บางครั้งเราก็ต้องมองโลกในแง่ดีบ้างและนี่คือ 5 คุณประโยชน์ต่อชีวิตที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณกลายเป็นคนติดเกม
การเล่นเกมเป็นกิจกรรมบันเทิงที่มีการใช้เวลาสูงและแน่นอนครับเมื่อการทำอะไรก็ตามที่มากเกินไปย่อมมีแต่ผลเสีย แต่ทว่าในบ้านนี้เมืองนี้สยามประเทศของเรานั้นค่อนข้างมีทัศนคติแง่ลบกับการเล่นเกมอย่างมากโดยเฉพาะกับคำว่า”ติดเกม”
คนติดเกมเป็นเช่นไร ผมก็ไม่อาจจะชี้ชัดระบุสายพันธุ์กันได้ขนาดนั้นแต่หลายคนก็คงจะนึกภาพตามสิ่งที่ผมกำลังนึกอยู่ใช่มั้ยล่ะครับ ? คนติดเกมก็คงจะเป็นคนที่ใช้เวลาเล่นเกมอย่างบ้าคลั่งในหนึ่งวัน ถ้าไม่นับช่วงทำงานหรือเรียนคนติดเกมก็คงจะเอาแต่เล่นเกม เกม เกมโดยไม่สนใจสังคมรอบข้าง อาจเป็นเพราะว่าเขาชอบเกมนั้นมาก อาจเป็นเพราะว่าเขาต่อต้านสังคม หรืออาจเป็นเพราะว่าเขาไม่มีอะไรจะทำ
อย่างที่หลายคนคิดแหละครับการเล่นเกมที่มากเกินไปหรือติดเกมนั้นจะส่งผลเสียกับเราไม่ว่าจะเป็นผลการเรียน ทักษะการเข้าสังคมหรือแม้กระทั่งผลทางตรงต่อร่างกายเช่นอ้วน สายตาสั้น เสียบุคลิกภาพ แต่เราไม่อยากให้ทุกคนหยุดอยู่แค่นั้นครับ ผมอยากให้ทุกคนคิดมุมกลับ ปรับมุมมอง(?) ให้กลายเป็นคนโลกสวยและมองโลกแง่บวกระยะสุดท้ายไม่ต่างอะไรกับนางเอกละครที่โดนตัวร้ายชวนเข้ามาในห้องยามค่ำคืนแล้วคิดว่าจะมานั่งทำบัญชีกันและลองอ่าน 5 คุณประโยชน์ในชีวิตที่เกิดจากการติดเกมด้านล่างนี้กันครับ
1. ประหยัดค่าไฟ
“การเล่นเกมมันก็เสียค่าไฟเว้ยไอ้โง่ !!” ผมรู้ว่าการเล่นเกมนั้นก็ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเช่นกัน แต่เราลองถอยออกมาหนึ่งก้าวเพื่อมองภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น โอเค ถึงแม้ว่าคุณจะต้องใช้คอมพิวเตอร์สุดโหดที่กินไฟเอาเรื่อง แต่เมื่อคุณได้จับวิดีโอเกมส์และหลงใหลไปกับมันแล้วคุณก็อาจจะไม่อยากเปิดไฟเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศให้ครบถ้วน คุณก็จะไม่เปิดทีวีให้เปลืองค่าไฟและรบกวนโสตประสาทของคุณ คุณจะไม่อาบน้ำ จะไม่ซักผ้า จะไม่รีดผ้าและจะไม่ทำกิจกรรมใดๆที่ต้องใช้ไฟฟ้านอกเหนือจากเกมส์ บางคนก็อาจจะถึงขั้นประหยัดค่าข้าว ประหยัดค่าน้ำ ประหยัดค่าเล่าเรียนไปด้วยเลยก็ได้ แหม่ ช่างคุ้มค่าเสียนี่กระไร
2. ช่วยชาติประหยัด
ฮั่นน่ะ ! สตันจากข้อแรกไม่หายยังมางงกับข้อสองอีก ติดเกมจะช่วยชาติได้ไงฟะ!? อันที่จริงแล้วมันอาจไม่ใช่การช่วยชาติโดยตรงแต่ลองนึกดูว่าถ้าคุณติดเกมอยู่บ้าน คุณก็ไม่อยากจะออกไปเจอสังคมพบปะเพื่อนฝูง ไม่อยากออกไปเที่ยว คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานจากน้ำมันเพราะคุณไม่ต้องใช้รถนั่นเอง !! หรือถ้าคุณใช้การคมนาคมสาธารณะคุณก็ไม่ต้องขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดินคุณก็ช่วยชาติประหยัดไปได้รวมไปถึงแก้ปัญหารถติดได้อีกด้วย บร๊ะเจ้า !!! นี่คุณช่วยชาติได้มากเลยทีเดียวนะเนี่ยย ( ถ้าไม่นับการใช้พลังงานไฟฟ้าจากคอมพิวเตอร์น่ะนะ )
3. คุณจะไม่เสี่ยงต่อมะเร็งตับแข็ง
