ปี 2018 เป็นปีแห่งการกู้ศักดิ์ศรีเกมไตเติ้ลระดับ AAA หลังจากปี 2017 ซึ่งเหล่าผู้เล่นกับเจ้าสำนักรีวิวยกให้เป็นปีที่แย่ของวงการเกม และแน่นอนว่าเกมในปี 2018 ได้สร้างความว้าวให้แก่ผู้เล่นไม่ว่าจะเป็น God of War, Marvel’s Spider-Man, Red Dead Redemption II และเกมอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ไม่ใช่ว่าเกมทุกเกมที่ผู้เล่นคาดหวังจะมีคุณภาพเพอร์เฟ็กต์ไปซะหมด และนี่คือ 5 เกมที่ทำให้เราบอบช้ำในปี 2018
Sea of Thieves
โอ้ทะเลแสนงาม
เกม Sea of Thives มีภาพกราฟิกตระการตา (โดยเฉพาะฉากทะเลสวยงามมาก) และเป็นหนึ่งในเกมชูโรงของค่าย Xbox แต่การเปิดวางจำหน่ายของเกมนี้กลับไม่เป็นที่ประทับใจของเหล่าเกมเมอร์ที่รอคอยมานานซะเท่าไหร่นักด้วยคอนเทนท์ที่น้อยนิด
เกมนี้ถ้าหากเล่นเพื่อนพ้องจะเพิ่มความสร้างสนุกสนานเฮฮาปาตี้เป็นเท่าตัว แต่น่าเสียดายที่ตัวเกมจะให้อารมณ์การเล่นที่รู้สึกซ้ำซากได้อย่างง่ายมากด้วยมอนสเตอร์ที่มีเพียงไม่กี่ชนิด กับมิชชั่นที่มีลักษณะแบบเดิม ๆ ซึ่งเปรียบเสมือนกับการวิ่งรอบสนาม 100 เมตรที่มีทิวทัศน์เดิม ๆ ตลอดเกือบทั้งเกม
Agony
อาร์ทสไตล์ 10/10 แต่ที่เหลือ 3/10
หนึ่งในเกมอินดี้สยองขวัญเอาตัวรอดที่พูดถึงมากที่สุดด้วยคอนเซปต์การออกแบบ และเต็มไปด้วยความรุนแรง ฉากลุ้นระทึกชนิดถึงพริกถึงขิงด้วย Trailer กับ Screenshot
แต่กลายเป็นว่า Anogy ได้สร้างความผิดหวังมากให้แก่เกมเมอร์ในเรื่องของระบบเกมเพลย์ที่พังไม่เป็นท่า และได้พบปัญหาประสิทธิภาพบัคเกมเด้งจนไม่สามารถเล่นต่อได้
แต่สิ่งเกมเมอร์เดือดดาลมากที่สุดก็ไม่พ้นเรื่องของทีมงาน Madmind Studio ได้โฆษณาตัวเกมเกินจริง โดยกล่าวว่าเนื้อหาในเกม Agony จะมีเนื้อหาทางเพศและความรุนแรงชนิดจัดเต็มในเรท AO+ แต่ทว่าเมื่อถึงวันปล่อยจำหน่ายตัวเกมกลับเพลย์เซฟลดท่อนความรุนแรงลงไปเยอะมากจนเหลือเพียงแค่เรท M – Mature ซึ่งขัดกับความตั้งใจของทีมงานและสิ่งผู้เล่นที่หลายคนคาดหวังไว้
ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายเหมือนกันเพราะว่าเกม Agony ได้สอบผ่านฉลุยเรื่องด้านออกแบบฉากนรกได้น่าขนลุกและเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ถ้าหาก Agony เป็นเกมสายอาร์ทเน้นการ Interactive เป็นหลัก ก็อาจจะไม่ต้องติดอยู่ในรายชื่อเกมบอบช้ำเลยก็เป็นได้
The Crew 2
ภาคแข่งรถเปิดโลกกว้างที่ไม่ต่างอะไรจากภาคแรกมากนัก
หลังจาก The Crew ภาคแรกโดนวิจารณ์ยับในเรื่องฟิสิกส์การขับรถ ตัวเกม The Crew 2 ก็ยังคงไม่ได้รับการปรับปรุงฟิสิกส์ให้ดีขึ้นเท่าที่ควรจะเป็น ถึงแม้ว่าขนาดแผนที่ของเกมจะยังคงมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร แต่ก็ไม่เป็นที่น่าจดจำมากพอ เพราะว่าโลกของเกม The Crew 2 มันช่างไร้สีสันซะเหลือเกิน
นอกเหนือจากนี้ ในช่วงวันเปิดเกมตัวเกมยังขาดคอนเทนท์อีกมากมายที่ไม่สมกับเกมเปิดโลกกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสนามแข่งหรืออีเว้นท์การแข่งขันต่าง ๆ ที่น้อยและขาดความสร้างสรรค์ไม่สมกับเกมแผนที่ใหญ่ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าแม้ประเภทการแข่งขันจะมีความแปลกใหม่มากยิ่งขึ้นอย่างการแข่งขันเรือกับเครื่องบิน ก็ไม่สามารถทำให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกสนานกับเกมได้อย่างคงที่เช่นกัน
ด้วยการอัปเดทเนื้อหาประจำเดือนที่น้อยนิดและทีมงาน Ivory Tower ดูเหมือนจะไม่ค่อยเอาใจใส่กับตัวเกมเท่าไหร่นัก ทำให้เกม The Crew 2 ค่อย ๆ จางเลือนหายไปกลายเป็น DEAD GAME โดยปริยาย
The Quite Man
แนวคิดน่าสนใจที่ใช้ไม่ได้สำหรับวีดีโอเกม
The Quiet Man เป็นเกมแอคชั่น Beat’em Up ที่จะนำเสนอเรื่องราวผ่านตัวละครเอกชายผู้หูหนวกนามว่า Den ที่ต้องสืบหานักร้องสาวที่โดนชายสวมหน้ากากลึกลับลักพาตัวไป
สิ่งที่น่าผิดหวังตั้งแต่เริ่มเกมมา ก็คือเรื่องการนำเสนอเนื้อเรื่องที่ “เงียบ” ตลอดทั้งเกม ซึ่งทีมงานได้กล่าวว่าตัวเกมจะปล่อยให้ผู้เล่นจินตนาการกันเอาเอง แต่สิ่งที่ทีมงานพูดว่ามันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ เพราะผู้เล่นไม่สามารถตีความเนื้อเรื่องได้หากปราศจากบทสนทนาและเสียง
ถึงแม้ว่าฉาก Cutscence ของเกมนี้จะมีคุณภาพสูง และมีผู้กำกับออกแบบท่าต่อสู้โดยผู้มีประสบการณ์จากซีรี่ส์ Yakuza โดย Tetsuro Koke (ซึ่งใช้ตัวไม่คุ้มค่าเลย เพราะว่าแอนิเมชั่นเกมนี้แข็งทื่อไม่พริ้วเอาซะเลย) แต่การนำเสนอเนื้อเรื่องที่มีเอกลักษณ์ แต่ล้มเหลวในการสื่อสารแก่ผู้เล่น ส่งผลทำให้เกมเมอร์หลายคนไม่สามารถทนเล่นเกมกับลักษณะการเล่าเรื่องที่อินดี้เกินไปจนจบเกม
The Quite Man จึงเป็นเกม Beat’em Up ธรรมดา ๆ เกมหนึ่งที่มีเนื้อเรื่องชวนง่วงหลับ (เพราะเงียบ) แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า แนวคิดที่ตัวเอกหูหนวกแต่สามารถต่อสู้แบบหมัดต่อหมัดได้เป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อย
Fallout 76
มันคือ Fallout 4.76 Multiplayer
ในช่วงนี้ไม่มีใครพูดถึงเกม Fallout 76 เพราะว่ามีผู้เล่นรายงานปัญหาของเกมนี้อย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นบัคด้านประสิทธิภาพหรือบัคตัวเกมที่มีเยอะมากมายจนเกินทน ถึงแม้ว่าเกมของค่าย Bethesda Game Studios จะมีชื่อเสียงกับขายบัคสุดฮา แต่การเปิดตัวตั้งแต่ในช่วง BETA ไปจนถึงเกมเต็มก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขตัวเกมมากพอจนเป็นเหตุให้เกมเมอร์หลายคนรู้สึกไม่พอใจกับเกมนี้เป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าแผนที่ West Virginia จะมีสีสันเป็นธรรมชาติมากกว่า Fallout ทุกภาค แต่เพราะในเกม Fallout 76 ไม่มีตัวละครประเภท NPC ให้ผู้เล่นได้มีปฏิสัมพันธ์ ทำให้การเล่น Solo เดี่ยวของเกมนี้จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกเงียบเหงาแปลก ๆ
Fallout 76 เต็มไปด้วยแรงผลักดันพยายามที่จะสร้างเกม Multiplayer แต่เพราะระบบดังกล่าวเป็นบ่อเกิดทำให้ตัวเกมมีข้อจำกัดคอยรั้งตัวเกมไม่ให้ไปสุดทาง และพ่วงกับปัญหา Perfomance ที่เยอะเกินกว่าที่จะอภัยได้ จึงยกให้เป็นหนึ่งเกมที่ทำให้เราบอบช้ำในปี 2018