ฉาก Game Over เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้เล่นสามารถปราบเกมจนจบเกม หรือเกมเมอร์ตายจนต้องรีสตาร์ทกลับจุด Checkpoint ล่าสุด แต่ทีมงานพัฒนาบางส่วนได้พยายามใส่ลูกเล่นสร้างสรรค์บางอย่าง เพื่อให้ฉาก Game Over ไม่มีหน้าที่อย่างที่มันควรจะเป็น ซึ่งทำให้ผู้เล่นหลายรายต้องคาดไม่ถึงแล้วหลายราย แล้วจะมีเกมอะไรบ้าง ก็สามารถรับชมได้เลยครับ
Hitman Blood Money
มิชชัน Requiem เป็นมิชชันสุดท้ายของเกม Hitman Blood Money ที่ Agent 47 ถูกวางยาเซรุ่มแกล้งตายจาก Diana เพื่อให้หนีรอดจากองค์กรนักฆ่าลับสุดยอดอย่าง The Franchise และเข้าถึงตัวเป้าหมาย Alexander Leland Cayne ให้จงได้
ระหว่างการเล่นมิชชัน ตอนนั้น Agent 47 กำลังอยู่ในสภาพกึ่งตื่นกึ่งตายจากฤทธิ์ของยา และหน้าจอของผู้เล่นจะมีการเลื่อนเครดิตทีมพัฒนาเกมราวกับว่าเป็นจุดจบของตำนานนักฆ่าหมายเลข 47 อย่างแท้จริง แต่ถ้าหากเกมเมอร์กดปุ่มเพื่อพยายามฟื้น Agent 47 ให้ตื่นขึ้น ผลลัพธ์ออกมาทำให้ Agent 47 ตื่นขึ้นมาจากความตายพร้อมกับฉากยิงปืนสุดเท่ที่สังหารเป้าหมายทั้งหมดอย่างเลือดเย็น
Metal Gear Solid 3: Snake Eater
ในเกม Metal Gear Solid 3 มียาชนิดหนึ่งเรียกว่า “Fake Death Pill” หรือยาแกล้งตาย ซึ่งมีหน้าที่ช่วยให้ Snake สามารถแกล้งตายจนรอดพ้นยามสถานการณ์คับขันต่าง ๆ แต่แน่นอนว่าหลังจากเกมเมอร์ได้ทดลองใช้ยาครั้งแรก ผู้เล่นต้องตกใจกับผลลัพธ์เป็นหน้าจอฉาก Game Over ที่มีให้เลือกเฉพาะ “Continue” ซึ่งเป็นการกลับสู่ Checkpoint และ “Exit” กลับหน้าเมนูเท่านั้น ทำให้เกมเมอร์หลายคนสับสนเป็นอย่างมาก
ซึ่งความจริงแล้ว วิธีการฟื้นตัวเองจากการแกล้งตาย ผู้เล่นต้องเลือกใช้ “Revival Pill” แต่ถ้าหากผู้เล่นปล่อยทิ้งฉาก Game Over นานเกินไป ระวังเกมเมอร์จะ “Game Over” จริง ๆ ซะเสียเอง
Borderlands: The Zombie Island Of Dr Ned
หลังจากปราบบอสตัวสุดท้ายอย่าง Dr Ned เสร็จสิ้นแล้ว ตัวเกมจะเข้าสู่ฉาก Anti-Climatic ด้วยการเปิดหน้าเครดิตอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าความรู้สึกครั้งแรกจากเกมเมอร์หลายคนที่เห็นฉาก Game Over ดังกล่าว ก็ต่างแสดงความผิดหวังกันหลายคนเพราะคาดหวังจะมีตอนจบที่ดีกว่านี้
เดี๋ยวก่อน! นี่ไม่ใช่ฉากจบหรือ Game Over ที่แท้จริง!? หลังจากเลื่อนเครดิตไปสักพัก บอสลับจะปรากฏตัวขึ้นเป็น “Undead NED” (HOLY F*#KING SHIT!!!) แล้วผู้เล่นต้องปราบบอสกันอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม แม้ผู้เล่นพบกับฉากจบ DLC อย่างแท้จริง แต่เกมเมอร์ก็ต้องผิดหวังกันอีกรอบด้วยฉากจบแบบ Anti-Climatic เหมือนกับการปราบบอสรอบแรก
Donkey Kong Country
เคสนี้อาจจะคล้ายคลึงกับ Borderlands: The Zombie Island Of Dr Ned ก็ว่าได้ เพราะฉาก Game Over ปลอมของเกม Donkey Kong Country จะปรากฏตัวขึ้นหลังผู้เล่นปราบบอสตัวสุดท้ายอย่าง King K. Rool ได้สำเร็จ แล้วหลังจากนั้น ตัวเกมจะขึ้นเครดิตโดยทันที
แต่ก่อนที่จะจบเครดิต ตัวเกมก็มีการขึ้นข้อความทิ้งท้ายว่า “The End? ” ซึ่งแปลความหมายว่าตัวเกมอาจยังไม่ถึงจบอย่างที่เครดิตกล่าวโชว์ไว้ตั้งแต่แรก และสุดท้ายแล้ว ก็ปรากฏว่าเกมเมอร์ต้องปราบบอส King K. Rool อีกรอบด้วยความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าการปราบบอสรอบแรกอย่างได้เห็นชัด
P.T. (SILENT HILLS)
การผจญภัยเดินวนห้องเฮี้ยนในเกม P.T. นับว่าเป็นประสบการณ์เกมแบบใหม่ที่เขย่าวงการเกมสยองขวัญไปตลอดกาล ด้วยความซับซ้อนเนื้อหา Lore กับ Puzzle, บรรยากาศความหลอน และการทำลายกำแพงที่สี่ด้วยฉากหลอก Game Over ระดับตำนาน
ระหว่างการผจญภัยโลก P.T. ช่วงกลางเกม และเพิ่งผ่านพ้นวนลูป “นรก” ไปหมาด ๆ ตัวเกมจะเริ่มมีอาการเส้นแตกและสัญญาณโทรทัศน์ไม่ดีเกิดขึ้น ซึ่งไม่นานนัก ตัวเกมเริ่มมีเสียงกระซิบถึงผู้เล่น รวมถึงเพลงประกอบชวนหลอนประสาทเริ่มดังมากขึ้น จนกระทั่งตัวเกมแสดงภาพ Game Over เป็นภาพจอ Error ที่มีหลากหลายภาษาแล้วรีสตาร์ทเกมใหม่เองตามอัตโนมัติ
ตรงจุดนี้เกมเมอร์หลายคนคิดว่าเป็นตอนจบหรือเกิดปัญหาบั๊กเกมค้าง แต่ความจริงแล้ว การฉายภาพจอ Error เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินเนื้อหาเกมสุดหลอนต่อไป