ถ้าอาการติดเกมของคุณมันเข้าขั้นเรื้อรัง การที่จะเอาเวลาไปปาร์ตี้เมาหัวราน้ำหรือนั่งจีบเบียร์ ไวน์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆก็ยากที่จะเป็นไปได้เพราะมันทำให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมของคุณลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้อาจส่งผลต่อการที่คุณจะไม่ต้องเป็นมะเร็งตับแข็งเหมือนกับพวกขาดื่มนักเที่ยวทั้งหลายในวัยกลางคนก็เป็นได้ ประโยชน์ล้วนๆยกเว้นเสียแต่ว่าคุณจะกินแต่อาหารที่สร้างไขมันรัวๆทั้งวันทั้งคืนน่ะแหละ
4. ประหยัดเงิน
แฟนเหรอ ? คุณพูดถึงแฟนที่หมายถึงคนตัวเป็นๆอ่ะนะ ? บ้า ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปหาล่ะในเมื่อผมนั่งเล่นเกมก็วันนึงสิบชั่วโมงเข้าไปแล้ว ใช่แล้วครับ ! เมื่อคุณติดเกมมากๆคุณจะไม่มีเวลาไปหาแฟน คุณจะไม่มีเวลาไปออกเดต แฟนที่เคยมีก็อาจจะรับไม่ได้ทิ้งคุณ และเมื่อคุณโสดและติดเกมอีกด้วย คุณก็ไม่ต้องไปเดท !! คุณไม่ต้องเอาเงินไปกิน After You คุณไม่ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าโทรศัพท์ คุณไม่ต้องซื้อดอกกุหลาบช่วงเทศกาลช่อละสองสามพัน คุณไม่ต้องซื้อของขวัญวันครบรอบ วันปีใหม่ วันวาเลนไทน์ วันเกิด วันที่คุยกันครั้งแรก วันที่เป็นแฟนกันครั้งแรก โว๊ะ !!! วุ่นวาย เอาเป็นชีวิตการเป็นโสดแถมไม่มีหญิงให้ควงเล่นก็จะช่วยให้คุณประหยัดไปได้เยอะเลยล่ะครับ
5. ชีวิตปลอดภัยไร้กังวล
ให้ตายเถอะ ผมถามจริงๆนะ ถ้าคุณมีห้องแบบนี้ไว้เล่นเกมคุณจะอยากออกไปข้างนอกงั้นเหรอ ? ออกไปเจออากาศร้อนๆและเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังจากแสงแดดอันร้อนแรงงั้นเหรอ ? ออกไปสูดอากาศและพิษควันเลวๆในบรรยากาศรอบข้างงั้นเหรอ ? ออกไปเสี่ยงให้รถชนตายตอนข้ามทางม้าลายอย่างนั้นเหรอ ? ออกไปเที่ยวแล้วกลับบ้านดึกดื่นเสี่ยงต่อการโดนกระทืบปล้นฆ่าชิงทรัพย์อย่างนั้นหรือ ? ไม่เลยยย ถ้าคุณมีห้องแบบนี้คุณก็อยากที่จะเปิด Battlefield 4 พร้อมภาพกราฟฟิกสูงสุดหรือ Skyrim ชุดจัดหนักที่ Mod ซะจนภาพถ่ายยังต้องอายนั่นแหละ เมื่อคุณอยู่ในห้องที่เปรียบเสมือนหลุมหลบภัยของเกมเมอร์แล้วคุณก็ปลอดภัยจากอันตรายในโลกภายนอก เห็นมั้ย เซฟตี้สุดๆ !!
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ก็ต้องขอยกนิ้วให้เลยครับที่ทนกับความไร้สาระของผมมาได้จนถึงที่สุด และถ้าใครยังไม่เก็ทและกำลังจะพิมพ์ด่าผมว่าเฮ้ย ติดเกมมันดีขนาดนั้นได้ยังไงบ้าหรือเปล่าก็อยากให้เลื่อนขึ้นไปอ่านด้านบนใหม่นะครับว่านี่คือการประชดประชันอีกหนึ่งครั้ง ( จากหลายพัน ) ของตัวผมเอง ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่คุณจะเป็นคนติดเกมหรือไม่ ผมไม่ได้มีปัญหากับการนิยามว่าใครเป็นคนติดเกมหรือเปล่า ผมว่าชีวิตใครก็ชีวิตมัน เพียงแต่ว่าถ้าคุณอยากให้ผู้ใหญ่ในสังคมมองการเล่นเกมให้มันดีกว่าที่เป็นอยู่ ก็คงจะมีแต่เราแล้วล่ะครับที่ต้องช่วยกันทำให้ภาพลักษณ์ของคนเล่นเกมดีขึ้นมาด้วยตัวเอง เริ่มจากตัวเราเอง อย่าเล่นเกมมากไป อย่าละทิ้งหน้าที่การงาน อย่าหันหลังให้สังคม ดูแลตัวเองและเล่นเกมให้พอเหมาะพอควรเท่านี้ผมว่าก็เพียงพอแล้วล่ะครับ ( ป๊าดดดด จบแบบมีสาระเฉยเลยเว้ยเฮ้ยย )