เมื่อโลกเปลี่ยนไป การเล่นเกมอยู่แค่หน้าคอมหรือที่บ้านของคุณ แต่การเล่นเกมมันไปกับคุณแม้ยามเดินทางและนี่คือ 5 ข้อที่คุณควรปฏิบัติตาม
ทุกวันนี้คงปฏิเสธได้ยากว่าการใช้บริการรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนกรุงเทพที่ต้องเร่งรีบใช้ชีวิตอันแสนสั้นให้ทันเวลาไม่ว่าจะเป็นการนัดหมายประชุมช่วงเช้า นัดพบลูกค้าแสนไกลช่วงบ่าย ย้อนกลับมาดินเนอร์กับสุดที่รักใจกลางเมืองก่อนตบท้ายด้วยการกลับบ้านย่านฝั่งธน
รถไฟฟ้าเปรียบเสมือนของขวัญจากพระเจ้าที่ช่วยให้กรุงเทพเล็กลง ช่วยให้การเดินทางมันง่ายขึ้นแต่ทว่าช่วงเวลาบนรถไฟฟ้านั่นแหละที่เปรียบดั่งนรกระยะสั้นที่คุณต้องยืนสบตากับคนตรงข้าม ช่วงเวลาอันแสนอึดอัด น่าเบื่อและ awkward แบบนี้นอกจากการเล่น Social Media กับฟังเพลงแล้วก็คงหนีไม่พ้นการเล่นเกมที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นซึ่งผมก็เป็นอีกหนึ่งคนครับที่ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นประจำทำให้ผมรู้ว่าหากคุณจะเล่นเกมบนรถไฟฟ้าคุณควรจะทำอย่างไร ไปดูกันเลยดีกว่า
1. หลังชนฝาคือกุญแจสำคัญ
แน่นอนครับการที่คุณจะเล่นเกมบนรถไฟฟ้าได้นั้น คุณต้องใช้ทั้งสองมือในการเล่นนั่นหมายความว่าคุณไม่สามารถที่จะยืนจับราวหรือเกาะเสาได้อย่างแน่นอน โอเค ถ้าคุณขึ้นมาแล้วมันดันมีที่ว่างนั่นถือเป็นชัยชนะแต่หลายครั้งมันไม่ง่ายเช่นนั้น รถไฟฟ้าที่แน่นพอประมาณคุณจะทำอย่างไรล่ะ ?
คำแนะนำของผมคือถ้าคุณขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินให้ยืนหลังชนฝาไว้ครับ เมื่อคุณยืนหลังชนกำแพงได้แล้วความมั่นคงมาทันทีครับไม่ต้องกลัวรถเบรค ไม่ต้องกลัวคนดันหลัง แค่นั้นไม่พอเพราะตำแหน่งยืนเป็นเรื่องสำคัญครับ
หากคุณยืนพิงกระจกข้างประตูทางออกมันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก เนื่องจากผู้คนเข้าออกพลุกพล่านบางครั้งอาจชนโทรศัพท์ของคุณหล่นเสียหายได้
อีกหนึ่งคำแนะนำของผมคือยืนระหว่างขบวนรถครับ ใช่ครับ ตรงกลางรอยต่อระหว่างขบวนนั่นแหละครับ พิงไปเลยฮะ ไม่มีใครเดินผ่านขณะรถวิ่งอย่างแน่นอนและไม่ต้องกลัวรถมันจะขาดกันจนคุณร่วงไปเป็นชิ้นเนื้อครับ นี่ชีวิตจริงไม่ใช่หนังแอ็คชั่นที่จะเกิดวินาศกรรมระเบิดรถไฟ ตู้มมม !!!!
2. เลือกเกมให้เหมาะสม
การเลือกเกมเป็นสิ่งสำคัญครับเพราะการเล่นเกมบนรถไฟเป็นกิจกรรมเผื่อทำให้เราผ่อนคลายจากงานที่ตึงเครียด บรรยากาศที่แสนอึดอัด จิตใจที่ฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้นเกมที่เราเล่นควรเป็นเกมง่ายๆสบายๆครับ
การที่คุณเลือกเกมอย่าง FIFA , Pro Evolution Soccer มาเล่นบนรถไฟฟ้านอกจากจะต้องการสมาธิและความแม่นยำในการกดอย่างมาก มันจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกเครียดและจริงจังกับมันมากขึ้นไปอีกและที่สำคัญการอยู่บนรถไฟฟ้านั้นไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยาวนานนับชั่วโมงครับ การเล่นเกมของคุณอาจต้องขาดช่วงเนื่องจากว่าถึงสถานีเป้าหมายแล้วดังนั้นเกมที่คุณเลือกมาควรมีความยาวไม่เกิน 5 นาทีต่อรอบด้วยครับผม
3. ตื่นตัวตลอดเวลา
ตื่นตัวตลอดเวลาครับเพราะคุณคงไม่อยากจะพลาดสถานีเป้าหมายและต้องทำการเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าซ้ำไปมาให้เสียเวลาอันมีค่าหรอกจริงมั้ยครับ ?
นอกจากจะต้องตื่นตัวต่อสถานการณ์รอบข้างตลอดเวลาแล้ว เสียงเพลงในหูฟังของคุณไม่ควรดังเกินไปครับเพราะในบางครั้งคนขับรถไฟฟ้าก็จะมีการแจ้งเหตุขัดข้องบางประการรวมไปถึงการเปลี่ยนเส้นทางเดินรถอยู่บ้างประปรายครับ เพราะฉะนั้นไม่เปิดเสียงดังเกินไปและตื่นตัวไว้ตลอดเวลาดีที่สุดครับผม
4. เตรียมตัวให้พร้อม
เป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักของคนที่ไม่เคยพก Power Bank หรือที่ชาร์จสำรองนะครับ ในวันที่เราออกไปโลดแล่นมาทั่วกรุงเทพและกำลังจะกลับบ้านปรากฏว่าแบตโทรศัพท์ดันหมดพอดิบพอดี ไม่แม้กระทั่งจะสามารถหยิบมันมาใช้ฟังเพลงแก้เซ็ง
ผมแนะนำให้ชาร์จให้เต็มแน่นก่อนออกจากบ้าน คำนวนการใช้แบตอย่างพอเหมาะพอควรเพื่อให้เหลือถึงช่วงก่อนกลับบ้านจะเป็นการดีที่สุดครับ ส่วนใครมีเงินหน่อยก็ซื้อที่ชาร์จแบตสำรองมาติดกระเป๋าไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับผม
5. เกรงใจเพื่อนร่วมโดยสาร
ข้อนี้เป็นข้อที่ผมอยากจะกำชับให้มั่นเหมาะมากที่สุดครับผม เนื่องจากว่าเรากำลังเดินทางโดยรถสาธารณะครับเพราะฉะนั้นการเกรงใจผู้อื่นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เล่นมือถือให้มันถูกที่ถูกทางแขนหรือข้อศอกไม่ไปเกะกะคนด้านข้าง หูฟังไม่ดังจนเสียงออกมารบกวนคนด้านข้าง ไม่ยืนขวางทางคนเข้า-ออก โดยเฉพาะเวลาชั่วโมงเร่งด่วนคนแน่นๆนี่อดใจไม่เล่นสักพักนึงล่ะกันครับ
ผมเคยเจอขบวนเบียดๆแล้วคนด้านหน้ายังหยิบ iPad ออกมาเล่น Temple Run อยากจะหยิบ iPad มาฟาดหัวมันให้ตายกันไปข้างเลยครับ ท่องไว้ครับนี่ไม่ใช่รถเรา