จบลงไปแล้วสำหรับงาน PSXSEA2018 ที่ครั้งนี้มาจัดกันในประเทศไทย ให้ชาวเราได้ลองไปสัมผัสประสบการณ์งานเกมระดับโลก แม้เนื้องานโดยรวมจะเรียกได้ว่าจัดออกมาได้ดี แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่เราคิดว่าสามารถและควรปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ถึงเราจะไม่รู้ว่างาน PSX งวดหน้าประเทศไหนจะถูกเลือกใช้เป็นที่จัดงาน และตัวงานจะหวนกลับมาประเทศไทยกันอีกเมื่อไหร่ แต่เราก็ขอแสดงความคิดเห็นและแนะนำ 5 ข้อด้อยที่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ในงาน PSX หลังทีมงานเราไปสัมผัสประสบการณ์ตรงกันมาแล้วทั้งสองวัน
ใครอยากให้ปรับปรุงอะไรเพิ่มกันอีกก็แสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้ครับ และอย่าลืมไปร่วมโหวตความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับงาน PSX2018 กันได้ ที่นี่
1.สถานที่
เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการจัดงานกับการเลือกสถานที่ให้เหมาะสม สำหรับงาน PSX ครั้งนี้ดูเหมือนทางฝั่งผู้จัดจะประเมินความสนใจของเกมเมอร์ชาวไทยต่ำไปเสียหน่อย ผลที่ตามมาก็คือเราเลยได้งานที่ค่อนข้างจะแคบไปสักนิด (และกลายเป็นผลกระทบไปจนถึงข้อสองด้านล่าง)
จริงๆแล้วงานครั้งนี้ก็ไม่ได้คับแคบอะไรเพียงแต่จำนวนผู้มางานนั้นล้นทะลักอย่างมาก (แม้จะมีการจำกัดผู้เข้างานเพื่อเป็นการดูแลไม่ให้คนล้นพื้นที่งานเกิน) รวมเข้ากับการจัดเรียงบูธภายในงานเพราะสถานที่จำกัด ผลที่ตามมาก็คือความเบียดเสียดกันตั้งแต่ทางขึ้น ช่องซื้อบัตร แถวเข้างาน และภายในตัวงานเอง
แม้ตัวงานครั้งนี้จะจัดขึ้นกลางเมืองและอาจมีความสะดวกในเรื่องการเดินทาง แต่เชื่อว่าหากขยับไปจัดในสถานที่ซึ่งใหญ่ขึ้นและมีเวทีรวมไปถึงบูธที่ดีกว่าเดิมเกมเมอร์และผู้มาร่วมงานน่าจะประทับใจมากกว่าเดิมครับ
2.ระบบคิว
ถือเป็นดราม่ากันตั้งแต่วันแรกสำหรับระบบคิวภายในงาน เริ่มกันตั้งแต่การปล่อยคิวให้เข้างานวันแรกในแบบ Battle Royale คือใครดีใครได้ ก่อนจะมีการแก้ไขกันในวันที่สอง แถวตรวจกระเป๋าก่อนเข้างานก็ยาวเหยียดทำให้หลายคนเหนื่อยกันตั้งแต่ตรงนี้แล้ว
พอเข้าไปในงานคิวเล่นเกมก็ยาวอีกเหมือนกันโดยเฉพาะสองเกมยอดฮิตอย่าง Resident Evil 2 และ Spider-Man ซ้ำร้ายหากคุณอยากเข้าห้องน้ำพอเดินออกไปคุณก็ต้องกลับไปเข้าคิวรอเข้างานใหม่อีกรอบ จากการสัมภาษณ์คนในงาน หลายคนอยากจะสัมผัสกับสองเกมนี้แต่ก็ต้องถอดใจเพราะไม่สามารถทนยืนรอได้เป็นชั่วโมง ตัวระบบคิวถือเป็นอีกจุดที่หลายคนส่งเสียงเข้ามาว่าควรได้รับการปรับปรุง
3.อุปกรณ์ภายในงาน
ไล่กันไปตั้งแต่ทีวี จอย Playstation รวมไปจนถึงตัวเครื่อง Playstation เอง ว่ากันด้วยเรื่องของจำนวนก่อนเอาเข้าจริงๆแล้วบูธเกมดังอย่าง RE2 และ Spider-Man เรียกได้ว่ามีเครื่องให้เล่นน้อยไปหน่อย ซึ่งจุดนี้ก็อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทีมงานประเมินผู้เข้าร่วมงานต่ำไปนิด
แต่ปัญหาสำคัญอย่างคุณภาพทีวีและจอยเป็นอีกเรื่องที่ต้องปรับปรุง บางบูธมีจอยเสีย บางบูธเจอทีวีเสีย หรืออย่างซวยสุดบางบูธเจอเครื่องค้างไปเลยระหว่างเล่นก็มีเหมือนกัน ผมเชื่อว่าแฟนเกมที่มางานคาดหวังจะได้สัมผัสกับเกม Playstation 4 ในแบบที่มี “คุณภาพ” มากที่สุด อย่างน้อยเรื่องทีวีก็ควรมีภาพสีคมชัด ส่วนจอยก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีปุ่มเสียนะครับ เรื่องเกมค้างอะไรนี่เราเข้าใจกันได้ว่าอาจเป็นเพราะเป็นตัวเดโมจากทีมพัฒนา แต่จุดอื่นเราเชื่อมั่นว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้
4.การประชาสัมพันธ์
จากกระแสเสียงของเกมเมอร์ เชื่อว่างานนี้ยังสามารถประชาสัมพันธ์มอบข้อมูลให้เกมเมอร์แฟน PS4 ชาวไทยได้ดีกว่านี้ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีงานมาจัด บางคนไม่รู้ว่าต้องไปติดตามข้อมูลรายละเอียดของงานได้จากที่ไหน อย่างเรื่องบัตร Fast Pass ในช่วงแรกหลายคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิทธิให้ใช้ การถามหาบัตรหรือข้อมูลในงานส่วนใหญ่ก็อาศัยการถามตามกลุ่ม Fan Page หรือกลุ่ม Community ใน FB กันเอาเอง
5.ปัญหาอื่น ๆ
สุดท้ายนี้คือเรื่องของรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สร้างความหงุดหงิดใจให้เกมเมอร์ชาวไทยหลายคน เช่นเรื่องของแถมกับบัตร VIP ที่วันแรกกับวันที่สองได้ของไม่เท่ากัน เรื่องบัตร VIP ที่ต้องต่อแถวเข้างานร่วมกับคนอื่น เรื่องรายละเอียดของ Event กลางที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งกันล่วงหน้า
ทั้งหมดที่ว่ามาอาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันให้เกิดขึ้นได้
สุดท้ายนี่ยังไงเสียการมาของงาน PSX ในประเทศไทยก็ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการเกม ยิ่งการแปลไทยของเกมดังระดับ AAA อย่าง Sekiro ก็ยิ่งตอกย้ำว่าค่ายเกมทั้งหลายเริ่มเห็นความสำคัญของวงการเกมไทยมากยิ่งขึ้น
หากจะมีงาน Event ใหญ่ขนาดนี้ถูกจัดขึ้นในไทยอีกครั้ง เราก็หวังว่าจะได้เห็นการปรับปรุงให้สมกับกระแสตอบรับของแฟน ๆ ชาวไทยที่ร่วมใจกันมุ่งหน้าไปร่วมงานครับ