เกมทำจากภาพยนตร์เห็นได้เยอะ แต่สนุกจริง ๆ หาได้ยากยิ่ง
มีวีดีโอเกมมากมายที่มาดัดแปลงมาทำเป็นภาพยนตร์จอเงินให้พวกเราเกมเมอร์กับเพื่อน ๆ ได้รับชมกัน แต่สุดท้ายเมื่อคุณจบผลลัพธ์ออกมากลับเป็นหนังไม่ดีบ้าง น่าเบื่อบ้าง ที่แน่นอนก็คือรู้สึกเสียดายค่าตั๋วหนัง 200 บาท ที่หายสูญเปล่ากับมัน
เกมก็ไม่ต่างกันที่นำฟิล์มภาพยนตร์ชื่อดังมาทำเป็นรูปแบบวีดีโอเกมบ้าง ซึ่งเกมเมอร์หลายคนก็จะรู้แล้วว่ามันไม่เวิร์คซะเท่าไหร่นัก จนทุกวันนี้เกมเมอร์ได้พยายามที่จะหลีกเลี่ยงเกมที่ทำจากภาพยนตร์มาตลอดจนถึงตอนนี้
แต่ก็ไม่ใช้ว่าเกมที่นำมาจากภาพยนตร์จะเป็นเกมที่แย่ซะทุกเกม นี่คือ 5 เกมทำจากภาพยนตร์แล้วผลลัพธ์ไม่เจ๊ง โดยเกมจะทั้งหมดที่กล่าวจะทำจากหนังต้นตำรับ หรือหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายซึ่งได้รับความนิยมในตอนหลัง แม้ว่าเกมจะไม่ใช่เทพระดับ Masterpiece แต่ก็เป็นเกมสนุกพอที่จะทำให้คุณสามารถเล่นจนจบได้ แล้วได้ประสบการณ์ดี ๆ และรู้สึกสนุกกลับมา
The Warriors (2005)
หนึ่งในหนังคลาสสิคแก๊งสเตอร์หมัดเดือด บ้านป่าเมืองเถื่อนในสหรัฐอมเริกา ยุค ’70 โดยทีมงานผู้ผลิตเกมโดย Rockstar Games ผู้สร้างชื่อให้กับ Grand Theft Auto และซัพพอร์ตโดย Rockstar Toronto
สิ่งทางทีมงานนำเสนอเนื้อหาและเนื้อเรื่องของเกมนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะเคารพต้นฉบับอย่างเดียว แต่เกมเป็นเสริมเนื้อหาใหม่อะไรใหม่ ๆ ที่ไม่มีในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มเหตุการณ์ก่อนที่จะถึงฉากในภาพยนตร์ ดัดแปลงบท ศัตรูตัวละครใหม่ การเล่าเนื้อหาปูพื้นหลังตัวละคร และรวมไปถึงตัวละครยังใช้เสียงพากษ์ใหม่ให้มีคุณภาพและมีอรรถรสรุนแรงมากขึ้นโดยไม่สูญเสียความเป็นดั้งเดิม
ระบบการต่อสู้เองก็ทำออมาได้เรียบง่ายแต่เร้าใจ เสียงหมัดทำให้คุณได้ว่าได้ต่อยเต็มกำลัง จนกำมือเต็มไปด้วยเลือด สายโหดดิบเถื่อน น่าจะชอบเกมนี้ได้ไม่ยาก แถมสามารถร่วมสนุก CO-OP กับเพื่อน ๆ เป็น Split Screen / Player 2 ได้ด้วยเช่นกัน
The Godfather: The Game (2006)
ตำนานหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดตลอดกาล ประเภทดราม่า-อาชญากรรม ในรูปแบบมาเฟียอิตาลี ที่รุ่นพ่อรุ่นแม่ยังสาวชื่นชอบกันไม่น้อย โดยทีมงาน EA Redwood Shores (หรือ Visceral Games ในปัจจุบันที่โดนยุบไปแล้ว) และจัดจำหน่ายโดย EA Games
สมัยที่ EA ยังกล้าที่จะเสี่ยง ซึ่งคอนเซ็ปท์คล้ายกับ The Warriors โดยตัวเกมนำเสนอเนื้อหาในสิ่งที่หนังแผ่นฟิล์มไม่ปรากฏ และนำมาปรุงแต่งให้เนื้อเรื่องสนุกตื่นเต้นมากขึ้น แต่ที่สนใจก็คือการดำเนินเนื้อเรื่องในเกมเราจะเล่นเป็น “ตัวละครชายที่เราสร้างขึ้นเอง” เป็นเนื้อเรื่องที่ต่อจากเหตุการณ์ในฉากหนัง (หรือถ้าเปรียบง่าย ๆ ก็คือเราเป็น deleted scene ที่โดนตัดทิ้งไป) ทำให้เกม The Godfather I ได้กลายเป็นเกมแอ๊คชั่น เปิดโลกกว้าง ยิงสาดกระสุน ยึดกิจการ มากกว่าจะเป็นเกมเน้นเนื้อเรื่อง
มันน่าตกใจที่ว่า “มันเวิร์ค” เพราะแม้ว่าจะเพิ่มเติ่มเนื้อเรื่องแอ๊คชั่นโดยทีมงานผู้ผลิตเกม แต่ระบบเกมเพลย์ไม่ได้ทำลายบรรยากาศของเกม The Godfather เลยแม้แต่นิดเดียว จึงเป็นเกมที่สร้างความรู้จักภาพยนตร์นี้ให้กับเกมเมอร์ไปลองไปชมในรูปแบบต้นตำรับ และผู้เล่นก็ไม่รู้สึกเสียดายในภายหลังจริง ๆ
