ถ้าเป็นในอดีตหากเกมออกมาแย่ก็ยากที่จะแก้ไขหรือทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ปัจจุบันหากเกมเปิดตัวแย่ก็ยังสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ด้วยระบบ Patch หรืออัปเดต “ถ้าจิตใจของทีมพัฒนาแข็งแกร่งพอ” นี่คือบทความ 5 เกมที่เปิดตัวไม่สวย แต่ดีขึ้นจนกลายเป็นเกมคุณภาพ แล้วจะมีเกมอะไรบ้าง เราไปสอดส่องกันเลยครับ
Diablo III
เกมตระกูล Diablo เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของ Blizzard และเป็นเกมที่มีชื่อเสียงด้านคอนเทนต์กับระบบเกมเพลย์ชวนเสพติด แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกภาคจะปูทางเต็มไปด้วยกุหลาบเสมอไป
หลังผู้เล่นสัมผัส Diablo III สาวก Diablo ไม่พึงพอใจกับระบบเศรษฐกิจของเกมที่ผู้เล่นสามารถซื้อไอเท็มบนตลาดด้วยเงินจริง (หรือเรียกว่า Auction House), อัตราการดรอปไอเท็มไม่สมเหตุสมผล และระดับความยากโหดเกินไป จนทำให้ช่วงแรกของเกม Diablo III ขาดความสมดุลอย่างมาก
แต่ระหว่างการเปิดบริการ Diablo III – ทีมงาน Blizzard ได้ทำตามความเรียกร้องของเหล่าเกมเมอร์ด้วยการเริ่มทยอยปรับปรุงเกม และตัดระบบ Auction House ทิ้งไป รวมถึงเพิ่มเนื้อหา Expansion Packs เป็นจำนวนมาก ทำให้กระแสวิจารณ์ของ Diablo III ถูกกลบเงียบหายราวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
Tom Clancy’s Rainbow Six Siege
การเปิดตัว Tom Clancy’s Rainbow Six Siege มีกระแสตอบรับจากแฟนเกมแบบผสมทั้งชื่นชมและติติง เพราะ Rainbow Six Siege ถือเป็นภาคแรกที่เน้นระบบเกมเพลย์ Multiplayer Competitive Play ซึ่งแตกต่างจากภาคเก่าที่เน้นโหมด Singleplayer เป็นหลักมาโดยตลอด
แต่หลังจาก Tom Clancy’s Rainbow Six Siege ออกวางจำหน่าย ตัวเกมได้รับกระแสวิจารณ์เชิงลบ เนื่องจากการที่ตัวเกมถูกออกแบบมาให้เป็นเกมบริการระยะยาว (หรือเรียกว่า Games as a Service) จึงทำให้เนื้อหาในเกมมีเพียงน้อยนิด ทั้ง ๆ ที่ราคาขายเกมช่วงแรกอยู่ประมาณ 1,500 – 2,000 บาท
รวมถึงช่วงนั้นบริษัท Ubisoft มีชื่อเสียงไม่ดีเกี่ยวกับการโฆษณาที่คลาดเคลื่อนไปจากผลิตภัณฑ์จริง เช่น การ Downgrade ภาพกราฟิกของ Watch_Dogs, ประสิทธิภาพเซิร์ฟเวอร์ของ Uplay ไม่เสถียร, บั๊กจำนวนหาศาล และปริมาณคอนเทนต์น้อยนิดเหมือนที่กล่าวไว้ครั้งแรก ทำให้ Tom Clancy’s Rainbow Six Siege ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากเหล่าเกมเมอร์จำนวนมาก
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ด้วยปริมาณของคอนเทนต์ที่เพิ่มมากขึ้น และประกาศลดราคาเกมถาวรเป็น 600 บาท (Standard Edition) ปัจจุบัน Tom Clancy’s Rainbow Six Siege ได้กลายเป็นหนึ่งในเกม FPS Competitive ที่ยอดเยี่ยม พร้อมมีการจัดอีเว้นท์ Esports ครั้งยิ่งใหญ่ประจำทุกปี
Red Dead Online
GTA Online ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นทั้งในแง่ของจำนวนผู้เล่นกับรายได้ ฉะนั้น Red Dead Online BETA ซึ่งเป็นผลงานล่าสุดของ Rockstar Games จะประสบความสำเร็จตามรอยรุ่นพี่ (GTA Online) หรือไม่ ?
