การเซนเซอร์เนื้อหาวิดีโอเกมอาจทำให้อรรถรสในการเล่นเกมลดลงไม่มากก็น้อย แต่ 5 เกมเหล่านี้ได้ใช้วิธีดัดแปลงเกมที่ชาญฉลาดและสร้างสรรค์ ซึ่งทำให้เรารู้สึกอินกับเกมเหมือนตัวเกมไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจะมีเกมอะไรบ้าง ก็สามารถสอดส่องกันได้เลยครับ
Team Fortress 2
เบื้องหน้าของเกม Team Fortress 2 อาจเป็นภาพการ์ตูนที่สดใส แต่เนื้อหาภายในกลับเป็นเกมเนื้อหาตลกร้าย และมีความรุนแรงด้วยอวัยวะฉีกขาดมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าประเทศเยอรมนีจะต้องไม่ยอมปล่อยให้ Team Fortress 2 ไปถึงเอื้อมมือของเหล่าเด็กแน่ ๆ ทาง Valve จึงคิดไอเดียการเซนเซอร์เกมแบบใหม่ที่ไม่ทำให้อรรถรสของเกมลดลง รวมถึงสร้างเสียงหัวเราะให้เกมเมอร์ได้อีกด้วย
Team Fortress 2 สำหรับประเทศเยอรมนีจึงเปลี่ยนเนื้อหา Gore ทั้งหมดให้กลายเป็นสิ่งของต่าง ๆ แบบสุ่มแทน จากเศษซากชิ้นส่วนร่างกายเปลี่ยนเป็นชีสเบอร์เกอร์ จักรยานคันเล็ก นาฬิกา และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้เกม Team Fortress 2 มีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม
The Punisher
The Punisher เคยเป็นเกมที่เกือบถูกจัดเรตที่ “AO 18+” ด้วยท่าปลิดชีพที่มีความรุนแรงใกล้เคียงกับ Manhunt นอกจากนี้ แพลตฟอร์มเกม PlayStation กับ Xbox ไม่มีนโยบายวางจำหน่ายเกม AO 18+ โดยเด็ดขาด ทางทีมงานจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากลบทอนความรุนแรงของเกม ถ้าหากอยากให้เกมสามารถวางจำหน่ายบนท้องตลาดได้
แต่หลังจากเกมวางจำหน่ายแล้ว เกมเมอร์สังเกตพบว่าเนื้อหาความรุนแรงของ The Punisher ก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวเกมยังคงมีระบบสังหารศัตรู มีเลือด และอวัยวะฉีกขาด ยกเว้นแต่เมื่อถึงฉากปลิดชีพ ตัวเกมมีการเปลี่ยนฟีลเตอร์เป็นภาพขาว-ดำเพื่อลดทอนความรุนแรงลง ฟังเหมือนเป็นการเซนเซอร์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันดันได้ผลซะงั้น ! กองเซนเซอร์ปล่อยอนุมัติให้เกมสามารถวางจำหน่ายเกมได้ตามปกติ โดยเนื้อหาความรุนแรงของเกมไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
Fallout 3
เกมเมอร์อาจจะไม่เชื่อมาก่อน Fallout 3 เป็นหนึ่งในเกมที่มีปัญหาโดนเรียกร้องให้เซนเซอร์จากหน่วยงานรัฐบาลมากที่สุด โดยเฉพาะกับประเทศออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงด้านการตรวจสอบเเกมอย่างเข้มงวด รวมถึงมีนโยบายว่าเนื้อหาเกมทุกเกมต้องห้ามมีความรุนแรงตั้งแต่อวัยวะฉีกขาด การใช้ยาเสพติด การนำเสนอเนื้อหาทางเพศ และอื่น ๆ อีกมากมาย
Fallout 3 เคยถูกรัฐบาลออสเตรเลียไม่อนุญาตให้วางจำหน่าย เนื่องจากเกมเมอร์สามารถใช้สารเสพติดมอร์ฟีนได้ แต่แทนที่ Bethesda จะลบเนื้อหาดังกล่าวเฉพาะเกมเวอร์ชันออสเตรเลีย ทีมงานได้ทำการระดมสมองเพื่อตั้งชื่อไอเทมใหม่ที่นอกจากจะดูจ๊าบแล้วยังต้องสื่อว่าเป็นยาอันตรายอีกด้วย ท้ายที่สุด ทีมงานให้ชื่อมันว่า ‘Med-X’ หรือยาต้านความเจ็บปวดคล้ายมอร์ฟีน จนโด่งดังกลายเป็นหนึ่งในไอเทมประเภทยาของจักรวาล Fallout ที่น่าจดจำจนถึงทุกวันนี้
Wolfenstein II: The New Colossus
เกมเมอร์อาจทราบอยู่แล้วว่าประเทศเยอรมนี มีกฎหมายแบนเครื่องหมายสวัสติกะและทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพรรคนาซี ซึ่งซีรีส์เกม Wolfenstein หรือ FPS สุดเดือดในธีม Alternate History ก็มีการเซนเซอร์เครื่องหมายสวัสติกะทุกภาค (ยกเว้นภาค Youngblood เนื่องจากรัฐบาลไม่แบนเครื่องหมายสวัสติกะในสื่อบันเทิงอีกต่อไป) เพื่อให้เกมสามารถวางขายในประเทศเยอรมนี
แต่สำหรับกรณีของ The New Colossus ซึ่งมี Adolf Hitler หรือผู้นำพรรคนาซีได้ปรากฏตัวในเกมครั้งแรก แน่นอนว่าการออกแบบตัวละครใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้ในเกมเวอร์ชันเยอรมนีโดยเฉพาะ นอกจากจะสิ้นเปลืองงบประมาณแล้ว มันทำให้เกมเสียอรรถรสเป็นอย่างมากอีกด้วย ทางทีมงานจึงทำการลบหนวด Hitler ทิ้งแล้วเปลี่ยนวิธีการเรียกชื่อว่า “Herr Hitler” หรือ “Mein Führer” เป็น “Mein Kanzler” หรือ “Herr Heiler” แทน
Mortal Kombat
แน่นอนว่า Mortal Kombat เป็นซีรีส์เกมต่อสู้ที่มีเนื้อหารุนแรงด้วยฉากปลิดชีพคู่ต่อสู้ด้วยการ Fatality ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าองค์กรเซนเซอร์เกมอย่าง ESRB ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาก็เพราะความรุนแรงของเกมนี้เลยก็ว่าได้
Mortal Kombat ภาคแรกเป็นเกมสำหรับเครื่องเกม SEGA Genesis และ SNES รวมถึง ESRB เพิ่งก่อตั้งไม่นาน ทาง ESRB จึงเรียกร้องให้เกมดังกล่าวลดเนื้อหาความรุนแรงลง ซึ่งทางทีมพัฒนาเกมก็ทำตามคำสั่งขององค์กรซะโดยดี ด้วยการลบเลือดแล้วแทนด้วยน้ำเหงื่อและฉาก Fatality ทั้งหมด ยกเว้นแต่ ‘ไม่ได้ลบออกอย่างถาวร’ ซะทีเดียว
ทีมงานได้มีการแอบใส่ ‘สูตรลับ’ ให้ผู้เล่นสามารถปลดล็อกเนื้อหาเลือดกับฉาก Fatality ให้กลับมาอีกครั้ง แน่นอนว่าฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการเล่นเกม Mortal Kombat อย่างเต็มอรรถรส