Alien: Isolation (2014)
หลังจากภาค Colonial Marines สร้างชื่อเสียให้กับซีรี่ส์ Alien ในเกมซะชิ้นดี การกลับมาในภาค Isolation เป็นการกู้หน้าซีรี่ส์นี้ได้กลับมาอีกครั้ง
ภาค Isolation ได้ฉีกจากซีรี่ส์ที่จะร่วมมือการกำจัดตัว “Alien” มาตลอดครั้ง แต่ในรอบนี้มาในรูปแบบเกมประเภทสยองขวัญ-เอาตัวรอด สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่หนีกับถ่วงเวลามันเท่าไหร่ สิ่งที่กินขาดมากกว่า Alien ในวีดีโอเกมทุกภาค ก็คือการนำเสนอที่แปลกใหม่ และรวมถึงวิธีการเล่นที่มีศัตรูก็คือ “Alien” ตัวเดียวในทั้งเกม ซึ่งคุณจะรับบทเป็น Ellen Ripley ผู้หญิงที่ไม่ใช่ทหาร การปะทะกับ “Alien” จึงไม่ใช่ทางเลือก
เป็นเกมคุณจะต้องใช้เวลากับการหนี ซ่อนตัว หรือหาวิธีต่าง ๆ ที่จะให้คุณมีชีวิตรอด และทำประสงค์เป้าหมายหลักให้สำเร็จลุล่วง บรรยากาศในเกมก็ทำออกได้น่ากลัวมากกว่าที่เคย จุงเป็นเกมหนึ่งที่สาวก Survival-Horror ควรจะเล่นครั้บ
Middle-earth: Shadow of Mordor (2014)
ในตระกูล Middle-earth ทั้งหมด เกม Shadow of Mordor เป็นเล่าเรื่องที่อยู่ในช่วงระหว่างเหตุการณ์ภาพยนตร์ The Hobbit และซีรี่ส์ The Lord of The Ring เป็นหนึ่งในเกมที่สร้างปรากฎให้แก่วงการเกม และเปิดตัวแรงในยุคเริ่มต้นของ Next-Generation
สิ่งที่ Shadow of Mordor ก็คือระบบของเกมเพลย์ การต่อสู้ที่ทำออกได้สนุก เร้าใจ และระบบการกำจัดคู่ต่อสู้แบบ Nemesis ที่จะมีเหล่า Orcs ตัวฉกาจและมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครได้ปรากฏตัวขึ้นตลอดเวลา จึงทำให้เกมไม่น่าเบื่อ ไม่มีความซ้ำซาก และสร้างความท้าทายให้ผู้เล่นตลอดทาง พร้อมกับนำเสนอโลกของซีรี่ส์ Middle Earth ที่ดาร์คที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ด้วยระบบเกมเพลย์ที่ทำออกมาได้ดีมาก เกม Shadow of Mordor ได้กวาดรางวัล “Best of The 2014” ไปจากเจ้าสำนักต่าง ๆ มากมายถึง 50 รางวัลอย่าง Best Action Game, Most Innovative Game และรวมไปถึง Game of The Year เช่นกัน
Star Wars: Knights of the Old Republic (2003)
ภาพยนตร์ Sci-Fi ของ Lucasflims ในโลกของ Star Wars มีเนื้อหามากพอที่จะสามารถทำออกมาเป็นวีดีโอเกมได้ และ Star Wars: Knights of the Old Republic เป็นเกมที่พิสูจน์วิธีทำเกมจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ดีจะต้องทำอย่างไร
สิ่งที่นำเสนอใน Star Wars: Knights of the Old Republic ที่เด่นที่สุดก็คือ “ความอิสระ” คุณจะสมบทบาทเป็นเจไดที่สามารถเลือกเข้าฝั่งไหนก็ได้ จะอยู่ในฝั่งฮีโร่หรือฝั่งตัวร้าย จะเป็นผู้พิทักษ์รักษาหรือผู้ที่จะยึดครองทุกสิ่งทุกอย่าง และด้วยภาพยนตร์มีเนื้อหาที่เยอะมาก ทีมงานผู้ผลิตเกมจึงสามารถเขียนเพิ่มตัวละคร และไม่มีการปิดกั้นจำกัดจินตนาการ ทีมงานจึงเลือกคิดค้นเนื้อหาใหม่ได้โดยไม่มีสะดุด เช่น การใช้ท่า Force มีเยอะถึง 40 ทักษะ การปรับแต่งดาบเลเซอร์ และอื่น ๆ อีกมากมายที่คำอธิบายในเกมไม่ได้บอกไว้
ฉะนั้นสำหรับเกมปี 2003 แล้ว Star Wars: Knights of the Old Republic เป็นเกมที่มีเนื้อหาเยอะมาก จัดเต็มสด ๆ แม้จะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงสามารถกลับมาเล่นได้ตลอดอยู่เสมอ และก็ยังคงมีภาคต่อไปอย่างภาค II และ III ที่มีคุณภาพเกมที่ดีไม่แพ้ภาคแรกให้ได้เล่นต่อเนื่องกันยาว ๆ ไปเลย