กระแสความนิยมของ Red Dead Online BETA จัดว่าไม่น่าประทับใจด้วยระบบเกมทั้งหมดคล้ายคลึงกับ GTA Online เกือบทุกด้าน และปริมาณคอนเทนต์น้อยมาก รวมถึงขาดการอัปเดตเนื่องจากเป็นเวอร์ชันทดลอง “BETA” จึงทำให้เกมเมอร์ส่วนใหญ่ยังคงนิยมเล่น GTA Online เนื่องจากมีคอนเทนต์ที่พร้อมมากกว่า
แต่หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งปี Red Dead Online ได้ประกาศเปิดให้เล่นเป็นทางการ พร้อมอัปเดตใหญ่ที่ประกอบด้วยเนื้อหาภารกิจหลัก กับมิชชั่น Co-op ตัวใหม่, เปิดตัวโหมดเล่นเกมไพ่คลาสสิกอย่าง Poker และปรับปรุงเกมเพลย์อีกหลายส่วน จึงทำให้กระแสความนิยมของ Red Dead Online กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งอย่างก้าวกระโดด
Fallout: New Vegas
ก่อนจะเป็นเกมที่หลายคนยกย่องว่าเป็น Fallout ภาคระดับตำนาน แต่รู้หาไม่ว่าช่วงแรกของเวลาวางจำหน่ายเกมนี้ เกมเคยประสบปัญหาด้านประสิทธิภาพอย่างหนักจนเกมเมอร์หลายคนต้องส่ายหน้าหนีเลยทีเดียว
ตอนแรก Fallout: New Vegas มีปัญหาบั๊กที่เยอะเกินไป, ภาพ Frame rate ตก, เซฟพัง, ศัตรู AI โง่เกินไป และเกิดอาการเกม Crash หลายครั้ง ซึ่งมีผลเนื่องจากการใช้เกมเอนจินของ Bethesda อย่าง Gamebryo ที่ล้าสมัย โดยทาง Obsidian โดนบังคับให้ใช้เอนจินตัวนี้โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น
ปัญหาบั๊กของ Fallout: New Vegas ทำให้แฟนเกมเดือดดาลอย่างมาก ทำให้ Bethesda ต้องลงมือเข้ามาช่วยทีมงาน Obsidian ในการซ่อมแซมเกมแบบยกใหญ่จนสามารถแก้ไขบั๊กประมาณ 200 ตัว และในเวลาหนึ่งเดือน เกมสามารถกลับมาเล่นตามปกติอีกครั้ง รวมถึงกลายเป็นเกมที่แฟน ๆ ยกย่องเป็น Fallout ที่ดีที่สุดอีกด้วย
No Man’s Sky
No Man’s Sky เป็นเกมที่สร้างความผิดหวังให้กับเกมเมอร์ทุกคนด้วยปริมาณคอนเทนต์ไม่ตรงกับโฆษณาตั้งแต่แรก จนกลายเป็นเรื่องราวถกเถียงบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างดุเดือด และทีมพัฒนา Hello Games ก็เกือบโดนฟ้องร้องขึ้นศาล รวมถึงโดนจดหมายขู่ฆ่าอีกด้วย
แต่ทีมงาน Hello Games และ Sean Murray ผู้กำกับเกมดังกล่าว ก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคหรือทิ้งเกมทันที ระหว่างมรสุมไฟในใจของเหล่าเกมเมอร์กำลังพลุ่งพล่าน ทีมงานยังคงพัฒนาเกมให้ดียิ่งขึ้นต่อไปจนออกเวอร์ชัน NEXT ที่เป็นการปรับปรุงเกมแบบยกใหญ่ทั้งหมด
ผู้เล่นวิจารณ์แง่บวกว่า No Man’s Sky NEXT คือเกม No Man’s Sky ที่ควรเป็นตั้งแต่แรก เหล่าเกมเมอร์จึงชื่นชม Sean Murray ที่ไม่ทอดทิ้งเกมของพวกเขา และผู้เล่นต่างให้สนับสนุนทีมงาน Hello Games ด้วยการซื้อเกมมาเล่นอีกครั้ง พร้อมให้กำลังใจแก่ทีมงานต่อไป