด้วยซีรีส์เกม Metal Gear ซึ่งการยิงแบบ Aim Down Sight นั้นทำให้การยิงของเราง่ายขึ้น แม่นยำมากขึ้น ก่อนที่เกมอื่น ๆ จะตาม ๆ กันมา และเกมที่ทำให้เราได้ใช้กันบ่อยสุด ๆ เลย น่าจะหนีไม่พ้นเกมซีรีส์ Sniper Elite นั่นเอง
แต่ระบบการยิงแบบเข้ากล้องก็อาจไม่เหมาะไปเสียทุกเกม เพราะบางเกมก็ไม่ได้ใส่มา แม้ว่ามันควรจะใส่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ระบบ Aim Down Sight ที่ทุกคนมองว่ามันเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน ในยุคก่อน ระบบนี้ถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการเกมเลยทีเดียว