ความ Hype ถือเป็นสีสันหนึ่งของวงการสื่อบันเทิง ไม่ว่าจะภาพยนตร์หรือวิดีโอเกมที่เราชื่นชอบ มีหลายเกมที่เปิดตัวออกมาแล้วเราอยากเล่นเหลือเกิน แต่พอออกมาจริง ๆ กลับรู้สึกผิดหวังไม่สมกับที่รอคอย จนเสียดายเงินและเสียความรู้สึกที่อุตส่าห์รอมาอย่างยาวนาน ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่ามีเกมใดบ้างที่ก่อนเกมออกนั้น Hype กันสุดใจ แต่พอออกมาแล้วกลับไม่เป็นไปดังที่หวัง
อนึ่ง บทความนี้อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซด์ screen- critic และบางเกมก็มาจากความเห็นของตัวผู้เขียนเองด้วย ดังนั้นบางเกมอาจจะไม่ตรงกับความเห็นของเพื่อน ๆ บ้างก็ต้องขออภัยมาด้วยนะครับ
The Order 1886
ในสมัยที่เครื่อง Playstation 4 เปิดตัวออกมาใหม่ ๆ เกมนี้ถือเป็นเกมที่เรียกความสนใจให้กับผู้ได้ชมตัวอย่างของเกมในตอนนั้นอย่างมาก ด้วยกราฟฟิกที่เรียกว่าโคตรสวย แถมยังผสมผสานความเป็น Steam Punk รวมกับศิลปกรรมในยุควิกตอเรียนได้อย่างลงตัว และฉากแอคชั่นที่ดูดุดันน่าสนใจ แน่นอนว่าพอได้เห็นครั้งแรกหลายคนก็รู้สึก Hype แบบสุด ๆ ทันที แต่พอหลังจากเกมออก ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เกมถูกนักวิจารณ์สับจนเละ เพราะตัวเกมมีความเป็นเส้นตรงมากจนเกินไป การสู้กับบอสก็สุดจะน่าเบื่อเพราะมีแต่การกดปุ่มแบบ Quick Time Event และเกมเองก็สั้นมาก จะมีดีอย่างเดียวก็คือกราฟฟิกที่ทำออกมาสวยงามจนรู้สึกเสียของโดยใช่เหตุ ซึ่งตัวเกมเคยถูกวางไว้ว่าจะสร้างภาคต่อ แต่ด้วยกระแสตอบรับที่ไม่ดีทำให้มันถูกลืมเลือนไปอย่างรวดเร็ว
Battleborn
การหยิบเกมแนวหนึ่งมาผสมกับอีกแนวหนึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ตลอด และ Battleborn เองก็เป็นหนึ่งในเกมเหล่านั้น มันมีองค์ประกอบของเกม MOBA และ FPS ที่ผสมกันอย่างลงตัว และจากตัวอย่างที่ทาง 2K Games ปล่อยออกมานั้นมันก็ดูดีและน่าเล่นมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ในช่วงทดสอบ Beta จะมีคนลงทะเบียนร่วมเล่นมากถึง 2 ล้านคน ทุกอย่างดูจะไปได้สวยถ้าไม่มีเกม ๆ หนึ่งออกมาขัดลาภ นั้นก็คือ Overwatch สุดยอดเกม FPS แบบ Team Base ที่กลายมาเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ของวงการวิดีโอเกมนั้นเอง และทุกคนก็ลืม Battleborn กันไปจนหมดสิ้น ยิ่งถ้านำไปเปรียบเทียบกัน Overwatch ก็ดีกว่าในทุกด้าน แม้ทางผู้จัดจำหน่ายจะเปลี่ยนมาเปิดให้เล่นฟรีแทนจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของตัวเกมดีขึ้นแม้แต่น้อย
Daikatana
ย้อนกลับไปช่วงต้นทศวรรษ 90 John Romero ผู้ร่วมก่อตั้งของ id Software ทีมพัฒนาเกม FPS ระดับตำนานอย่าง Wolfenstien 3D และ DOOM ได้ตัดสินใจลาออกและมาตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ ION Strom และเกมเปิดตัวของทีมงานก็คือ Daikatana เกม FPS ที่โหมกระแสทำการตลาดแบบสุดตัว ปั่นกระแสให้ทุกคนเชื่อว่าเกมนี้จะมาเป็น “The Next Big Thing” หรือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกชิ้นใหม่ จนทำให้เหล่าเกมเมอร์และคนทั่วไปถึงกับ Hype กันแบบสุดตัว แต่ด้วยการพัฒนาที่ล่าช้าและเกิดปัญหามากมาย ทำให้กระแสเริ่มตีกลับ และพอตัวเกมออกมาก็กลายเป็นเกมที่ห่วยแตกแบบสุด ๆ จากที่ประกาศว่ามันจะเป็นเกม FPS RPG ที่สมบรูณ์แบบที่สุดก็เป็นแค่คำคุยโม้โอ้อวด ทุกอย่างในเกมเต็มไปด้วย Bug และงานสร้างที่ไม่เสร็จดี ด้วยความล้มเหลวของมันทำให้ชื่อของ John Romero แปดเปื้อนชนิดกู้ไม่ขึ้นในวงการเกมไปนานแสนนานเลยทีเดียว
Evolve
โดยส่วนตัวผู้เขียนแล้วนี่คือเกมที่มีศักยภาพมากเกมหนึ่ง แต่กลับไปไม่ถึงดวงดาว มันคือเกม FPS แบบทีมหนึ่งรุมสี่ระหว่างเหล่านักล่าและสัตว์ประหลาดสุดแกร่ง พัฒนาโดย Turtle Rock Studios ที่เคยสร้างผลงานอย่าง Left 4 Dead ภาคแรกมาแล้ว และเกมนี้ก็มีระบบการเล่นที่เจ๋งไม่แพ้กัน กับสัตว์ประหลาดที่จะทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ และเหล่านักล่าที่มีลูกเล่นมากมาย หลังจากเปิดตัวในงาน E3 ก็ปลุกกระแส Hype ให้เหล่าเกมเมอร์อยากเล่นกันขึ้นมาทันที แต่กลับต้องมาตกม้าตายง่าย ๆ เพราะเนื้อหาในเกมตอนเปิดตัวนั้นมีน้อยมาก แถมยังถูกหั่นไปขายเป็น DLC ไปเสียเกือบหมด และด้วยตัวเกมเต็มเองก็มีราคาสูงอยู่แล้วแถมต้องมาซื้อ DLC เพิ่มอีก ทำให้เกมนี้ถูกผู้เล่นสาปส่งอย่างมากมาย และถึงแม้จะมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาในเกมให้กลายเป็นเกมแบบเล่นฟรีก็ไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น จนในที่สุดทาง 2K Games จึงตัดสินใจปิดการให้บริการเซิฟเวอร์ของเกมลงไปในปีนี้นั้นเอง
Titanfall
คาดว่าหลายคนที่เห็นชื่อเกมนี้ขึ้นมาคงรู้สึกเหมือนกับไฟแค้นที่เคยสุมทรวงมันโหมขึ้นมาเลยทีเดียว กับผลงานเปิดตัวของค่าย Respawn Entertainment ของอดีตผู้สร้าง Call of Duty อันโด่งดัง กับเกม FPS ที่ถูกอัดฉีดด้วยระบบการเล่นอันฉับไว มันส์ทะลุปรอท และทุกคนก็เชื่อมั่นว่ามันจะต้องออกมายอดเยี่ยมแน่นอน แถมผู้พัฒนายังสัญญาอีกว่าจะไม่มีการขายเนื้อหาเสริมเพิ่มเติม แต่ในวันที่เกมออก หลังจากที่ทุกคนแห่ไปเล่นกันอย่างมากมาย จู่ ๆ ยอดผู้เล่นก็หายไปอย่างรวดเร็วเพราะเนื้อหาในเกมที่มีค่อนข้างน้อยกว่าที่หวังเอาไว้ คะแนนวิจารณ์จากตัวผู้เล่นในแต่ละระบบต่างก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเกมน่าสนใจในช่วงแรกและกลายมาเป็นความน่าเบื่ออย่างรวดเร็ว แถมยังหักหลังผู้เล่นด้วยการออก Season Pass ที่เพิ่มแผนที่ในเกมแค่ไม่กี่ฉากและเนื้อหาอีกนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น(พร้อมราคาอันแพงสุดใจ) ทำให้กระแสตีกลับกลายเป็นเสียงก่นด่าทันที แม้จะสามารถแก้ตัวจากภาคสองได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่เคยเล่นภาคแรกมาก่อนลืมได้ลงว่าเคยเจออะไรมาก่อนแม้แต่น้อย
และสำหรับเพื่อน ๆ ชาว GamingDose มีเกมไหนบ้างที Hype แบบสุด ๆ แต่ถึงเวลาจริงๆกลับไม่เป็นไปดังหวัง ก็ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ครับ